ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 676 ต้องการอะไร
บทที่ 676 ต้องการอะไร
“อย่างน้อยฉันก็ไม่ได้ฆ่าเจ้าสำนักกับพวกผู้อาวุโส” หลิวจื่อหาวอดไม่ได้ที่จะต้องหาช่องทางปกป้องตัวเอง
“แล้วสำนักสวรรค์คำรนไม่เคยสังหารคนของพวกเราวังเมฆาสวรรค์ไปมากมายรึยังไงกันล่ะ!” โม่หู่โต้แย้ง
หลิวจื่อหาวอ้าปากคิดโต้เถียง เพียงแต่ไม่ทราบควรตอบอะไร เพราะเรื่องที่โม่หู่กล่าวนั้นคือความจริง มันเป็นข้อเท็จจริงที่ไม่ว่าจะผู้อาวุโสหรือศิษย์สำนักต่างก็ทราบกันดี
“ทุกคน ในเมื่อพูดถึงขนาดนี้แล้วก็ขอพูดต่อเลยแล้วกัน หากจะเป็นนกก็ต้องเลือกต้นไม้ที่พักพิงให้ดี ในเมื่อวังเมฆาสวรรค์มีชะตาจะต้องพ่ายแพ้แล้ว ทำไมพวกเราถึงไม่เลือกอยู่กับคนที่มีทั้งความสามารถและพรสวรรค์?” โม่หู่เอ่ยต่อ “ในความเห็นของฉันมองว่าคนอย่างอู๋ฝานถึงเหมาะสมและควรค่าที่จะภักดีด้วย อีกทั้งวังเมฆาสวรรค์ของพวกเราก็จะก้าวหน้าได้ยิ่งกว่าที่เคยเป็นด้วยซ้ำ”
เหล่าศิษย์วังเมฆาสวรรค์ที่ลังเล หลังได้ฟังคำพูดของโม่หู่ก็ทำพวกเขาเปลี่ยนใจกันได้ ทว่าก็ยังมีคนเห็นต่าง มันคือการปักใจมองว่ายังไงอู๋ฝานก็เป็นคนที่สังหารเจ้าวังและบรรดาผู้อาวุโสของพวกเขา มันไม่ใช่อะไรที่คำพูดเพียงไม่กี่คำของโม่หู่จะลบล้างให้หายไปได้
โม่หู่มองคนของวังเมฆาสวรรค์ ก่อนจะหันกลับไปมองอู๋ฝานและเอ่ย “นายน้อยอู๋ คุณพอจะรับปากเรื่องหนึ่งได้ไหมครับ?”
“เรื่องอะไรล่ะ?” อู๋ฝานถามกลับ
“ผมสาบานจงรักภักดีก็ใช่ แต่ไม่อาจเป็นการตัดสินใจของทุกคนในวังเมฆาสวรรค์ได้ ผมเลยอยากจะขอให้นายน้อยอู๋รับปากว่าหากมีใครเห็นต่างไม่ตอบรับ นายน้อยอู๋ก็จะเห็นแก่ผมและปล่อยพวกเขาไป” โม่หู่ตอบกลับ
ชายหนุ่มมองกลุ่มคนของวังเมฆาสวรรค์ก่อนจะพยักหน้าตอบ “ได้ ทางนี้เองก็ไม่คิดรับคนที่ไม่มีใจภักดีเข้าร่วมอยู่แล้ว”
“ขอบคุณนายน้อยอู๋ครับ” โม่หู่รับคำด้วยความซาบซึ้ง
“แต่ก็ต้องบอกเอาไว้ให้ชัดเจนด้วย” เขาเผยสีหน้าเย็นยะเยือก “การปล่อยพวกเขาไปนั้นไม่เป็นไร แต่หากมีใครกล้าย้อนกลับมาสร้างปัญหาหรือพยายามจะสังหาร ผมคงไม่สามารถมีมารยาทตอบรับได้ เมื่อถึงเวลานั้นจะไม่มีความเมตตาหรือเห็นแก่ใครทั้งสิ้น แม้แต่ผู้อาวุโสโม่ก็เช่นกัน”
อู๋ฝานไม่สนใจว่าศิษย์ของวังเมฆาสวรรค์จะเห็นต่างสักกี่คน สิ่งที่เขาต้องการมีเพียงชื่อที่สามารถใช้ต่อกรกับสำนักสวรรค์คำรนได้อย่างชอบธรรม เพื่อเป็นใบเบิกทางในการควบคุมแวดวงผู้ฝึกตนทั้งเจียงโจวเอาไว้ เรื่องเล็กน้อยเช่นใครภักดีหรือไม่ภักดี ตนไม่สนและไม่คิดลงมือให้เสียเวลาอยู่แล้ว
ชายหนุ่มไม่ใช่คนอ่อนต่อโลก เขาทราบดีว่าหากปล่อยคนที่เลือกไม่ภักดีไป ก็มีโอกาสสูงที่ในอนาคตพวกเขาจะย้อนกลับมาแว้งกัดทีหลัง วันนี้ปล่อยไปก็จริง แต่หากอีกฝ่ายตัดสินใจทำอะไรในอนาคต ตนก็จะไม่เผยความปรานีอีกเป็นครั้งที่สอง
“แน่นอนอยู่แล้วครับ” โม่หู่ตอบรับคำของอู๋ฝานโดยไม่จำเป็นต้องคิดด้วยซ้ำ
คำพูดของชายหนุ่มไม่ได้มากจนเกินไป เพราะไม่ว่าเป็นใครก็คงทำแบบเดียวกัน
หลังได้รับคำตอบของอู๋ฝาน โม่หู่จึงหันมองเหล่าศิษย์วังเมฆาสวรรค์พร้อมประกาศ “พวกเจ้าทุกคนคงได้ยินที่นายน้อยอู๋ตอบรับแล้ว จากนี้ใครยินดีภักดีจงอยู่ ส่วนใครไม่ยินดีจงไป สำหรับผู้ที่ไปแล้วก็หวังว่าจะจดจำคำเตือน และไม่กระทำอะไรที่โง่เขลาในภายหลัง”
เหล่าศิษย์วังเมฆาสวรรค์ต่างมองหน้ากันเอง พวกเขาลังเล แต่ท้ายที่สุดก็มีทั้งคนที่เลือกอยู่ต่อและจากไป โดยผู้ที่เลือกจากไปมีถึงหนึ่งในสาม กล่าวได้ว่าเป็นจำนวนไม่ใช่น้อยเลย
“นายน้อยอู๋ ให้ผมไปดักรอจัดการระหว่างทางดีไหมครับ?” สวีอี้ซานเดินเข้ามาใกล้พร้อมกระซิบถาม
“ไม่ครับ ผมรับปากแล้วว่าจะปล่อยไป สัญญาแล้วก็ต้องทำตามนั้น” อู๋ฝานตอบกลับ “ผมเชื่อว่าตราบใดที่พวกเขายังไม่ไปจากเจียงโจว สุดท้ายก็ต้องย้อนกลับมาหาพวกเราอยู่ดี เพราะพวกมันจะไม่มีที่อื่นให้อยู่อีกต่อไปแล้ว”
สวีอี้ซานครุ่นคิดตามก่อนจะพยักหน้ารับ
“โม่หู่ขอนำวังเมฆาสวรรค์สวามิภักดิ์กับนายน้อยอู๋ จากนี้พวกเราจะเป็นหมากให้ใช้งาน คำสั่งของท่านคือคำประกาศิตของพวกเรา ทุกคำสั่งจะเป็นไปตามนั้นไม่มีบิดพลิ้วครับ” โม่หู่คุกเข่าลงพร้อมเอ่ยเรียกอู๋ฝานด้วยความนอบน้อมสาบานตนสวามิภักดิ์
บรรดาศิษย์วังเมฆาสวรรค์ที่เลือกจะอยู่ต่อ พวกเขาต่างก็คุกเข่าลงเหมือนที่โม่หู่กระทำ
“ลุกขึ้นยืน” ชายหนุ่มตอบรับด้วยอาการสงบ
“ครับ” โม่หู่รับคำทันที
“เจ้าสำนักหลิว ตอนนี้ถึงเวลาพูดคุยเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว” อู๋ฝานหันสายตาไปมองหลิวจื่อหาวพร้อมเปิดฉากสนทนา
“เรื่องอะไรล่ะ?” หลิวจื่อหาวเผยสีหน้าปั้นยากตอบรับ
“เจ้าสำนักหลิวลืมเร็วถึงขนาดนี้ได้ยังไง?” เขาเอ่ยถาม “การนำคนเข้ามาบุกรุกพื้นที่ของคนอื่นมันหมายความว่าอะไร?”
“ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโม่หู่ยอมจำนนแล้ว” หลิวจื่อหาวตอบกลับ
แม้คำพูดของเขาจะชวนให้ต้องอับอายไปบ้าง แต่อู๋ฝานกำลังจะเปิดฉากลงมือ หลิวจื่อหาวไม่มีความกล้ามากพอที่จะเผชิญหน้าด้วย
“แค่บอกว่าไม่รู้ก็จบแล้วงั้นเหรอ?” ชายหนุ่มยังคงถามด้วยเสียงเรียบนิ่ง
“แล้วต้องการอะไรล่ะ?” หลิวจื่อหาวถามกลับ
“เรื่องง่าย ๆ ยอมสวามิภักดิ์เหมือนวังเมฆาสวรรค์ หรือจะให้ทางนี้นำกำลังคนบุกไปถล่มสำนักสวรรค์คำรนให้ราบ สองทางเลือกนี้จะเลือกทางไหนดี?” อู๋ฝานเอ่ยถาม
“อู๋ฝาน อย่าให้มันมากเกินไปนัก!” หลิวจื่อหาวตอบโต้อย่างเกรี้ยวกราด “อย่าคิดว่าเพราะมีกำลังแล้วจะทำอะไรในเจียงโจวได้ตามใจชอบ!”
“อะไรที่ว่ามากเกินไป? ก็เห็นกันชัด ๆ ว่าทางนั้นนำกำลังคนมาบุกโจมตีอาณาเขตของคนอื่นก่อน เอาอะไรมาบอกว่ามากเกินไป?” เขาถามกลับ
“ฉันบอกไปแล้วว่าไม่รู้เรื่องที่โม่หู่ยอมสวามิภักดิ์อะไรนั่น!” หลิวจื่อหาวโต้กลับ
“ได้ จะยอมเชื่อว่าไม่รู้ก็แล้วกัน” อู๋ฝานตอบกลับ “แต่วังเมฆาสวรรค์ได้รับความเสียหายเพราะถูกบุกโจมตี และฉันให้เวลาพวกเขาเลือกที่จะภักดีหรือไม่หนึ่งวัน เรื่องนี้คงรู้มั้ง? ในเมื่อรู้แล้วแต่ยังคิดจะลงมือยึดวังเมฆาสวรรค์ นี่เรียกว่าการชุบมือเปิบใช่ไหม? คิดว่าจะเอาเปรียบกันได้อย่างนั้นเหรอ?”
ครั้งนี้หลิวจื่อหาวเถียงไม่ออก เพราะเขาไม่มีทางโต้เถียงได้ เรื่องที่อีกฝ่ายบอกมานั้นเป็นความจริงทุกประการ
“จะให้เวลาคิดหนึ่งนาที ภักดีหรือว่าตาย!” ชายหนุ่มจ้องมองหลิวจื่อหาว “ตอนที่คิดจะชุบมือเปิบจากคนอื่นก็ควรคิดถึงผลที่จะตามมาเอาไว้ด้วย!”
หลิวจื่อหาวมองชายหนุ่มด้วยโทสะกราดเกรี้ยว อีกฝ่ายข่มขู่อย่างไม่คิดปิดบัง ตอนนี้เองที่เขาตระหนักว่าตนเองปรามาสความทะเยอทะยานของชายหนุ่มต่ำเกินไป จนสุดท้ายติดกับดักอย่างไม่อาจดิ้นหลุด
เมื่อคิดได้ดังนั้นหลิวจื่อหาวจึงจ้องตาตอบ “อู๋ฝาน อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ แกต้องการจะยึดทุกสำนักในเจียงโจวเอาไว้ในกำมือใช่ไหม?!”
อู๋ฝานยิ้ม คำที่ตอบกลับไม่ใช่ทั้งการยอมรับหรือปฏิเสธ “เหลือเวลาอีกสามสิบวินาที”
โม่หู่ที่อยู่ไม่ไกลลอบครุ่นคิดกับตนเอง แน่นอนว่าเขาเองก็คาดเดาแนวคิดเดียวกันนี้ได้ และตอนนี้ดูเหมือนว่าคงไม่ผิดแล้ว
“อู๋ฝาน อย่าคิดว่าจะกลั่นแกล้งกันได้!” หลิวจื่อหาวตอบโต้ด้วยความเกรี้ยวกราด “ฉันไม่เลือกทางไหนทั้งนั้น อยากจะเห็นนักว่าคนอย่างแกจะทำอะไรฉันได้!”
เขาเมินเฉยประหนึ่งเสียงที่ผ่านแล้วก็ผ่านไป ในใจกำลังรอเวลาที่เสนอให้ครบกำหนด
สามสิบวินาทีผ่านไป
อู๋ฝานส่งสายตาเย็นยะเยือก “ในเมื่อไม่เลือกสักทาง ฉันก็จะช่วยเลือกให้เองก็แล้วกัน”
“บุก!”