ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 670 เผชิญหน้า
บทที่ 670 เผชิญหน้า
“นั่นมันบ้าอะไร?”
“สัตว์พวกนี้โผล่มาจากไหน? ทำไมที่นี่ถึงมีสัตว์ได้?”
“สัตว์สารเลวพวกนี้ กล้าจะเล่นงานฉันงั้นเหรอ?!”
การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของร่างสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ ทำให้เหล่าผู้อาวุโสที่บุกมาถึงตรงหน้าอู๋ฝานตื่นตะลึง
พวกเขาไม่เคยเห็นสิ่งมีชีวิตเหล่านี้มาก่อน พวกมันเหมือนสัตว์ป่า ทว่าดุร้าย รุนแรง และก้าวร้าวยิ่งกว่าสัตว์ป่าจนไม่อาจเทียบได้
กลุ่มสิ่งมีชีวิตที่ปรากฏตัวอย่างกะทันหัน ย่อมเป็นมอนสเตอร์ที่อู๋ฝานอัญเชิญมา ปัจจุบันเขาเลเวลสิบหกแล้ว ดังนั้นมอนสเตอร์เหล่านี้จึงเลเวลสามสิบหก พวกมันแข็งแกร่งและยังมีจำนวนถึงยี่สิบตัว รวมกับการปรากฏอย่างกะทันหันตรงหน้าชายหนุ่ม กลุ่มคนที่บุกเข้ามาจึงไม่มีเวลาตอบสนองจนถูกฝูงมอนสเตอร์เล่นงาน
หลังมอนสเตอร์ทั้งยี่สิบสังหารเหล่าผู้อาวุโสที่คิดบุกเข้ามา พวกมันก็เริ่มเข้าสนับสนุนเรื่องราวกลางโถงประชุม เมื่อพวกมันเสริมกำลังทัพ สถานการณ์ฝั่งหลากสำนักจึงยิ่งเลวร้ายลง
บางคนคิดอยากจะพุ่งตัวออกไปภายนอก แต่นักรบโลกอสูรคอยเฝ้าคุ้มกันประตูเอาไว้อย่างแน่นหนา เรียกได้ว่าไม่มีโอกาสให้พวกเขาได้ออกไปแม้แต่น้อย
ส่วนศิษย์ที่พวกเขานำมานั้น ตอนนี้กำลังรวมตัวกันที่ลานกว้างของวังเมฆาสวรรค์ เรียกได้ว่ามันอยู่ไกลจากที่นี่ค่อนข้างมาก พวกเขาแทบไม่มีทางทราบว่าเกิดเรื่องใดขึ้นที่นี่ เพราะคงไม่มีใครคาดคิดว่าอู๋ฝานจะปรากฏตัวและลงมือโจมตีโถงประชุมอย่างกะทันหัน โดยที่ไม่ได้ผ่านประตูหลักของสำนักเข้ามาด้วยซ้ำไป
ขณะชายหนุ่มกำลังต่อสู้ วังเมฆาสีชาดและสำนักล้ำสวรรค์ที่นำโดยสวีอี้ซานและซือหลิน ก็กำลังรุกคืบเข้าใกล้วังเมฆาสวรรค์ แล้วเช่นกัน
“เจ้าวังสวี คิดว่านายน้อยไปที่ไหน?” ซือหลินเอ่ยถามสวีอี้ซานขณะเดินมุ่งไปข้างหน้า
“นายน้อยคิดทำอะไรอยู่นอกเหนืออำนาจการควบคุมของพวกเรา สิ่งที่พวกเราต้องทำก็มีเพียงแค่ทำตามคำสั่ง” สวีอี้ซานตอบกลับ
“ฉันรู้ดีและไม่ได้ต้องการจะเข้าไปแทรกแซงเรื่องที่นายน้อยทำ แต่หากนายน้อยไม่อยู่ที่นี่ พวกเราเพียงสองสำนักอาจไม่สามารถต่อกรกับพันธมิตรเหล่านั้นได้” ซือหลินตอบกลับ
คำพูดของซือหลินค่อนข้างเถรตรง เพราะลำพังแค่สองสำนักร่วมมือกัน มันย่อมไม่อาจเทียบกับหลายสำนักที่มารวมตัวกันได้อยู่แล้ว พวกเขาเหล่านั้นคือสำนักชั้นหนึ่งราวห้าถึงหกสำนัก จำนวนคนและความแข็งแกร่งโดยรวมเหนือกว่าพวกเขาทั้งสองสำนักอย่างไม่อาจเทียบ
ซือหลินไม่สบายใจ เพราะเขาเพิ่งยอมอยู่ภายใต้อาณัติของอู๋ฝาน แต่แล้วอีกฝ่ายกลับหายตัวไปอย่างกะทันหันระหว่างการศึก ไม่แปลกที่จะเกิดว้าวุ่นใจขึ้นมา
สวีอี้ซานขมวดคิ้ว เขาเองก็มีความกังวลเช่นเดียวกัน แต่ยังคงเลือกที่จะเชื่อในตัวอู๋ฝาน ดังนั้นจึงตอบกลับซือหลินไป “เชื่อในตัวนายน้อย ในเมื่อเขาออกคำสั่งให้พวกเราสองสำนักบุกเข้าไปตรง ๆ เขาจะไม่เพิกเฉยพวกเราอย่างแน่นอน บางทีอาจมีแผนการอื่นและลงมือไปแล้วด้วยซ้ำ”
ในเมื่อเขาเลือกอู๋ฝานเป็นที่พักพิงแล้ว ขณะนี้ไม่อาจถอยกลับไปไหน บางทีครั้งนี้อาจเป็นบททดสอบเพื่อดูว่าพวกเขาที่มาขอพักพิงจะแสดงความจริงใจออกมากันแค่ไหน
ตอนที่เลือกเข้าร่วมและนำกำลังคนมาช่วยชายหนุ่มล้างแค้น ซือหลินก็เตรียมใจรับความสูญเสียเอาไว้แล้ว เพียงแต่สถานการณ์ตอนนี้ชวนให้เขาว้าวุ่นใจกว่าที่คาดคิดเอาไว้พอสมควร
คนทั้งสองลังเลอยู่ไม่นาน ขณะออกนำกลุ่มคนของตนเองบุกถึงที่ตั้งวังเมฆาสวรรค์
สิ่งที่ทำพวกเขาพบว่าเกินคาดคือการบุกเข้าใกล้ราบรื่นเกินไป ระหว่างทางไม่มีการขัดขวางโดยเหล่าศิษย์ของวังเมฆาสวรรค์แม้แต่น้อย
แม้เป็นแบบนั้นก็ไม่ได้ทำให้ทั้งสองประมาท เนื่องจากที่นี่คือถิ่นของวังเมฆาสวรรค์ อีกฝ่ายคือสำนักที่มีศิษย์มากมาย และไม่มีใครทราบว่าพวกเขากำลังครุ่นคิดหรือเตรียมการอะไรอยู่กันแน่
ขณะสวีอี้ซานและซือหลินนำกลุ่มคนด้วยความระมัดระวังไปจนถึงวังเมฆาสวรรค์ พวกเขาก็ได้พบกลุ่มคนจำนวนมากกำลังตั้งค่าย มีทั้งวังเมฆาสวรรค์ สำนักเหมันต์ และสำนักล่องสวรรค์ ฝ่ายตรงข้ามต่างก็มีส่วนร่วมในการดักซุ่มเล่นงานอู๋ฝานกันทั้งสิ้น
พวกเขาถืออาวุธในมือขณะมองสวีอี้ซานและซือหลินที่เพิ่งมาถึงด้วยความระแวดระวัง
เมื่อเห็นเรื่องราวดังนั้น สวีอี้ซานและซือหลินถึงกับเปลือกตากระตุกอย่างรุนแรง แม้ระหว่างทางพวกเขาจะคิดถึงความเป็นไปได้มากมายเอาไว้ แต่พอเห็นกับตาตนเอง ใจของพวกเขาก็อดเกิดตึงเครียดขึ้นมาไม่ได้
ตรงหน้าคือทัพผสมของสำนักชั้นหนึ่งทั้งหก จำนวนคนมีมากกว่าพวกเขาอย่างไม่ต้องสงสัย ความแข็งแกร่งโดยรวมก็ไม่ใช่เล็กน้อยเช่นกัน อีกทั้งที่นี่ยังเป็นฐานของพวกเขา ไม่แปลกหากจะมอบแรงกดดันอันมหาศาลแก่ผู้บุกรุกที่มาเยือน
“มันทำเอาฉันนึกสงสัยละว่า วันนี้เจ้าวังสวีกับเจ้าสำนักซือนำคนมาที่วังเมฆาสีชาดเพื่ออะไรกัน” ผู้อาวุโสวังเมฆาสวรรค์นาม โม่หู่ ซึ่งรับผิดชอบรวบรวมกำลังพล ก้าวออกมามองตอบสายตาของสวีอี้ซานและซือหลิน
“พวกเราติดตามนายน้อยมาที่นี่ เพื่อสะสางเรื่องกับพันธมิตรสำนักทั้งหลาย!” สวีอี้ซานตอบกลับเสียงดัง
“นายน้อย?” โม่หู่เอ่ยถาม
“อู๋ฝาน เป็นนายน้อยอู๋!”
โม่หู่พยักหน้าตอบรับ “ชักสงสัยแล้วสิว่านายน้อยอู๋คนนั้นไปอยู่ที่ไหนแล้ว พวกเราจะได้พูดคุยกับนายน้อยอู๋ดี ๆ สักครั้ง”
“นายน้อยมีเรื่องอื่นต้องสะสาง ไม่นานจะตามมาสมทบ” สวีอี้ซานตอบกลับ
“ว่าไงก็ว่างั้น พวกเรารอจนนายน้อยอู๋คนนั้นมาถึงก็ได้” โม่หู่ตอบกลับ
ผลลัพธ์ที่ได้ ทั้งสองฝ่ายมี่มีกำลังคนนับพันยืนเฉยเผชิญหน้ากัน พวกเขาต่างมองกันและกันด้วยความระแวดระวัง ทั้งยังเงียบงันใส่ราวกำลังเล่นสงครามทางจิตวิทยา
กระทั่งผ่านไปสักพัก บรรยากาศในลานกว้างจึงเริ่มชวนอึดอัดใจมากขึ้น
ฝั่งพันธมิตรสำนัก เมื่อพวกเขายังไม่ได้คำสั่งใด ๆ จากบรรดาผู้นำ พวกเขาก็ไม่คิดจะเป็นฝ่ายเปิดฉากโจมตีวังเมฆาสีชาดและสำนักล้ำสวรรค์ ขณะที่สวีอี้ซานและซือหลินก็ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่จะสั่งเปิดฉากโจมตี เพราะยังไม่มีคำสั่งการของอู๋ฝานเช่นเดียวกัน
ทั้งสองฝ่ายทำได้เพียงยืนนิ่งเฝ้าระวังกันจนชวนเครียด
สถานการณ์นี้ดำเนินไปราวห้านาทีจนประตูโถงประชุมวังเมฆาสวรรค์เปิดออกอย่างกะทันหัน แต่เพราะอยู่ระยะค่อนข้างไกล กลุ่มคนที่ลานกว้างจึงไม่ได้ตระหนักกันแม้แต่น้อย
ชายหนุ่มใช้วิชานางแอ่นถลาลมก้าวทะยานสู่ลานกว้าง แน่นอนว่าไม่ต้องรอเขาไปถึงก็มีคนเริ่มเห็นแล้ว
อู๋ฝาน?!
ทำไมอีกฝ่ายถึงออกมาจากในสำนักได้?
เมื่อกลุ่มในลานกว้างเห็นอีกฝ่ายออกมาจากด้านใน พวกเขาก็แตกตื่น โดยเฉพาะกลุ่มคนจากวังเมฆาสีชาดที่ยืนนิ่งกันมาโดยตลอด หากจะมีใครผ่านเข้าไปยังภายในสำนัก มันก็ต้องผ่านประตูหลักและลานกว้างตรงนี้ แต่ไม่มีใครในบรรดาพวกเขาที่ผ่านไปไหนทั้งนั้น แต่แล้วคนตรงหน้ากลับออกมาจากในสำนักอย่างกะทันหัน ไม่แปลกหากทุกฝ่ายจะงุนงงว่าเกิดเรื่องใดขึ้นกันแน่
อู๋ฝานลักลอบเข้าไป แต่พวกเขาไม่เห็นอย่างนั้นเหรอ?
แต่ที่นี่มีคนหลายพัน พวกเขาทั้งหมดจะไม่เห็นเลยรึไง?
มันไม่ควรเกิดขึ้นได้
“นายน้อย!” หากเทียบเปรียบกับพวกโม่หู่และคณะที่กำลังตระหนกตกใจ สวีอี้ซานและซือหลินต่างรู้สึกยินดีที่ได้พบอู๋ฝาน
แม้พวกเขาเองก็ประหลาดใจกับทิศทางที่ชายหนุ่มปรากฏตัว ทว่าความยินดีมีมากกว่า ทั้งยังรู้สึกว่าภาระในใจที่หนักอึ้งได้คลี่คลายลงจนเปลี่ยนเป็นหนักแน่นขึ้นมา กระทั่งถึงตอนนี้คนทั้งสองจึงได้ตระหนัก ว่าตัวตนของอู๋ฝานในใจของตนเองนั้นสำคัญขนาดไหน
ช่วงที่อีกฝ่ายไม่อยู่พวกเขาว้าวุ่น แต่เพียงชายหนุ่มปรากฏตัว ความหวาดกลัวยามเผชิญหน้ากับกลุ่มคนจำนวนมากกว่าที่เคยมีกลับเลือนหายไปจนหมดสิ้น
………………..