ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 674 อย่าแม้แต่จะคิด
บทที่ 674 อย่าแม้แต่จะคิด
อู๋ฝานแข็งแกร่งอย่างมหาศาล โม่หู่เชื่อมั่นอย่างแรงกล้า ไม่เช่นนั้นแล้วอีกฝ่ายคงไม่บุกทำลายสำนักตะวันเพ็จและสำนักทะยานสวรรค์ ทั้งยังสามารถลอบฆ่าคณะผู้นำของพันธมิตรสำนักชั้นหนึ่งอย่างเงียบงันได้
นอกจากนี้อีกฝ่ายยังได้ทิ้งทางยอมสวามิภักดิ์ให้แก่พวกเขาเอาไว้ด้วย
อู๋ฝานมีความสามารถ และตอนนี้พวกเขาก็มีเหตุผลเพียงพอให้ร้องขอความช่วยเหลือ ดังนั้นการร้องขอให้ช่วยจึงไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด
แท้จริงแล้วโม่หู่ไม่มีทางเลือกอื่นใดอีกต่อไปแล้ว นอกจากชายหนุ่มเขาก็ไม่อาจคิดได้ว่าจะหันไปพึ่งใคร หากขอร้องสำนักอื่น พวกเขาคงไม่ตกลง หรือต่อให้ตกลงก็คงไม่อาจมีกำลังรบเทียบเท่าสำนักสวรรค์คำรน เพราะหากพวกเขาแข็งแกร่งเทียบเท่าสำนักสวรรค์คำรน ก็คงคิดลงมือเพื่อตักตวงหาผลประโยชน์เดียวกันไปแล้ว
โม่หู่ทราบดีว่าเมื่อใดตนเองร้องขอความช่วยเหลือจากอู๋ฝาน มันก็หมายความว่ายอมสวามิภักดิ์แก่อีกฝ่าย รวมถึงเป็นการสาบานว่าจะจงรักภักดี ไม่เช่นนั้นแล้วอีกฝ่ายคงไม่ยอมเคลื่อนไหวเพื่อที่จะช่วยเหลือ
แต่สถานการณ์ปัจจุบันไม่ใช่อะไรที่โม่หู่จะสามารถควบคุมได้อีก หากต้องเทียบอีกฝ่ายกับสำนักสวรรค์คำรนที่มีความแค้นยาวนานต่อกัน โม่หู่ยินดีจะเข้าร่วมกับอู๋ฝานเพื่อแสวงความก้าวหน้ากว่าที่เป็นอยู่
อีกทั้งยังรู้สึกได้ในใจว่าอู๋ฝานคงไม่หยุดเพียงแค่ล้างแค้นพันธมิตรสำนักที่มีส่วนร่วมในการดักเล่นงาน อีกฝ่ายจะต้องลงมือจัดการสำนักอื่นอย่างแน่นอน และเขาเชื่อว่าจะไม่มีสำนักใดหยุดยั้งการรุกรานของชายหนุ่มเอาไว้ได้ จนสุดท้ายพวกเขาก็มีแต่จะต้องถูกสยบ
“โม่หู่ ฉันขอแนะนำให้พวกแกหยุดการต่อต้าน วังเมฆาสวรรค์ของพวกแกไม่อาจต่อกรกับสำนักสวรรค์คำรนของพวกเราได้อีกต่อไปแล้ว ถ้ายังต่อต้านก็มีแต่จะยิ่งทำให้ฝั่งพวกแกสูญเสียมากกว่าที่เป็นอยู่ อยากให้ศิษย์สำนักตายกันหมดรึยังไง!?” เมื่อเห็นว่าวังเมฆาสวรรค์พยายามต่อต้าน หลิวจื่อหาวจึงอดไม่ได้ที่จะตะโกนบอกโม่หู่ให้ยอมจำนน
หลิวจื่อหาวมั่นใจว่าจะสามารถพิชิตวังเมฆาสวรรค์ได้อย่างแน่นอน เพราะเดิมสองสำนักแข็งแกร่งทัดเทียมกัน และตอนนี้วังเมฆาสวรรค์สูญเสียกำลังรบไปอย่างมหาศาล หากสถานการณ์ปัจจุบันพวกเขายังเอาชนะไม่ได้ ก็คงต้องกลับบ้านไปทำฟาร์มกันแล้ว
เมื่อทราบว่าชัยชนะและการยึดครองวังเมฆาสวรรค์อยู่เพียงแค่เอื้อม หลิวจื่อหาวจึงไม่อยากให้คนมากมายต้องตายเปล่า ไม่ว่าจะคนของสำนักตนเองหรือของวังเมฆาสวรรค์ เพราะในความเห็นของเขา คนเหล่านี้จะกลายเป็นของตนเองทั้งหมด หากมีใครตาย มันก็หมายความถึงอำนาจในอนาคตของสำนักสวรรค์คำรนจะลดทอนลงไปส่วนหนึ่ง
“หลิวจื่อหาว อย่าคิดว่าพวกเราจะยอมจำนน!” โม่หู่ฟาดฟันดาบใส่ศิษย์สำนักสวรรค์คำรน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นตอบโต้เสียงดัง “สามปีก่อนฉันถูกสำนักสวรรค์คำรนดักซุ่มโจมตี จนถึงวันนี้แผลเป็นนั่นก็ยังฝากฝังเอาไว้กับร่างนี้ไม่เลือนหาย!”
“อดีตก็คืออดีต ปัจจุบันต่างหากที่สำคัญ! ในอดีตวังเมฆาสวรรค์ของพวกแกก็เล่นงานสำนักสวรรค์คำรนของพวกเราไม่ต่างกัน” หลิวจื่อหาวตอบกลับ “แกคงไม่ได้คิดจะเอาความปลอดภัยของศิษย์ทั้งวังเมฆาสวรรค์มาร่วมหัวจมท้ายเพราะความแค้นส่วนตัวกันหรอกมั้ง?”
“หลิวจื่อหาว หยุดสร้างปัญหาให้มันลุกลามได้แล้ว!” โม่หู่ตะโกนตอบกลับ “วันนี้ต่อให้ฟ้าถล่มหรือดินทลาย ฉันคนนี้ก็ไม่ขอยอมจำนน หากอยากจะยึดวังเมฆาสวรรค์ก็ข้ามศพฉันไปก่อน!”
“ช่างไม่รู้จักกลัวตาย!” ความดื้อรั้นของโม่หู่ยิ่งทำหลิวจื่อหาวโกรธเกรี้ยว เขากระแทกฝ่ามือใส่ร่างของศิษย์วังเมฆาสวรรค์คนหนึ่งจนกระเด็น ก่อนจะบุกประชิดหมายจะสังหารโม่หู่ “ในเมื่อมอบทางเลือกให้แล้วไม่รับเอาไว้ ก็ถือว่ารนหาที่ตายด้วยตัวเอง ฉันจะเป็นคนมอบความตายให้เอง!”
“ดี ฉันเองก็อยากจะเห็นว่าฝ่ามือทลายหทัยของเจ้าสำนักหลิวจะยอดเยี่ยมสักแค่ไหน!” โม่หู่คำรามตอบกลับ
คนทั้งสองพุ่งตรงเข้าไปปะทะกัน ทันทีที่เปิดฉาก เหล่าศิษย์รอบด้านต่างก็รู้งาน พวกเขาไม่เข้าไปแทรกแซง แต่เลือกเว้นที่ว่างให้คนทั้งสองได้สู้กัน
แต่แค่สองนาทีผ่านไป โม่หู่ก็เริ่มเสียเปรียบทีละน้อย เนื่องจากเขาไม่ได้แข็งแกร่งมากมายอะไร และเป็นเพียงแค่ขอบเขตมืดขั้นสูงสุดเท่านั้น ต่อให้อยู่ห่างจากกำแพงที่เรียกว่าขอบเขตแปรสภาพเพียงเล็กน้อย แต่ตนก็ยังไม่ใช่ยอดฝีมือขอบเขตแปรสภาพที่แท้จริง
หลิวจื่อหาวเป็นยอดฝีมือขอบเขตแปรสภาพขั้นกลาง ทำให้ระหว่างทั้งสองมีความแตกต่างอันยิ่งใหญ่ หากโม่หู่ไม่ได้สู้ถวายชีวิตและยอมเสี่ยงตาย เขาคงจะเสียเปรียบไปตั้งนานแล้ว
หลิวจื่อหาวทราบดีว่ายังไงตนเองก็เอาชนะโม่หู่ได้ ดังนั้นจึงไม่ยอมรับความเสี่ยงเช่นอาการบาดเจ็บแม้แต่น้อย คนทั้งสองที่สู้กันโดยยึดแนวทางคนละอย่าง หลังปะทะกันได้ไม่นาน โม่หู่ก็เริ่มตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
หลังผ่านไปสองนาที การเคลื่อนไหวของโม่หู่เริ่มช้าลงทีละน้อย เขาคือผู้อาวุโสที่เหลือเพียงหนึ่งเดียวของวังเมฆาสวรรค์ ปัจจุบันกำลังแบกรับแรงกดดันมหาศาล การต่อสู้ในช่วงแรกเขาเป็นตัวแบกแรงกดดันของทั้งสำนัก มันผลาญทั้งพลังกายและพลังใจไปอย่างมาก
“โม่หู่ ตลอดหลายปีที่ผ่านมาแกก็ยังเป็นได้แค่ขอบเขตมืดขั้นสูงสุดเท่านั้น ช่างเป็นเศษเดนจริง ๆ” หลิวจื่อหาวฟาดฝ่ามือใส่หน้าอกของโม่หู่พลางเย้ยหยัน
โม่หู่ขยับดาบขึ้นไปตั้งรับเพื่อบีบบังคับให้ฝ่ามือของหลิวจื่อหาวต้องถอยกลับ ตอนนี้เองที่ได้จังหวะหายใจเล็กน้อย “ต่อให้วันนี้ฉันต้องตาย แต่ก็ไม่ขอยอมทำตามที่คนอย่างแกต้องการแน่!”
คำพูดของหลิวจื่อหาวทำให้โม่หู่เผยสีหน้าดำมืด เนื่องจากเขาคือผู้อาวุโสคนสุดท้ายของวังเมฆาสวรรค์ เมื่อไหร่ที่ตายลง ตอนนั้นวังเมฆาสวรรค์จะไร้ผู้นำ สุดท้ายย่อมไม่อาจหนีพ้นจากชะตาถูกสำนักสวรรค์คำรนยึดครอง
‘อู๋ฝาน ทำไมถึงยังไม่มาอีก? ไม่ใช่ว่าอยากได้วังเมฆาสวรรค์รึยังไง? ถ้ายังไม่มาตอนนี้ก็ไม่มีอะไรเหลือแล้วนะ!’ โม่หู่ร่ำร้องอยู่ในใจด้วยความร้อนรน
เพียงโม่หู่เสียสมาธิไปครู่หนึ่ง หลิวจื่อหาวก็ชิงโอกาสสับฝ่ามือเข้าใส่ โม่หู่กระอักเลือดออกมาพร้อมต้องถอยกลับ ในชั่วพริบตาสีหน้าต้องเปลี่ยนเป็นซีดเผือด
“ก็แค่ขอบเขตมืด แต่กล้าที่จะต่อกรกับฉันคนนี้ ช่างไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ!” หลิวจื่อหาวที่ลงมือเล่นงานสำเร็จเอ่ยเย้ยหยันทับถม
โม่หู่ประคองร่างกายตัวเองและพยายามลุกขึ้น ทว่าหลิวจื่อหาวขยับตัวเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ฝ่าเท้าของเขาเตะใส่หน้าท้องของโม่หู่ และส่งร่างอีกฝ่ายกระเด็นลิ่วไกลออกไป ลมหายใจของโม่หู่ตอนนี้บางเบาลง
“บอกให้คนของแกหยุดได้แล้ว ไม่งั้นก็ตายซะ!” หลิวจื่อหาวเดินมาหยุดตรงหน้าโม่หู่พร้อมเอ่ยสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก
“ไม่มีวัน!” โม่หู่คำรามตอบ
“ดี ในเมื่ออยากตายขนาดนั้นฉันก็จะสนองให้! อยากเห็นนักว่าถ้าศิษย์ของวังเมฆาสวรรค์เห็นแล้วมันยังจะกล้าสู้ต่อเพื่อคนตายรึเปล่า!” หลิวจื่อหาวตอบกลับพร้อมฟาดฝ่ามือใส่กลางศีรษะของโม่หู่ มันเป็นกระบวนท่าที่พร้อมจะแยกศีรษะผู้ที่ถูกเล่นงานออกเป็นสองเสี่ยง
แต่ชั่วขณะที่หลิวจื่อหาวเกือบจะลงมือสำเร็จ เขาพลันรับรู้ได้ถึงออร่าเย็นยะเยือกที่แผ่พุ่งมายังตนเอง ร่างกายหนาวสะท้านจนทำให้ต้องเร่งถอนมือออกพร้อมถอยเท้าหลบเลี่ยง ก่อนจะเห็นว่าลูกธนูเย็นเยียบและคมกล้าพุ่งผ่านตำแหน่งที่เขาเพิ่งยืนเมื่อครู่ หากตัดสินใจเคลื่อนที่ช้ากว่านี้สักชั่วลมหายใจ เขาคงต้องล้มลงไปนอนแน่นิ่งกับพื้นในสภาพที่เลวร้ายกว่าโม่หู่แล้ว
หลิวจื่อหาวหันหน้ามองไปยังทิศทางที่ลูกธนูพุ่งมา ก่อนจะเห็นกลุ่มคนเข้ามาใกล้พื้นที่ชายขอบของที่ตั้งวังเมฆาสวรรค์ อีกฝ่ายถือคันธนูยาวพร้อมจ้องมองมาด้วยสายตาเยือกเย็น
“อู๋ฝาน!” โม่หู่ที่ล้มตัวลงนอนกับพื้นย่อมได้เห็นผู้มาเยือนเช่นกัน เขายินดีจนถึงขั้นต้องส่งเสียงอุทานเสียงดังออกมา
โม่หู่ไม่เคยคาดมาก่อนว่าวันหนึ่งตนเองจะรู้สึกยินดีถึงเพียงนี้เพราะได้เห็นชายหนุ่มปรากฏตัว
………………..