ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 678 เลือกทางไหน
บทที่ 678 เลือกทางไหน
วันนี้ของพวกอู๋ฝานถือได้ว่าค่อนข้างยุ่งพอสมควร หลังเก็บกวาดสมรภูมิที่วังเมฆาสวรรค์ เขาก็พาสวีอี้ซาน ซือหลิน และโม่หู่ที่เพิ่งยอมสวามิภักดิ์ไปยังสำนักถัดไป
คนที่ต้องการชุบมือเปิบในวันนี้ ไม่ได้มีเพียงสำนักสวรรค์คำรนอย่างแน่นอน
สามสำนักผนึกกำลังร่วมกัน เมื่อรวมกับอู๋ฝานที่อัญเชิญนักรบโลกอสูรและทหารกบฏออกมา ดังนั้นการบุกเล่นงานสำนักที่สองซึ่งคิดชุบมือเปิบไปนั้นจึงไม่มีอะไรผิดพลาด ชะตาของพวกเขาก็เหมือนสำนักสวรรค์คำรน นั่นคือถูกสยบจนแพ้พ่าย เจ้าสำนักและผู้อาวุโสทุกคนตายอย่างน่าสังเวช เหลือเอาไว้เพียงเหล่าศิษย์ที่จะถูกนำไปจัดสรรต่อในภายหลัง
“ตอนนี้ก็เย็นแล้ว พอเท่านี้ก่อนแล้วกันครับ” ขณะเหล่าศิษย์ของสามสำนักใหญ่ร่วมกันเก็บกวาดพื้นที่สู้รบ ชายหนุ่มก็มองฟ้าก่อนจะบอกพวกสวีอี้ซาน
“นายน้อยไม่จัดการให้เสร็จในทีเดียวเลยเหรอครับ? ถึงพวกเราจะสู้กันมาหลายศึกแล้ว แต่ทุกคนไม่ได้เหนื่อยล้า ทั้งยังมีกำลังใจเปี่ยมล้น พวกเราเข้าปราบปรามทั้งคืนก็ไม่น่ามีปัญหานะครับ” สวีอี้ซานเสนออู๋ฝานด้วยท่าทีคาดหวัง
“ไม่หรอกครับ หนึ่งวันเผชิญศึกใหญ่มากกว่าหนึ่งครั้งก็เหนื่อยล้ากันแล้ว” เขาตอบกลับ “พวกเราจะมาจัดการต่อในวันพรุ่งนี้ ไม่มีเหตุอะไรให้ต้องรีบร้อนครับ”
ปัจจุบันเป็นช่วงราวสี่ทุ่มแล้ว แม้จะสามารถสู้ตลอดทั้งคืนได้ แต่อู๋ฝานก็ยังมีห่วงเรื่องโลกแห่งเกม สถานที่ซึ่งเขากับพวกอูหย่าใช้พักอาศัยไม่ได้ปลอดภัยเต็มร้อย หากตนไม่กลับไป ก็ยากจะทราบได้ว่าจะเกิดเรื่องราวอะไรขึ้นหรือไม่
“ครับนายน้อย” พวกสวีอี้ซานต่างพยักหน้าตอบรับ
ชายหนุ่มตัดสินใจแล้ว พวกเขาทั้งสามไม่อาจเห็นต่างหรือโต้แย้งได้ อีกทั้งวันนี้ก็เกิดเรื่องราวขึ้นมากมาย พวกเขาจำเป็นต้องใช้เวลาย่อยและจัดสรรสิ่งที่เพิ่งได้รับมา
ดังนั้นภายใต้ฟากฟ้ายามราตรี พวกอู๋ฝานจึงเริ่มเดินทางกลับ ในขณะเดียวกันข่าวคราวก็เริ่มแพร่กระจายไปทั่วแวดวงผู้ฝึกตนของเจียงโจวอย่างรวดเร็ว
เมื่อได้ทราบเรื่องราว เจ้าสำนักอสนีบาตสวรรค์กู่อวิ๋นจึงถอนหายใจเฮือกใหญ่ จิตใจของเขาตอนนี้กำลังเผชิญปัญหาอันหนักอึ้ง
ในปัจจุบันสำนักอสนีบาตสวรรค์ เป็นสำนักชั้นหนึ่งแห่งเดียวในเจียงโจวที่ยังไม่ได้เผชิญหน้ากับการกวาดล้างของอู๋ฝาน พวกเขาได้ตัดสินใจเหมือนที่สำนักสวรรค์คำรนเคยทำก่อนหน้านี้ คือคิดเข้าช่วงชิงสำนักอื่นที่ได้รับความเสียหายหนักหนาเพราะชายหนุ่ม พวกเขาเลือกเป้าหมายที่โจมตีได้แล้ว ส่วนผลลัพธ์ที่ได้นั้น หลังจ่ายด้วยราคาประมาณหนึ่ง พวกเขาก็สามารถยึดครองสำนักดังกล่าวได้สำเร็จ เนื่องจากเจ้าสำนักและบรรดาผู้อาวุโสถูกอู๋ฝานสังหารจนหมดสิ้น
เดิมนั้นมันเป็นเรื่องราวที่น่ายินดี แต่ข่าวที่อู๋ฝานเริ่มกวาดล้างคนชุบมือเปิบอย่างต่อเนื่อง ทำให้กู่อวิ๋นและคณะผู้อาวุโสสำนักอสนีบาตสวรรค์ไม่อาจนิ่งเฉยได้อีกต่อไป
สำนักที่ชุบมือเปิบหมายคว้าเอาสิ่งที่ชายหนุ่มหมายตาเอาไว้ทั้งสองแห่งพินาศไปเรียบร้อยแล้ว เห็นได้ชัดว่าการกระทำดังกล่าวคือการกระตุ้นโทสะของอีกฝ่าย และเขาก็ไม่ใช่คนที่จะยอมยืนดูคนอื่นมาแย่งชิงของที่ตนหมายตาเอาไว้
ปัจจุบันพวกเขาเป็นเพียงหนึ่งเดียวที่ยังรอดอยู่ และมันไม่มีเหตุผลอะไรที่อู๋ฝานจะต้องปล่อยพวกเขาให้รอดพ้น ดังนั้นทั้งสำนักอสนีบาตสวรรค์จึงกำลังร้อนรนต่อการมาเยือนของชายหนุ่มและสามสำนักภายใต้อาณัติ
หรืออู๋ฝานจะปล่อยพวกเขาไปโดยไม่ทำอะไรงั้นเหรอ?
เพียงแค่คิดก็มองว่าเป็นไปไม่ได้ ชายหนุ่มลงมือโหดเหี้ยมและไร้ความปรานีต่อสองสำนักที่หมายจะชุบมือเปิบ มันไม่มีเหตุผลอะไรที่จะยกเว้นพวกเขาให้เหลือรอด และพวกเขาก็ไม่เคยปฏิสัมพันธ์อะไรกับอีกฝ่ายแม้แต่น้อย
หรือวันนี้ขี้เกียจแล้วจึงกลับไปพัก วันพรุ่งนี้ค่อยเริ่มใหม่?
ก็มองว่ามีความเป็นไปได้ เนื่องจากพวกอู๋ฝานออกลงมือกันตั้งแต่เช้าจนถึงฟ้ามืด ต่อให้แข็งแกร่งแค่ไหนก็ต้องเจอกับความเหนื่อยล้า
“ลองเสนอกันออกมาว่าพวกเราควรจะทำยังไง?” กู่อวิ๋นเรียกประชุมบรรดาผู้อาวุโส เพื่อหารือทางออกที่ใช้คลี่คลายสถานการณ์
ก่อนพวกเขาจะตัดสินใจชุบมือเปิบ พวกเขาได้หารือกันถึงผลลัพธ์แล้วเช่นกัน เพราะว่ามีสำนักที่ตัดสินใจลงมือมากกว่าหนึ่ง รวมกับความจริงที่พวกเขาไม่เคยมีข้อพิพาทอะไรกับอู๋ฝานมาก่อน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะล้างแค้นและตอบโต้อย่างรวดเร็วถึงขนาดนี้ มันถึงขนาดทำพวกเขาต้องเปลี่ยนความคิด สำนักที่เพิ่งยึดครองเอามากลายเป็นเผือกร้อนที่ตอนนี้จะทานก็ไม่ได้ จะโยนทิ้งก็ไม่ได้เช่นเดียวกัน
“เจ้าสำนัก ผมขอเสนอทางเลือกให้พวกเรายอมรับความผิด และส่งคืนสำนักที่ยึดมาให้กับอู๋ฝานครับ”
“เห็นด้วย”
“เห็นด้วยเช่นกัน อู๋ฝานได้แสดงท่าทีออกมาอย่างชัดเจนแล้ว และไม่มีความจำเป็นที่พวกเราจะต้องเอาชีวิตไปเสี่ยง”
สำนักตะวันเพ็จ สำนักทะยานสวรรค์ วังเมฆาสวรรค์ สำนักสวรรค์คำรน และสำนักชั้นหนึ่งอีกแห่ง มันไม่มีสำนักใดต่อกรกับชายหนุ่มได้ ดังนั้นสำนักอสนีบาตสวรรค์ของพวกเขามีหรือจะทำได้? เพียงแค่คิดก็มองว่าเป็นไปไม่ได้แล้ว
กู่อวิ๋นถอนหายใจ เขาเห็นความหวาดกลัวต่ออู๋ฝานที่กัดกินใจของผู้คน ตัวเขาเองก็เช่นกัน ไม่เช่นนั้นตอนที่ได้ทราบว่าอีกฝ่ายถอนกำลังคนแยกย้ายและเดินทางกลับไปคงไม่แสดงอาการโล่งอกออกมา
“ส่งสำนักคืนให้อู๋ฝานน่ะไม่มีปัญหา คำถามคือต่อให้ส่งคืนไปแล้วเขาจะหยุดรึเปล่า?” กู่อวิ๋นเอ่ยถาม “พิจารณาจากการกระทำของเขา เห็นได้ชัดว่ามีความทะเยอทะยานอันยิ่งใหญ่ สำนักชั้นหนึ่งทั้งหมดในเจียงโจว ตอนนี้เหลือเพียงพวกเราแล้ว สถานการณ์แบบนี้คิดว่าเขาจะยอมปล่อยให้พวกเราอยู่เป็นหนามทิ่มตาเหรอ?”
เงียบ…
คณะผู้อาวุโสเงียบเสียง พวกเขาไม่ใช่คนโง่ จากการกระทำต่อเนื่องของอีกฝ่าย พวกเขาก็พอจะคาดเดาความทะเยอทะยานอันยิ่งใหญ่ได้ และชัดเจนว่ามันคือการรวมสำนักใหญ่ในเจียงโจวให้เป็นหนึ่งเดียว หากไม่เข้าร่วมก็ต้องถูกทำลาย และปัจจุบันเหลือเพียงสำนักอสนีบาตสวรรค์ของพวกเขาที่ยังรอดอยู่ เพียงแค่คิดก็ทราบได้ว่าอู๋ฝานจะไม่ปล่อยให้สถานการณ์เช่นตอนนี้ดำเนินต่อไปอย่างแน่นอน
หากพวกเขาไม่ยอมสวามิภักดิ์ก็ต้องถูกทำลาย
ก่อนหน้านี้ตอนที่พวกเขาตัดสินใจชุบมือเปิบ ก็เพราะกังวลว่าอู๋ฝานจะยังขยายอำนาจอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่การล้างแค้นของชายหนุ่มดำเนินอย่างรวดเร็วจนเกินไป มันโหดเหี้ยมและใช้เวลาน้อยนิดก็กวาดล้างสำนักถึงสองแห่งได้สำเร็จ สำนักอสนีบาตสวรรค์ของพวกเขาจะประสบชะตากรรมเช่นนั้นเมื่อใดก็ขึ้นอยู่กับเวลาแล้ว
“สิ่งที่พวกเราควรต้องพิจารณาตอนนี้ มันไม่ใช่เรื่องส่งสำนักคืนให้อู๋ฝาน แต่เป็นการที่จะเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายยังไง จะยอมสวามิภักดิ์เหมือนวังเมฆาสีชาด หรือจะยอมพินาศเหมือนสำนักสวรรค์คำรนที่ต่อต้านและสู้จนตัวตาย” กู่อวิ๋นเอ่ยถาม
มันคือปัญหาเร่งด่วนที่พวกเขาจำเป็นต้องหาข้อสรุป
“เจ้าสำนัก ผมมองว่าพวกเราควรยอมสวามิภักดิ์กับเขา พิจารณาจากการกระทำก่อนหน้านี้ สำนักอสนีบาตสวรรค์ของพวกเราไม่มีทางเทียบหรือต่อต้านได้เลย ต่อให้รวบรวมสำนักเล็ก ๆ ทั้งหลายมาจนหมด แต่พวกเราก็คงไม่อาจทำอะไรได้อยู่ดีครับ”
“ผมเองก็คิดแบบเดียวกัน แทนที่จะรอคอยเขามาเปิดฉากสังหาร พวกเราเป็นฝ่ายยอมจำนนก่อนดีกว่า”
“ผมเองก็เห็นด้วยกับการเสนอตัวยอมสวามิภักดิ์กับอู๋ฝาน อย่างน้อยมันก็สามารถช่วยชีวิตของทุกคนในสำนักอสนีบาตสวรรค์ได้ครับ”
หลังเงียบกันไปพักหนึ่ง พวกเขาก็เริ่มเอ่ยการตัดสินใจออกมา
เมื่อได้ทราบความเห็นที่พ้องต้องกันถึงขนาดนี้ กู่อวิ๋นจึงต้องถอนหายใจอีกครั้ง