ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 672 โอกาสและการลงมือ
บทที่ 672 โอกาสและการลงมือ
“สิ่งที่นายน้อยพูดก็เป็นเรื่องจริงครับ” ทั้งสวีอี้ซานและซือหลินต่างตอบรับเป็นเสียงเดียวกัน
เมื่อเห็นอู๋ฝานกลับไปพร้อมกลุ่มคน พวกโม่หู่ก็ยังเอาแต่ยืนนิ่งมองจนสุดสายตา พวกเขาไม่ขยับเคลื่อนไหวหรือทำอะไรทั้งสิ้น เพราะอีกฝ่ายเพิ่งฆ่ายอดฝีมือมากมายฝ่ายพวกเขาจนแทบไม่เหลือ ความแข็งแกร่งที่อีกฝ่ายแสดงออกและฝากเอาไว้ได้ฝังแน่นในใจของพวกเขา
นอกจากนี้พวกเขายังไม่คาดมาก่อนว่าอีกฝ่ายจะเสนอทางเลือกให้ภักดี หากพวกเขาตัดสินใจลงมือตอนนี้ มันจะไม่เท่ากับการตัดทางรอดของตนเองงั้นเหรอ?
เพียงไม่นานเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับวังเมฆาสวรรค์ก็เริ่มแพร่กระจายสู่แวดวงผู้ฝึกตนทั่วทั้งเจียงโจวแล้ว เนื่องจากคนอื่น ๆ ในแวดวงต่างก็ให้ความสนใจกับเรื่องราวนี้อยู่แล้ว หากว่ามีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น พวกเขาย่อมทราบในเวลาสั้น ๆ
หลังเรื่องที่อู๋ฝานสังหารคณะผู้นำสำนักและผู้อาวุโส แวดวงผู้ฝึกตนของทั้งเจียงโจวถึงกับต้องตื่นตระหนก
คณะดังกล่าวประกอบด้วยยอดฝีมือขอบเขตแปรสภาพกว่าสิบคน ทว่าทั้งหมดกลับถูกสังหารหมู่ อีกทั้งชายหนุ่มยังออกมาโดยไร้ร่องรอยขีดข่วน ผู้ฝึกตนมากมายในเจียงโจวต่างเกิดความสงสัยเดียวกันขึ้นมา
อู๋ฝานฝึกตนจนสำเร็จขอบเขตใดแล้วกันแน่?
แต่ต่อให้เป็นผู้ฝึกตนขอบเขตแปรสภาพขั้นสูงสุด เมื่อต้องเผชิญหน้ากับยอดฝีมือขอบเขตแปรสภาพขั้นกลางและขั้นต้นหลายสิบคน รวมกับยอดฝีมือขอบเขตมืดขั้นสูงสุดอีกจำนวนมาก มันก็แทบไม่มีโอกาสเอาชนะได้เลย กระทั่งหลบหนีออกมาโดยไร้ร่องรอยขีดข่วนยังเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำ
หรืออู๋ฝานจะเป็นผู้สำเร็จขอบเขตกำเนิดสวรรค์ที่ผู้คนเฝ้าฝันปรารถนา?
แต่ชายหนุ่มเพิ่งอายุเท่าไหร่เอง? เป็นไปได้ยังไงที่อายุเพียงเท่านี้กลับสำเร็จขอบเขตกำเนิดสวรรค์? ต่อให้เป็นผู้ฝึกตนอัจฉริยะอย่างหร่วนชิง ผู้ซึ่งจะปรากฏสักหนึ่งคนในรอบพันปี ก็ยังสำเร็จขอบเขตกำเนิดสวรรค์ในช่วงวัยสามสิบห้าปี หรืออีกฝ่ายจะมีพรสวรรค์ยิ่งกว่าหร่วนชิง?
ไม่ว่าจะคิดยังไงก็ดูเป็นไปไม่ได้!
เพราะข้อสรุปที่ผ่านการไตร่ตรองเหล่านี้ ทำให้บรรดาผู้ฝึกตนในเจียงโจวอยากได้ทราบว่าอู๋ฝานสังหารยอดฝีมือเหล่านั้นพร้อมกันในระยะเวลาสั้น ๆ ได้ยังไง พวกเขากำลังกังวลถึงความแข็งแกร่งของชายหนุ่มกันถ้วนหน้า
แต่นอกจากความสงสัยและความหวาดกลัวต่ออีกฝ่าย คนจากสำนักอื่นต่างเพลิดเพลินกับโชคร้ายของวังเมฆาสวรรค์และพันธมิตรหลากสำนัก เนื่องจากแวดวงผู้ฝึกตนของเจียงโจวค่อนข้างใหญ่ ดังนั้นจึงมีทรัพยากรมากมาย การแข่งขันแย่งชิงจึงเกิดแรงกดดันค่อนข้างมาก ขณะนี้วังเมฆาสวรรค์และพันธมิตรหลากสำนักสูญเสียเจ้าสำนักและคณะผู้อาวุโสไปมากมาย ความแข็งแกร่งของพวกเขาจึงลดทอนลงอย่างมหาศาล มันอาจเปลี่ยนแปลงขนาดจากสำนักชั้นหนึ่งสู่สำนักชั้นสอง หรืออาจจะลดต่ำลงไปยิ่งกว่านั้น และตอนนั้นก็คือโอกาสของบรรดาสำนักที่ยังเหลืออยู่
สำนักสวรรค์คำรนคือหนึ่งในนั้น
สำนักสวรรค์คำรนคือหนึ่งในสำนักชั้นหนึ่งในเจียงโจว ความแข็งแกร่งของพวกเขาเทียบเท่าวังเมฆาสีชาดและวังเมฆาสวรรค์ แต่เพราะความขัดแย้งในอดีตระหว่างสำนักสวรรค์คำรนและวังเมฆาสวรรค์ที่ฝังลึก มันทำให้พวกเขายากจะแสวงหาความสงบระหว่างกันเพื่อก้าวหน้าไปต่อ อีกทั้งขอเพียงพบหน้าก็จะต้องเกิดเรื่องกระทบกระทั่ง
ทว่าสำนักทั้งสองแข็งแกร่งทัดเทียมกัน ต่างฝ่ายต่างก็เป็นสำนักชั้นหนึ่งในเจียงโจว ดังนั้นพวกเขาจึงต้องระมัดระวังซึ่งกันและกัน แต่พวกเขาก็มีเพียงเรื่องกระทบกระทั่งกันเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้เปิดศึกสงครามครั้งใหญ่ระหว่างสองสำนัก เพื่อไม่ให้เกิดผลลัพธ์ที่ต่างฝ่ายต่างสูญเสียจนเปิดโอกาสให้ผู้อื่นมาชุบมือเปิบ
แต่สถานการณ์ปัจจุบันแตกต่างออกไปแล้ว เบื้องบนของวังเมฆาสวรรค์ตายถ้วนหน้า ความแข็งแกร่งโดยรวมของอีกฝ่ายลดลงมหาศาล หากไม่ฉวยโอกาสตอนนี้คงต้องรู้สึกเสียดายไปชั่วชีวิต
ดังนั้นตอนที่ได้ทราบข่าวว่าอู๋ฝานสังหารเบื้องบนของวังเมฆาสวรรค์จนหมด เจ้าสำนักและผู้อาวุโสสำนักสวรรค์คำรนจึงเรียกรวมตัวเพื่อประชุมต่อกัน ว่าจะเล่นงานวังเมฆาสวรรค์ที่เจ็บช้ำอย่างไร
“เรียกรวมเหล่าศิษย์เอาไว้แล้วใช่ไหม?” หลิวจื่อหาวผู้เป็นเจ้าสำนักสวรรค์คำรนเอ่ยถามขณะนั่งตรงหัวโต๊ะประชุม
“การระดมพลเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ ตอนนี้พร้อมออกเดินทางทุกเมื่อ” ผู้อาวุโสคนหนึ่งตอบรับ
“มีข่าวอื่น ๆ จากวังเมฆาสวรรค์อีกไหม?” หลิวจื่อหาวเอ่ยถามอีกครั้ง
“หลังอู๋ฝานเดินทางกลับ สำนักอื่น ๆ ที่รวมตัวกันในวังเมฆาสวรรค์ต่างก็แยกย้ายกันแล้วครับ” ผู้อาวุโสอีกคนหนึ่งเอ่ยบอก “สันนิษฐานว่าพวกเขายังตกลงไม่ได้ว่าจะเลือกภักดีกับอู๋ฝานหรือไม่น่ะครับ”
“ถ้าเป็นแบบนั้นพวกเราก็ออกเดินทางทันทีเพื่อฮุบกลืนวังเมฆาสวรรค์!” หลิวจื่อหาวเผยประกายคมกล้าในดวงตา
“ครับ!”
พวกเขาสำนักสวรรค์คำรนและวังเมฆาสวรรค์มีข้อพิพาทกัน มันเป็นความเกลียดชังที่สะสมมานานจนฝังรากลึก ครั้งนี้วังเมฆาสวรรค์ประสบหายนะ พวกเขาย่อมไม่พลาดโอกาสดี ๆ อย่างแน่นอน
และมันยังมีอีกเหตุผลว่าทำไมพวกเขาเลือกลงมือทันที ทั้งหมดก็เพื่อไม่เปิดโอกาสให้อู๋ฝานได้รวมสำนักเหล่านั้นเข้ากับวังเมฆาสีชาด
ปัจจุบันอีกฝ่ายมีทั้งวังเมฆาสีชาดและสำนักล้ำสวรรค์แล้ว รวมกับความสามารถส่วนตัว ความแข็งแกร่งโดยรวมของอีกฝ่ายสูงส่งอย่างมหาศาล หากยังปล่อยให้ยึดครองพันธมิตรหลายสำนักและวังเมฆาสวรรค์ ความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายจะยิ่งใหญ่เกินไป และเมื่อนั้นมันจะไม่เป็นผลดีต่อสำนักอื่น ๆ ที่อยู่ในเจียงโจว
ก่อนอู๋ฝานจะปรากฏตัว แวดวงผู้ฝึกตนเจียงโจวคงสภาพความสมดุลเอาไว้ได้มาโดยตลอด แม้จะมีปัญหากระทบกระทั่งกันบ้าง แต่เพราะความแข็งแกร่งที่ช่วยคานอำนาจกัน พวกเขาจึงไม่กล้าบุกโจมตีและยึดครองสำนักอื่นอย่างบุ่มบ่าม และต่อให้ทำจริง คนที่มีความทะเยอทะยานเช่นนั้นย่อมมีจุดจบไม่สวยงามนัก
ทว่าการปรากฏตัวของอู๋ฝานทำให้บรรดาผู้ฝึกตนในเจียงโจวตระหนักทราบถึงแรงกดดันมหาศาล แม้พวกเขาจะไม่ทราบแผนการรวมแวดวงผู้ฝึกตนในเจียงโจวเป็นหนึ่งของอีกฝ่าย แต่อาศัยเพียงการรับสองสำนักเอาไว้ใต้อาณัติ อีกทั้งขณะนี้ยังรอคำตอบของวังเมฆาสวรรค์และพันธมิตร มันก็ทำให้พวกเขากังวลจนต้องหาทางลงมือแล้ว
ดังนั้นพวกเขาจึงต้องหยุดเอาไว้ก่อนที่อีกฝ่ายจะทำได้สำเร็จ ก้าวแรกคือการยึดวังเมฆาสวรรค์ซะก่อน เพื่อไม่เปิดโอกาสให้ชายหนุ่มได้ขยับขยายอำนาจไปมากกว่านี้
ผู้คนของสำนักสวรรค์คำรนลงมืออย่างรวดเร็ว หลังระดมพลเหล่าศิษย์เรียบร้อย หลิวจื่อหาวจึงนำกำลังคนบุกวังเมฆาสวรรค์ด้วยตนเอง กลุ่มคนจำนวนมากกำลังเดินทางมุ่งหน้าไปยังวังเมฆาสวรรค์
และขณะเดียวกันนั้น สำนักอื่น ๆ ก็ตัดสินใจเช่นเดียวกับสำนักสวรรค์คำรน พวกเขาต่างตระหนักถึงความแข็งแกร่งของอู๋ฝานที่กำลังขยับขยายอย่างรวดเร็ว พร้อมรับรู้ได้ถึงวิกฤตอันตรายที่หายใจรดต้นคอ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อาจปล่อยให้อีกฝ่ายยึดสำนักอื่นมากไปกว่านี้ได้อีก
หลังอู๋ฝานลงมือกับวังเมฆาสวรรค์ แวดวงผู้ฝึกตนของทั้งเจียงโจวก็เดือดพล่าน สำนักทั้งหลายเริ่มทุ่มเทกำลังไปยังเป้าหมาย พวกเขาต่างก็มีความทะเยอทะยานกันทั้งสิ้น อีกทั้งยังทราบว่าตอนนี้คือโอกาสดี ๆ ที่จะได้ขยับขยายกำลังของตนเอง และอีกทางหนึ่งก็เพื่อป้องกันไม่ให้ชายหนุ่มมีอำนาจมากเกินกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ พวกเขาไม่อาจชักช้าได้
ด้านสำนักเล็ก ๆ ทั้งหลาย พวกเขาไม่มีทั้งกำลังและความทะเยอทะยาน ทั้งยังถือเป็นส่วนเกินของเรื่องราว เนื่องจากต่อให้วังเมฆาสวรรค์และหลายสำนักเสียหายอย่างหนัก มันก็ไม่ใช่อะไรที่พวกเขาสำนักขนาดเล็กจะลงมือทำอะไรได้ แม้พวกเขาจะรู้สึกว่าบรรยากาศในแวดวงผู้ฝึกตนกำลังผิดแปลกไป แต่เพราะว่ามีกำลังอย่างจำกัด จึงไม่มีความสามารถพอที่จะทำอะไรได้ทั้งสิ้น ดังนั้นจนกว่าฝุ่นที่ฟุ้งตลบจะเริ่มสงบ พวกเขาจึงไม่ใคร่สบายใจนัก สิ่งเดียวที่พวกเขาทำคือการภาวนาให้สำนักของตนเองอยู่รอดปลอดภัยท่ามกลางคลื่นลมอันรุนแรงนี้
………………..