ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 675 หมายว่ายังไง
บทที่ 675 หมายว่ายังไง
อู๋ฝาน?
เมื่อได้ยินคำเรียกหาของโม่หู่ หลิวจื่อหาวถึงกับกล้ามเนื้อหดเกร็ง สายตาของเขาเริ่มหรี่ลง เพื่อจ้องมองไปยังชายที่ถือคันธนูยาว
นามอู๋ฝานถูกเอ่ยถึงในแวดวงผู้ฝึกตนในเจียงโจวบ่อยครั้ง ช่วงที่ผ่านมานี้น่าจะมากเกินชื่อของคนอื่น ๆ เลยด้วยซ้ำ หลิวจื่อหาวเองก็คุ้นเคยกับชื่อนี้ดี เขาทราบว่าอีกฝ่ายได้สร้างวีรกรรมอะไรเอาไว้บ้าง ดังนั้นในใจจึงเกิดความหวาดกลัว ต่อให้เป็นคนที่เคยได้ยินเพียงแค่ชื่อ ทว่าไม่เคยพบหน้ามาก่อนก็ตาม
อู๋ฝานพิชิตสองสำนักชั้นหนึ่งอย่างสำนักตะวันเพ็จและสำนักทะยานสวรรค์ภายในหนึ่งวัน อีกทั้งวันนี้ยังลงมือสังหารยอดฝีมือขอบเขตแปรสภาพกว่าสิบคนในคราวเดียว อำนาจสะกดข่มดังกล่าวยิ่งใหญ่มากพอที่จะทำให้สำนักทั้งหลายไม่กล้ากระทำการโดยบุ่มบ่าม ไม่ว่าจะด้วยอะไร คนที่ทำเช่นนั้นได้ย่อมไม่ใช่คนธรรมดา
หากเป็นไปได้ หลิวจื่อหาวก็ไม่อยากตั้งตัวเป็นศัตรูกับอู๋ฝาน แต่เขาได้กลิ่นไม่ชอบมาพากลจากการกระทำของชายหนุ่ม กระทั่งคาดเดาได้คร่าว ๆ ถึงความทะเยอทะยานที่อีกฝ่ายคิดจะทำ ดังนั้นเขาจึงเลือกลงมือในทันที
และเพราะทางเลือกดังกล่าว เขาจึงจำต้องยืนอยู่คนละฝั่งกับอีกฝ่าย
อู๋ฝานนำเหล่าศิษย์วังเมฆาสีชาดและสำนักล้ำสวรรค์เดินทางกลับมา คนของสำนักสวรรค์คำรนและวังเมฆาสวรรค์ที่กำลังต่อสู้ ต่างต้องหยุดการกระทำเพราะการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของกลุ่มคน ตอนนี้ในใจของพวกเขากำลังครุ่นคิดว่าการมาถึงของอีกฝ่ายจะนำพาผลลัพธ์ใดมาเยือน
แม้คนของวังเมฆาสวรรค์จะไม่ทราบว่าโม่หู่ร้องขอความช่วยเหลือจากอู๋ฝาน แต่พวกเขาก็ยังยินดีที่อีกฝ่ายแสดงตัว อย่างน้อยพวกเขาก็มีโอกาสได้หายใจ
“นายน้อยอู๋คิดทำอะไร?” หลิวจื่อหาวตั้งคำถามกับอู๋ฝานที่ยังคงถือธนูยาวเอาไว้ในมือ
“แกเป็นใคร?” ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง
“ฉันคือหลิวจื่อหาว เป็นเจ้าสำนักสวรรค์คำรน!” หลิวจื่อหาวกล่าวตอบด้วยท่าทีที่ค่อนข้างภาคภูมิไม่น้อย
ด้วยฐานะเจ้าสำนักสวรรค์คำรน เขาจะภาคภูมิในตนเองก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เนื่องจากเขามีชื่อเสียงสูงส่งในเจียงโจว อู๋ฝานที่แสดงออกชัดว่าไม่รู้จัก มันทำให้เขาต้องอับอายอยู่พอสมควร
“เจ้าสำนักหลิวมาทำอะไรที่นี่?” อู๋ฝานเอ่ยถาม
“มาจัดการเรื่องราวเล็กน้อย” หลิวจื่อหาวตอบกลับ
“เรื่องอะไรล่ะ?” ชายหนุ่มตั้งคำถามต่อ
“นายน้อยอู๋ไม่คิดเหรอว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่มันมากเกินไป” หลิวจื่อหาวขมวดคิ้ว
“ถ้าเป็นที่อื่นฉันก็คงไม่คิดจะทำอะไร แต่ไม่ใช่กับที่นี่” เขาตอบกลับอย่างเฉยชา
“ไม่ได้รึไงล่ะ?” อู๋ฝานยังคงตอบกลับอย่างไม่ยี่หระ
“นายน้อยอู๋ ทำแบบนี้มันมากเกินไปหน่อยรึเปล่า?” หลิวจื่อหาวเริ่มเผยโทสะออกมา “ฉันยอมรับว่านายน้อยอู๋แข็งแกร่ง และสำนักสวรรค์คำรนของพวกเราก็คงเทียบไม่ได้ แต่ถ้านายน้อยอู๋จะอาศัยกำลังของตัวเองล้ำเส้น ทั้งยังเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องของคนอื่นแบบนี้ นายน้อยอู๋ไม่กลัวว่าจะทำให้สำนักทั้งหลายในเจียงโจวคิดเห็นเป็นอย่างอื่นรึไง?”
“มีคนบุกมาโจมตีพื้นที่และฆ่าคนของฉัน เอาอะไรมาบอกว่าแทรกแซง?” ชายหนุ่มโต้คำกลับ
“หมายความว่ายังไง? ตอนเข้ามาบุกโจมตีสำนักนี่ก็แค่ฆ่าคนไม่ใช่เหรอ?” หลิวจื่อหาวเริ่มโกรธเกรี้ยว “นายน้อยอู๋กำลังโกหกหน้าซื่อแล้ว คิดว่าจะมองข้ามหัวสำนักทั้งหลายในเจียงโจวงั้นเหรอ?”
“แกกำลังคิดจะแอบอ้างตัวพูดแทนสำนักทั้งหมดในเจียงโจวงั้นสิ คิดว่าตัวเองเป็นใครกันล่ะ? ลำพังแค่คนอย่างแกเป็นตัวแทนสำนักทั้งหมดของเจียงโจวได้?” เขาตอบกลับด้วยท่าทีเหยียดหยัน “และอย่างที่บอกแล้วว่าที่นี่เป็นอาณาเขตของฉัน แกยังจะหน้าด้านเถียงทำไมอีก?”
คำตอบโต้ของอู๋ฝานทำให้หลิวจื่อหาวอับอายและโกรธเกรี้ยว แต่ประเด็นที่เขาสนใจที่สุดคือประโยคสุดท้าย “วังเมฆาสวรรค์เป็นของคนอื่นไปตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ไม่เชื่อเหรอ? งั้นถามผู้อาวุโสโม่หู่ดูสิ” อู๋ฝานมองโม่หู่พร้อมกับเอ่ย
หลิวจื่อหาวหันมองโม่หู่ อู๋ฝานคิดรับวังเมฆาสวรรค์เข้าเป็นพรรคพวกคือความจริง เรื่องนี้เขาก็ทราบ แต่วังเมฆาสวรรค์ยังไม่ได้ตกลงยอมรับ และเขาก็เกรงว่าวังเมฆาสวรรค์จะเข้าร่วมด้วย เพราะแบบนั้นถึงได้นำกำลังคนบุกมาโจมตีที่นี่ ทว่าเรื่องนี้เปลี่ยนแปลงไปตั้งแต่เมื่อไหร่?
“นายน้อยอู๋กล่าวได้ถูกต้องแล้ว วังเมฆาสวรรค์คืออาณาเขตของนายน้อยอู๋ ฉันตกลงนำวังเมฆาสวรรค์แสดงความภักดีต่อนายน้อยอู๋เรียบร้อยแล้ว!” โม่หู่ตอบกลับโดยไม่มีความลังเล เขายอมรับตั้งแต่ขอความช่วยเหลือจากชายหนุ่มแล้วด้วยซ้ำ ขณะนี้จึงเหลือเพียงแค่ประกาศให้ผู้คนทราบเท่านั้นเอง
คำพูดของโม่หู่ทำให้อู๋ฝานเผยยิ้มบาง ๆ ออกมา ทว่าหลิวจื่อหาวทั้งแตกตื่นและตะลึง แน่นอนว่าเหล่าศิษย์วังเมฆาสวรรค์ต่างก็อุทานออกมาเช่นเดียวกัน
อู๋ฝานเพิ่งฆ่าเจ้าวังและคณะผู้อาวุโสของวังเมฆาสวรรค์ แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าพวกเขาต้องภักดีกับอีกฝ่าย ในใจของคนมากมายมันเป็นเรื่องที่ยากจะทำใจยอมรับ
“โม่หู่ แกเป็นบ้าไปแล้วรึยังไง?!” หลิวจื่อหาวคำรามถามกับโม่หู่เสียงดัง “กล้าดียังไงไปภักดีกับอู๋ฝาน?!”
“มันเป็นเรื่องของพวกเรา และไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับแก” โม่หู่ตอบกลับ
“อู๋ฝานเพิ่งฆ่าเจ้าวังกับผู้อาวุโสของพวกแก ร่างพวกนั้นยังไม่ทันเย็นเลยด้วยซ้ำ แกกล้าดียังไงถึงทำแบบนี้? ยังคิดว่าตัวเองเป็นศิษย์วังเมฆาสวรรค์อยู่รึเปล่า?!” หลิวจื่อหาวคำรามถาม
หลิวจื่อหาวไม่คิดอยากได้เห็นวังเมฆาสวรรค์ยอมภักดีต่ออู๋ฝาน ดังนั้นเขาจึงพร้อมทำทุกความเป็นไปได้เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น
คำพูดของหลิวจื่อหาวยิ่งทำให้เสียงพูดคุยของเหล่าศิษย์วังเมฆาสวรรค์ในที่นี้ดังมากขึ้น
“ผู้อาวุโสโม่ เพราะอะไรพวกเราถึงต้องภักดีกับมันด้วย? มันฆ่าเจ้าวังกับผู้อาวุโสของเราไปนะครับ!”
“ใช่แล้วครับผู้อาวุโสโม่ พวกเราควรจะฆ่ามันเพื่อล้างแค้นให้เจ้าวังกับพวกผู้อาวุโสถึงจะถูกต้องนะครับ!”
เหล่าศิษย์ของวังเมฆาสวรรค์เริ่มทักท้วงโม่หู่
เมื่อเห็นเรื่องราวเป็นดังนั้น หลิวจื่อหาวถึงกับเผยยิ้มยินดีออกมา
“ยังมีเรื่องที่ศิษย์ทั้งหลายยังไม่ทราบ” โม่หู่ตอบกลับ “เหตุผลที่อู๋ฝานสังหารเจ้าวังกับเหล่าผู้อาวุโส ก็เพราะพวกเราเป็นฝ่ายตัดสินใจที่จะเล่นงานเขาก่อน วังเมฆาสวรรค์ต้องการลอบฆ่าอู๋ฝาน เขาถึงฆ่าเจ้าวังและคณะผู้อาวุโสเพื่อเป็นการล้างแค้น”
เหล่าศิษย์วังเมฆาสวรรค์ต่างเงียบเสียง พวกเขาอยู่ในแวดวงผู้ฝึกตนมายาวนาน ดังนั้นย่อมคุ้นเคยกับข้อพิพาทในหมู่ผู้ฝึกตน หากเป็นการถูกกระทำก่อนจึงล้างแค้น มันคือเหตุผลอันสมควรที่พวกเขายอมรับได้
“ศิษย์ทุกคนน่าจะตระหนักถึงสถานการณ์ในหมู่ผู้ฝึกตนกันดีอยู่แล้ว วังเมฆาสวรรค์ของพวกเราเสียหายหนัก สำนักอื่นย่อมไม่คิดพลาดโอกาสยึดครองสำนักของพวกเรา ตัวอย่างก็มีให้เห็น …อย่างสำนักสวรรค์คำรนที่อยู่ตรงหน้านี้!” โม่หู่ยังคงอธิบายอย่างต่อเนื่อง “พวกเจ้าทุกคนลองขอเจ้าสำนักหลิวดูสิว่าเขาจะยินดีที่จะปล่อยพวกเราไปรึเปล่า”
เหล่าศิษย์ของวังเมฆาสวรรค์ต่างมองไปยังหลิวจื่อหาว
เรื่องนี้แทบไม่จำเป็นต้องถาม พวกเขาเองก็ทราบดีอยู่แก่ใจ หลิวจื่อหาวไม่มีทางปล่อยพวกเขาให้รอดพ้น สองสำนักมีความเกลียดชังกันมาอย่างยาวนาน ปัจจุบันหลิวจื่อหาวยังเป็นฝ่ายนำคนมาบุกถึงที่ เพื่อฉวยโอกาสยึดครองวังเมฆาสวรรค์โดยเจตนาอันเด่นชัดด้วยซ้ำไป