ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 682 ไม่ได้ไล่ตาม
บทที่ 682 ไม่ได้ไล่ตาม
“แค่คนเดียว? แล้วรถหายไปไหนกัน?” ชายวัยกลางคนไม่มีทางเชื่อ
“คงโดนโจรปล้นชิงไปแล้วกระมัง” ผู้เฒ่าเฉินตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ
“ตอนโดนปล้นพวกมันไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่นหรือ?”
“ข้าก็แค่ตาแก่คนหนึ่ง พวกมันจะทำอะไรข้ากันเล่า?” ผู้เฒ่าเฉินถามกลับ
“ตาแก่บัดซบนี่ ถ้ายังไม่พูดความจริงได้โดนทุบจนตายแน่!” ชายคนที่ต้องการใช้แส้ฟาดผู้เฒ่าเฉินเมื่อครู่ถลึงตามอง
แต่สีหน้าท่าทีของผู้เฒ่าเฉินยังคงสงบ ราวกับคนที่ถูกข่มขู่เป็นผู้อื่นไม่ใช่ตนเอง
ชายวัยกลางคนต้องห้ามคนของตนเองอีกครั้ง แม้เขาเองก็ไม่เชื่อคำพูดของผู้เฒ่าเฉิน แต่หากพิจารณาถึงท่าทีของทหารเฝ้าประตูเมืองที่มีต่ออีกฝ่าย ชายชราตรงหน้าคงมีสถานะในเมืองผิงเป่าค่อนข้างสูง หากกระทำการอย่างบุ่มบ่าม เมื่อใดลงมือไปก็เท่ากับพวกเขากำลังแส่หาเรื่องใส่ตนเอง
ชายวัยกลางคนในชุดภูมิฐานทราบดีว่าอีกฝ่ายคงไม่ให้ข้อมูลอื่นใดอีก ดังนั้นจึงหยุดถามพร้อมหันไปสั่งคนของตนเอง “พวกเราไล่ตามต่อ ข้าเชื่อว่าพวกมันคงยังไปได้ไม่ไกล”
กองทหารม้าเริ่มออกเดินทางอีกครั้ง และทิ้งไว้เพียงฝุ่นที่ตลบฟุ้ง
ผู้เฒ่าเฉินมองทิศทางที่กองทหารม้าจากไป ก่อนจะหันศีรษะกลับมาและหลับตาลงพักผ่อนต่อ เขาทำเรื่องที่ทำได้ไปหมดแล้ว ส่วนที่เหลือพวกอู๋ฝานก็ต้องพึ่งพาตนเอง
ความจริงได้พิสูจน์ว่าอูหย่ารู้จักทางลัดเป็นอย่างดี พวกอู๋ฝานกำลังใช้งานถนนเส้นเล็ก ระยะทางที่เดิมควรใช้เวลาสองวันกลับสำเร็จได้ภายในหนึ่งวัน ช่วงเย็นพวกเขาจึงมาถึงประตูเมืองเฟิงอวี่ สถานที่ซึ่งเป็นเมืองหลวงแห่งอาณาจักรหนานปิง
“ในที่สุดก็มาถึง” อู๋ฝานมองกำแพงเมืองที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า
“ใช่” อูหย่าพยักหน้ารับด้วยสีหน้าที่ซับซ้อนด้วยอารมณ์
ก่อนหน้านี้นางคิดอยากกลับมาที่นี่ตลอด แต่เมื่อมาหยุดตรงหน้าประตูเมือง นางกลับพบว่าความรู้สึกของตนเองเริ่มซับซ้อนจนกลายเป็นความหวาดกลัวขึ้นมา
“เข้าไปกันเถอะ” อู๋ฝานบอกลั่วหยางให้ขับรถลากเข้าไป
เดิมทุกคนคิดว่าที่นี่จะเป็นเหมือนเมืองผิงเป่า ที่จะปรากฏกลุ่มคนคอยตรวจสอบและจับตามองประตูเมืองไว้ เพราะเหตุดังกล่าวจึงทำให้อูหย่าต้องปลอมตัวก่อน แต่เมื่อมาถึงหน้าประตูเมืองจริงกลับพบว่าแม้จะมีทหารเฝ้าประจำการอยู่ ทว่าพวกเขากลับเฉยเมย เพียงแค่จ่ายค่าผ่านทางก็สามารถเข้าเมืองได้โดยตรง กระบวนการมันราบรื่นเกินกว่าที่พวกเขาคาดเอาไว้มาก
แท้จริงแล้วสิ่งที่อู๋ฝานและพรรคพวกไม่ทราบ คือการที่เจ้าเมืองซิงผิงได้ส่งจดหมายลับหาจักรพรรดิแห่งหนานปิงตั้งแต่ก่อเหตุวางเพลิง พร้อมกล่าวว่าองค์หญิงสามถูกไฟเผาจนตายไปเรียบร้อยแล้ว
หลังจากนั้นแม้จะทราบว่าอูหย่ายังไม่ตาย แต่เขาก็ไม่กล้าบอกความจริงต่อจักรพรรดิ เนื่องจากตนเองเพิ่งแจ้งว่าคนตายเรียบร้อยแล้ว ถ้าหลังผ่านไปได้ไม่นานกลับพูดว่าอูหย่ายังไม่ตาย หากผู้ฟังได้ทราบจะคิดเห็นเช่นไร?
ดังนั้นจ้าวชิวซานจึงปิดบังเรื่องราว โดยพยายามไล่ล่าจัดการอูหย่าเพื่อทำให้ข่าวที่แจ้งว่านางตายไปแล้วคือเรื่องจริง
แต่น่าเสียดายที่ปัจจุบันอูหย่ามาถึงเมืองเฟิงอวี่เป็นเรียบร้อยแล้ว ขณะที่จ้าวชิวซานไม่อาจลงมือสำเร็จ
แม้อาณาจักรหนานปิงจะเป็นอาณาจักรเล็ก ๆ แต่เมืองเฟิงอวี่อย่างไรก็เป็นเมืองหลวง จึงถือเป็นเมืองใหญ่ที่เจริญรุ่งเรือง ดังนั้นนับตั้งแต่เข้าเมืองมา สิ่งที่ได้พบคือผู้คนที่สัญจร สองฟากข้างจะมีคนหาบเร่ขายของ เมื่อเห็นเรื่องราวคุ้นเคย อูหย่าถึงกับต้องเผยยิ้มออกมา
“ไปหาที่พักคืนนี้ก่อน พรุ่งนี้เช้าค่อยเข้าวัง” อูหย่าบอกกับอู๋ฝาน
“เจ้าคิดจะเข้าไปยังไงกัน?” อู๋ฝานเอ่ยถาม
การที่จ้าวชิวซานไล่ล่าหมายสังหาร มันย่อมเป็นเพราะคำสั่งของจักรพรรดิองค์ใหม่ หากเป็นเช่นที่ว่า อีกฝ่ายก็คงไม่ยินดีต้อนรับอูหย่าเข้าวังอย่างแน่นอน
“ตรงเข้าไป!” อูหย่าตอบกลับ “ช่วงเช้าจะมีการออกว่าราชการ ข้าจะเข้าไปในช่วงนั้นและเอ่ยปากถามต่อหน้าทุกคน”
เห็นได้ชัดว่าอูหย่าเองก็ไตร่ตรองมาแล้ว ส่วนคนที่นางจะเอ่ยถามนั้นย่อมต้องเป็นจักรพรรดิองค์ใหม่
ชายหนุ่มครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะตอบกลับ “คิดดีแล้วใช่หรือไม่? มันเสี่ยงอันตรายค่อนข้างมากเลยทีเดียว”
“ไปคนเดียว?”
“ใช่ วันพรุ่งนี้จะอันตรายมาก ข้าไม่ต้องการให้พวกเจ้าเสี่ยงกับเรื่องของข้ามากไปกว่านี้ ลำพังแค่เรื่องร่วมทางมาจนถึงที่นี่ข้าก็ขอบคุณมากแล้ว ส่วนที่เหลือหลังจากนี้ข้าจะจัดการเอง” นางตอบกลับ
อูหย่าไม่ต้องการลากพวกอู๋ฝานเข้าไปเสี่ยงอันตรายครั้งใหญ่ นางทราบดีอยู่แก่ใจว่าการเดินทางเข้าวังในวันพรุ่งนี้เสี่ยงมากแค่ไหน แต่เพราะต้องการที่จะทราบความจริง แม้จะเสี่ยงนางก็พร้อม ทว่าตนไม่ต้องการให้คนที่ห่วงหาเข้ามาร่วมเผชิญอันตรายไปด้วย
“คงไม่ได้หรอกก” ชายหนุ่มตอบกลับ “พรุ่งนี้ข้าจะเข้าวังพร้อมเจ้า”
ภารกิจของอู๋ฝานยังไม่เสร็จสิ้น ดังนั้นจึงไม่มีทางที่เขาจะมองอูหย่าไปเสี่ยงอันตรายลำพัง ยิ่งไปกว่านั้นหลังได้เดินทางร่วมกันมาระยะหนึ่ง ตนก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายคือเพื่อน เวลาเช่นตอนนี้เขาจะไม่มีทางเลือกหันหลังให้เพื่อนอย่างเด็ดขาด
“อู๋ฝาน เจ้าไม่ต้องไป” อูหย่าตอบกลับ “หากพี่สี่ของข้าเป็นต้นตอของปัญหาจริง ๆ พรุ่งนี้เจ้าอาจจะออกจากวังไม่ได้อีก”
“ก็อาจจะไม่เป็นเช่นนั้น” อู๋ฝานยิ้มตอบรับ
อู๋ฝานมีวิธีการช่วยชีวิตตนเองมากมาย แม้ไม่ค่อยอยากเปิดเผยต่อคนนอก แต่หากสถานการณ์คับขันและจำเป็น เขาก็พร้อมจะมองข้ามปัญหาเหล่านั้น
“อู๋ฝาน ข้า…” อูหย่ายังอยากจะเกลี้ยกล่อมเพิ่มเติม
จบคำเขาก็เดินนำหน้าตรงไป ส่วนอูหย่าทำได้เพียงมองแผ่นหลังของชายหนุ่มด้วยสายตาซับซ้อน
เมืองเฟิงอวี่ย่อมมีโรงเตี๊ยมให้เลือกมากมาย พวกเขาเพียงหาก็พบได้ง่าย ๆ หลังร่วมทานอาหารจึงแยกย้ายกลับห้อง
แต่ไม่นานหลังกลับห้องพัก อูหย่ากลับปลอมตัวอีกครั้งและออกไปด้านนอก
อู๋ฝานไม่ทราบเรื่องที่หญิงสาวออกไปข้างนอกอีกครั้ง เพราะหลังเข้าห้องพัก เขาก็เทเลพอร์ตกลับไปยังโลกความเป็นจริงแล้ว
ส่วนอีกด้านหนึ่ง ฝั่งกลุ่มคนที่จ้าวชิวซานส่งมาตามล่าองค์หญิงสาม หลังค้นเมืองผิงเป่าอยู่ทั้งวันก็ยังไม่เจอตัวเป้าหมาย ส่วนหน่วยไล่ล่าที่ออกจากเมืองไล่ตามไปเองก็ล้มเหลวเช่นเดียวกัน
เมื่อฟ้ามืด จ้าวชิวซานที่ได้ทราบรายงานก็โกรธจัด เขาจำเป็นต้องคิดว่าจะหาทางจัดการกับเรื่องราวนี้ยังไง
ปัจจุบันกลุ่มคนที่ไล่ตามรถลากไปนั้นไม่พบร่องรอยของอูหย่าแล้ว เป็นไปได้ว่านางอาจจะอยู่ระหว่างทาง เพราะจากเมืองผิงเป่าต้องใช้เวลาเดินทางไปเมืองหลวงถึงสองวัน เหลือเวลาอีกเพียงไม่มากก่อนอูหย่าจะไปถึงเมืองหลวง
“เหมือนจำเป็นต้องรายงานความจริงให้ฝ่าบาททราบซะแล้ว” จ้าวชิวซานที่ครุ่นคิดอยู่สักพักจึงตัดสินใจ
แม้การรายงานจะถูกโทสะจากจักรพรรดิเล่นงาน แต่จ้าวชิวซานก็ไม่เหลือทางเลือกอื่นแล้ว เขาจำเป็นต้องบอกความจริงก่อนที่จักรพรรดิองค์ใหม่จะได้พบอูหย่าต่อหน้า เพื่อที่อีกฝ่ายจะได้เตรียมการเอาไว้ได้ทัน และเมื่อนั้นก็จะได้สังหารอูหย่าให้ดับสิ้น ภายในวังหลวงเพื่อจบเรื่องราว
เมื่อคิดได้ดังนั้นจ้าวชิวซานจึงเขียนจดหมายลับอธิบายเรื่องราว ก่อนจะก็ฝากพิราบสื่อสารนำส่งเหมือนเคย
“หากองค์หญิงสามไม่ตาย เมืองหลวงคงได้เกิดพายุเลือดขึ้นแน่” จ้าวชิวซานพึมพำกับตนเองขณะมองพิราบที่บินไกลออกไป
ก่อนองค์ชายสี่อูเฉียนขึ้นครองบัลลังก์ เขามีข้าราชบริพารที่ให้การสนับสนุนเพียงหยิบมือ แต่เพราะเป็นองค์ชายคนสุดท้ายของราชวงศ์ที่ยังมีชีวิตอยู่ ดังนั้นจึงได้รับสิทธิ์ให้ขึ้นครองบัลลังก์ ไม่เช่นนั้นด้วยอายุและช่วงเวลาอีกฝ่ายไม่มีทางได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิอย่างแน่นอน
หากองค์หญิงสามปรากฏตัวอย่างกะทันหัน ความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะทำให้บัลลังก์ของอูเฉียนเริ่มสั่นคลอน
………………..