ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 671 ข่มขู่
บทที่ 671 ข่มขู่
“อู๋ฝาน นี่แกเข้ามาในฐานของพวกเราได้ยังไง?” โม่หู่ที่ได้สติพลันตั้งคำถาม
“แทนที่จะสงสัยว่าฉันปรากฏตัวได้ยังไง ไปห่วงเจ้าวังอะไรนั่นก่อนจะดีกว่ามั้ง” อู๋ฝานตอบคำด้วยอาการอันสงบ
“นี่แกหมายความว่ายังไง?” โม่หู่พลันสังหรณ์ถึงลางร้าย
“แค่ไปดูที่โถงประชุมนั่นก็รู้ไม่ใช่รึไง?” เขาตอบกลับ
โม่หู่เดินไปยังโถงประชุมด้วยอาการร้อนรน ขณะชายหนุ่มมองบรรดาผู้อาวุโสจากสำนักอื่นพลางกล่าว “ขอแนะนำว่าให้ไปดูพร้อมกันเลยอาจจะดีกว่า”
เงียบ…
เหล่าผู้อาวุโสต่างมองหน้ากัน พร้อมเห็นความร้อนใจในสายตาของฝ่ายตรงข้าม หลังแจ้งให้คนของตนเองคอยระมัดระวัง พวกเขาก็ตามโม่หู่ไปยังโถงหลัก
“นายน้อย เกิดอะไรขึ้นกับผู้นำสำนักเหล่านั้นกันครับ?” สวีอี้ซานที่เห็นพวกโม่หู่ไปแล้วจึงถามเสียงเบา
“ตาย” อู๋ฝานตอบกลับ
“ตาย?!” สวีอี้ซานและซือหลินที่แม้จะเป็นฝ่ายเดียวกัน แต่เมื่อได้ทราบเรื่องชวนขนหัวลุกนี้ พวกเขาก็ยังต้องแตกตื่นตกใจ
อู๋ฝานเพิ่งแยกตัวออกไปไม่นาน และที่นี่ก็เป็นฐานที่มั่นของวังเมฆาสวรรค์ ซึ่งมีคณะผู้นำและผู้อาวุโสสำนักมารวมตัว แต่ชายหนุ่มกลับสามารถสังหารคนเหล่านั้นได้อย่างเงียบงัน และไม่ใช่เพียงหนึ่งคน แต่เป็นทั้งหมด! เรื่องนี้แม้เป็นพวกเดียวกันก็ต้องตื่นตระหนก
“ใช่ ตาย” ชายหนุ่มมองไปยังโถงประชุมก่อนจะเอ่ยอย่างสงบ “พวกมันตายกันหมดแล้ว”
สวีอี้ซานและซือหลินมองตามอีกฝ่ายไปจนถึงโถงประชุมด้วยสายตาตื่นตะลึง
“เจ้าสำนัก!”
“เจ้าวัง!”
“เจ้าสำนัก!”
ไม่นานเสียงแผดร้องอันเย็นยะเยือกของกลุ่มคนก็ดังออกมาจากโถงประชุม แม้จะอยู่ไกลห่าง แต่ทุกคนในที่นี้ต่างได้ยินอย่างชัดเจน
เหล่าศิษย์หลายสำนักที่ยังคงยืนนิ่งในลานกว้างเริ่มอยู่ไม่สุข หลังได้ยินเสียงนั้นมันก็ทำให้พวกเขาเริ่มร้อนใจ บางคนราวกับตระหนักว่ามันต้องเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้น
ทว่าชายหนุ่มยังคงสงบใจและยืนมองด้วยสีหน้าที่ไม่แปรเปลี่ยน
ไม่นานโม่หู่และคนอื่น ๆ ก็กลับมาจากโถงประชุม ก่อนจะเผยสายตาจับจ้องมองอู๋ฝาน
“อู๋ฝาน คนที่ฆ่าพวกเจ้าวังคือแกเหรอ?”
“เจ้าสำนักและคณะผู้อาวุโสของพวกเราด้วย!”
“เจ้าสำนักของพวกเราก็ด้วย!”
แม้เผชิญหน้ากับอาการร้อนรนของพวกโม่หู่ อู๋ฝานก็ยังไม่ยี่หระใด ๆ ทั้งสิ้น กระทั่งตอบด้วยความสงบ “ใช่ ฉันฆ่าพวกมันทั้งหมดเอง”
“ตายซะ!”
“อู๋ฝาน ตายซะเถอะ นี่เป็นการล้างแค้นให้เจ้าสำนักของพวกเรา!”
ทุกคนโพล่งโทสะกันออกมาและเตรียมลงมือกับคนตรงหน้า
“ก่อนจะทำอะไรแน่ใจกันแล้วใช่ไหม?” อู๋ฝานถามโดยไม่ตื่นตระหนกแม้แต่น้อย “ฉันเพิ่งฆ่าเจ้าสำนักและคณะผู้อาวุโสของพวกแก ดังนั้นพวกแกก็จะไม่ต่างอะไรกับพวกมันเช่นกัน!”
หากคนอื่นพูดคำนี้ออกมา พวกโม่หู่คงเย้ยหยันและไม่คิดเชื่อ แต่คนที่พูดคืออู๋ฝาน พวกเขาเชื่อว่าอีกฝ่ายพูดจริงและทำจริง มันไม่ใช่การข่มขู่ให้หวาดกลัว เพราะโศกนาฏกรรมที่พวกเขาได้เห็นกับตาในโถงประชุม เจ้าสำนักและผู้อาวุโสทั้งหมดจบชีวิตลงภายในนั้น ไม่มีใครเหลือรอดชีวิตแม้แต่คนเดียว!
และทั้งหมดก็เป็นฝีมือของอีกฝ่ายเพียงคนเดียว ไม่มีศพคนอื่น ๆ ในสถานที่เกิดเหตุ อู๋ฝานสามารถสังหารผู้นำและผู้อาวุโสทั้งหมดของพวกเขาได้โดยลำพัง ดังนั้นการจะสังหารพวกเขาก็เป็นเรื่องง่ายเช่นเดียวกัน
โม่หู่และพรรคพวกชะงักไปโดยไม่รู้ตัว พวกเขาเริ่มลังเลและเผยสีหน้าหวาดระแวงออกมา
“คิดว่าน่าจะรู้กันดีว่าวันนี้ฉันมาที่นี่ทำไม” อู๋ฝานเริ่มพูดต่อ “ถ้าไม่มีใครหาเรื่องก่อน ฉันก็ไม่เคยหาเรื่องใครเช่นกัน แต่หากมีใครกล้าคิดจะฆ่าฉัน ฉันก็ไม่มากมารยาท และพร้อมจะฆ่ามันตอบ! เรื่องที่เกิดขึ้นมันยังไม่จบ ทั้งหมดเป็นพวกแกที่เริ่มก่อน ตอนนี้ฉันฆ่าพวกมันไปแล้ว ส่วนพวกแกที่เป็นลิ่วล้อ ถ้ายังกล้าที่จะต่อต้าน ก็อย่าโทษว่าอู๋ฝานคนนี้ไร้มารยาท!”
อู๋ฝานตอบโต้อย่างฉะฉาน มันทำให้พวกโม่หู่ยิ่งลังเล พวกเขาคือฝ่ายเริ่มก่อเรื่องก่อนและผิดจริง นอกจากนี้อีกฝ่ายยังสามารถสังหารคณะผู้นำและผู้อาวุโสทั้งหมด ด้วยตนเองอย่างเงียบงันในช่วงเวลาสั้น ๆ ได้ หากพวกเขาไม่ได้ออกมาเรียกรวมพลเหล่าศิษย์ ก็คงกลายเป็นหนึ่งในศพเหล่านั้นด้วยเช่นกัน
“กฎของผู้ฝึกตนคืออะไร นั่นคือเมื่อโดนกระทำก็ต้องตอบโต้และล้างแค้น การที่ฉันฆ่าพวกมันก็ไม่ได้แหกกฎนี้แต่อย่างใด” ชายหนุ่มยังคงพูดต่อ “แต่ถ้ายังอยากจะสานเรื่องราวต่อก็ย่อมได้”
“จะเอายังไงดี?” ขณะนี้เองที่มีคนเอ่ยถามขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
“ก็ไม่ยาก สาบานจะจงรักภักดีต่อฉันคนนี้สิ” เขาตอบกลับอย่างเฉยชา
“กล้าคิด!”
บรรดาผู้อาวุโสที่ยังเหลือเริ่มแสดงโทสะกันออกมาคนแล้วคนเล่า เนื่องจากอู๋ฝานสังหารเบื้องบนของพวกเขาจนหมดสิ้น และขณะนี้ยังขอให้แสดงความจงรักภักดี อีกฝ่ายคิดว่าพวกเขาเป็นอะไร?
“ไม่ยอมรับงั้นสินะ?” ชายหนุ่มตอบอย่างเฉยเมย “ในเมื่อไม่ยอมรับ งั้นชะตาของพวกแกทุกคนก็จะเป็นเหมือนพวกคนในโถงนั่น น่าเสียดายที่จุดจบของสำนักตะวันเพ็จและสำนักทะยานสวรรค์ไม่ได้สอนบทเรียนให้พวกแก!”
คนที่กำลังโกรธจัดหลังได้ยินคำของอู๋ฝานอีกครั้ง พวกเขาถึงกับต้องรีบสงบใจลง
พวกเขาเห็นเรื่องราวในโถงประชุมกับตาตนเองแล้ว พวกเขาเข้าใจดีว่าสำนักตะวันเพ็จและสำนักทะยานสวรรค์มีจุดจบยังไง ไม่ว่าจะมองทางไหนก็มีแต่ความตายเกลื่อนกลาดไปหมด และขณะนี้อู๋ฝานก็กำลังข่มขู่พวกตนอย่างชัดเจน
แม้จะทราบดีว่าเป็นการข่มขู่ แต่พวกเขาก็ไม่กล้าตอบโต้ เพราะตอนที่ประชุมกันก่อนหน้านี้ เหล่าผู้อาวุโสและเจ้าสำนักยังไม่อาจตัดสินใจว่าจะตอบโต้อีกฝ่ายหรือไม่ อีกทั้งขณะนี้คนเหล่านั้นตายกันหมดสิ้น และอีกฝ่ายก็ได้แสดงพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ให้เป็นที่ประจักษ์ พวกเขาที่ยังเหลือรอดมีแต่จะยิ่งหวาดกลัวจนไม่กล้าทำอะไร
“ถือว่าฉันมอบทางเลือกให้แล้ว ส่วนจะตัดสินใจกันยังไง ฉันจะให้เวลาคิดหนึ่งวัน จงไตร่ตรองให้ดี ถ้าถึงเวลาแล้วยังตกลงไม่ได้ ฉันจะถือว่าคำตอบคือการปฏิเสธและจะทำในสิ่งที่ควรทำ ถึงตอนนั้นเกิดอะไรขึ้นก็จงรับผิดชอบชีวิตตัวเองกันให้ดี” อู๋ฝานบอกกับทุกคนในที่นี้
เพียงบอกจบคำ ชายหนุ่มก็หันไปบอกสวีอี้ซานและซือหลิน “พวกเรากลับ”
ทั้งสวีอี้ซานและซือหลินต่างรีบนำกำลังคนกลับไปพร้อมอีกฝ่าย พวกเขาเข้าใจแล้วว่าวันนี้พวกตนมาทำอะไร มันไม่ใช่มาเพื่อต่อสู้ แต่มาเพื่อใช้เสริมอำนาจและกดดัน
“นายน้อย พวกเราจะไปทั้งแบบนี้เหรอครับ? เจ้าสำนักกับผู้อาวุโสฝั่งนั้นตายกันไปมากมาย ขวัญกำลังใจของพวกมันกำลังดิ่งเหว ถ้าพวกเราลงมือตอนนี้ พวกมันไม่มีทางต่อกรพวกเราได้เลยนะครับ” สวีอี้ซานกระซิบบอกกับอู๋ฝาน
ตอนนี้สวีอี้ซานมีความเชื่อมั่นในฝีมือของชายหนุ่มอย่างสูงล้ำ แน่นอนว่ารวมถึงเหล่ายอดฝีมือที่สามารถปรากฏตัวและหายวับดั่งใจนึกด้วย
“สิ่งที่ผมคาดหวังคือลดทอนการเข่นฆ่าเท่าที่จะทำได้ ตอนนี้เลยมอบเวลาให้พวกมันได้ไตร่ตรองอย่างสงบ หากแข็งขืนเกินไปก็มีแต่จะทำให้คนล้มตายกันมากขึ้น และเมื่อถึงตอนนั้นจะส่งผลกระทบต่อความแข็งแกร่งโดยรวมของแวดวงผู้ฝึกตนในเจียงโจว” เขาตอบกลับ
คำอธิบายที่อู๋ฝานบอกสวีอี้ซานและซือหลินสมเหตุสมผล แต่แท้จริงแล้วเป็นเพราะป้ายอัญเชิญของเขายังอยู่ระหว่างการคูลดาวน์ หากไม่มีความช่วยเหลือจากยอดฝีมือเหล่านั้น ลำพังแค่กำลังของวังเมฆาสีชาดและสำนักล้ำสวรรค์คงไม่อาจเอาชนะพันธมิตรหลากสำนักได้ไหว หรือสุดท้ายต่อให้ชนะมาได้ก็จะเป็นชัยชนะบนกองซากศพ มันไม่ใช่ผลลัพธ์ที่เขาต้องการ
………………..