ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 684 คำสั่งซื้อครั้งใหญ่
บทที่ 684 คำสั่งซื้อครั้งใหญ่
“ได้ยินมาว่าครั้งนี้สำนักหลอมกระบี่รวบรวมยอดฝีมือจากหลากหลายสำนัก เพื่อเตรียมสร้างอาวุธเทพไร้เทียมทานขึ้นมาค่ะ” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์เอ่ยขึ้นมา
“อาวุธเทพไร้เทียมทาน?” อู๋ฝานชะงักไปครู่หนึ่ง
มันจะเป็นระดับตำนาน เทวภัณฑ์ หรือว่าวัตถุเซียนกันแน่?
“ค่ะ” หญิงสาวพยักหน้ารับ “สำนักหลอมกระบี่มีสถานะค่อนข้างพิเศษในหมู่ผู้ฝึกตน การปรากฏของอาวุธเทพไร้เทียมทานในครั้งนี้ จึงดึงดูดความสนใจของผู้ฝึกตนมากมาย ดังนั้นงานชุมนุมกระบี่ที่สำนักหลอมกระบี่ครั้งนี้ถึงคึกคักยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ ค่ะ”
“พอพูดให้ฟังแบบนี้ผมก็ชักสนใจอาวุธเทพนั่นบ้างแล้วสิครับ” ชายหนุ่มยิ้มตอบรับ
อู๋ฝานเองก็เก่งกาจในด้านการสร้างเช่นกัน และระดับสูงสุดที่เขาสามารถสร้างได้ในปัจจุบันคือระดับอำพัน หากยอดฝีมือของสำนักหลอมกระบี่สามารถสร้างอาวุธระดับสูงกว่านั้นได้ ตนก็มีความสนใจอยากจะพูดคุยกับอีกฝ่าย เผื่อว่าจะได้เสริมสร้างประสบการณ์และความรู้ขึ้นมาบ้าง
“งั้นพวกเราไปด้วยกันดีไหมคะ?” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์เอ่ยถาม
“ได้ครับ” เขาตอบรับ
“ข่งไห่หลิน?” อู๋ฝานชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเริ่มจำอีกฝ่ายได้
พวกเขาเคยมีเรื่องเบาะแว้งกันมาบ้างเพราะหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ ตอนนั้นเขาคิดว่าข่งไห่หลินจะมาสร้างปัญหาทีหลังอีกด้วยซ้ำ แต่สุดท้ายอีกฝ่ายกลับถอนตัวกลับไปโดยไม่พูดไม่จา
“เขานั่นแหละค่ะ ตอนนั้นคงต้องระวังบ้างแล้ว” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ตอบกลับ
“ครับ” ชายหนุ่มพยักหน้ารับ
หากเทียบกับครั้งก่อนที่ได้พบข่งไห่หลิน ปัจจุบันอู๋ฝานแข็งแกร่งขึ้นมาก ทั้งยังมีไพ่ในมือมากมายพร้อมใช้งาน ครั้งนั้นเขาไม่กลัวอีกฝ่าย และครั้งนี้ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องกลัวด้วยเช่นกัน
คนทั้งสองเดินไปจนถึงร้านอาหารที่อู๋ฝานเอ่ยถึงเพื่อทานมื้อเที่ยง รสชาติอาหารค่อนข้างดีเมื่อเทียบกับร้านอื่น แต่ก็ยังมีระยะห่างหากเปรียบกับร้านโลกในแหวน
หลังทานเสร็จเขาก็ไปส่งหลิ่วเหยียนเอ๋อร์กลับมหาวิทยาลัย จากนั้นจึงขับรถไปที่โรงงานเฟอร์นิเจอร์
“อู๋ฝาน คุณมาได้จังหวะพอดีเลย ฉันว่าจะโทรหาอยู่” หลังชายหนุ่มมาถึง เจ้าหย้าหนานอดไม่ได้ที่จะต้องลากชายหนุ่มเข้าไปด้านใน
“เกิดอะไรขึ้นครับ?” อู๋ฝานเอ่ยถาม
เมื่อไปถึงหน้าประตูโรงงาน เขาจึงเห็นเฟอร์นิเจอร์มากมายกำลังขนย้ายขึ้นรถบรรทุก รวมถึงมีคนงานคอยตรวจสอบในทุกขั้นตอน
“ผมไม่อยู่ก็ไม่เป็นไรหรอกครับ อาจารย์ลู่กับคนอื่น ๆ ก็ทราบเรื่องโครงสร้างการผลิตดี พวกเขารับมือไหวอยู่แล้ว” เขาตอบกลับ
“ไม่ไหวหรอกครับ” ลู่หรงฮวาที่บังเอิญเดินผ่านมารีบเอ่ยขึ้น “พวกเราเพิ่งเข้ามาทำงานตรงนี้ ยังเทียบเถ้าแก่ไม่ไหวหรอกครับ”
พวกลู่หรงฮวาคลุกคลีกับวงการนี้มานาน ฝีมือของพวกเขาถือว่าไม่เลว กระทั่งเชื่อถือได้ด้วยซ้ำ ทว่าพวกเขาก็ยังรู้สึกนับถืออู๋ฝานจากก้นบึ้งหัวใจ
“ช่วงเวลาสำคัญแบบตอนนี้ คุณอยู่ด้วยก็ถือว่าถูกต้องแล้วค่ะ” เจ้าหย้าหนานพูดขึ้นมา
“ครับ วันนี้ผมยังไงก็ได้อยู่แล้ว” อู๋ฝานตอบกลับ
จากนั้นชายหนุ่มจึงตามรถบรรทุกของโรงงานมุ่งหน้าไปยังกลุ่มการค้าจั่งหยาง เพื่อพบและส่งมอบสินค้าให้กับกู้หมิง
“เถ้าแก่อู๋ ไม่ได้เจอกันนานนะครับ” กู้หมิงยังคงจำอู๋ฝานได้ เพราะความประทับใจแรกพบที่ค่อนข้างตราตรึง
“สวัสดีครับเถ้าแก่กู้” เขายิ้มรับ “ตั้งแต่บอกลาครั้งก่อน ผมก็คิดว่าไม่นานคงได้พบเถ้าแก่กู้อีกครั้ง เพราะแบบนั้นทางผมจึงรีบนำสินค้ามาส่งเร็วเท่าที่จะเร็วได้เลยครับ”
“ใช่ครับเถ้าแก่กู้ ลองมาตรวจสอบสินค้าดูก่อนได้เลยครับ” อู๋ฝานตอบรับ
“ผมเชื่อในฝีมือของเถ้าแก่อู๋อยู่แล้วครับ” กู้หมิงยิ้มรับ
ต่อให้ปากเอ่ยชมเชยและเยินยอ ทว่ากู้หมิงก็ยังมาตรวจสอบสินค้าที่เริ่มขนย้ายลงมาทีละรายการ
ยิ่งสำรวจมองเท่าไหร่ กู้หมิงก็ยิ่งเผยรอยยิ้มชื่นมื่นด้วยความพอใจมากขึ้นเท่านั้น
“เถ้าแก่กู้ คิดยังไงบ้างครับ?” ชายหนุ่มเอ่ยถาม
“เยี่ยมครับ ยอดเยี่ยมที่สุด!” กู้หมิงยิ้มตอบรับ “ก่อนหน้านี้ผมก็เคยสั่งซื้อเฟอร์นิเจอร์ที่คล้ายคลึงกันนี้ แต่พอเทียบกับของทางโรงงานเถ้าแก่อู๋ เห็นได้ชัดว่าต่างกันมากเลยครับ”
“เถ้าแก่กู้พอใจผมก็ยินดีครับ ความพอใจของลูกค้าคือหลักสำคัญที่โรงงานของเรายึดถือครับ” เขาตอบรับ
“เยี่ยมเลยครับ” กู้หมิงพยักหน้ารับด้วยความพึงใจ “เดี๋ยวผมให้แผนกการเงินโทรหาเพื่อจัดการค่าสินค้าที่เหลือนะครับ ตอนนี้พวกเรามาพูดคุยเรื่องความร่วมมือกันเลยดีกว่า”
อู๋ฝานและเจ้าหย้าหนานมองตากันก่อนจะเผยยิ้มออกมาทางสายตา
เรื่องราวเป็นอย่างที่พวกเขาคิดเอาไว้ คำสั่งซื้อที่เพิ่งนำมาส่งเป็นเพียงการอุ่นเครื่องและการทดสอบเท่านั้น ขณะที่คำสั่งซื้อล็อตใหญ่ของจริงกำลังจะเริ่มขึ้น
ทั้งอู๋ฝานและเจ้าหย้าหนานเริ่มหารือและต่อรองกับกู้หมิง ระหว่างการเจรจา เจ้าหย้าหนานถือเป็นกำลังหลัก ขณะที่ชายหนุ่มจะคอยรับบทผู้ช่วย แม้เธอเพิ่งเข้ามาทำธุรกิจตรงนี้ได้ไม่นาน ทว่าพรสวรรค์กลับเปล่งประกายอย่างถึงที่สุดก็ตอนเจรจาการค้า หลังสนทนากู้หมิงยังเอ่ยชมเชยไม่หยุดหย่อน
“เถ้าแก่อู๋ เถ้าแก่เจ้า หวังว่าความร่วมมือจะราบรื่นและดำเนินไปได้ด้วยดีนะครับ” หลังเวลาผ่านไปสองชั่วโมง การเจรจาระหว่างสองฝ่ายก็เสร็จสิ้น คำสั่งซื้อครั้งนี้มูลค่าถึงสิบล้าน หากเป็นตามปกติ มันถือได้ว่าเป็นคำสั่งซื้อล็อตใหญ่มากเลยทีเดียว
แต่เพราะสองฝ่ายต่างพึงพอใจ ฝ่ายหนึ่งต้องการสั่งซื้อ ส่วนอีกฝ่ายต้องการตอบรับ การเจรจาดำเนินไปไม่นานก็บรรลุเป้าหมายอย่างราบรื่น
“ยินดีที่ได้ร่วมมือนะครับ” ชายหนุ่มจับมือกู้หมิงพร้อมเผยยิ้มให้
หลังเจรจาเรียบร้อย อู๋ฝานและเจ้าหย้าหนานจึงบอกลากู้หมิง
“เยี่ยมเลย!”
ระหว่างทางกลับ เจ้าหย้าหนานที่อดทนไม่ไหวถึงกับตะโกนออกมาด้วยสีหน้าอิ่มอกอิ่มใจ
ครั้งนี้ถือเป็นคำสั่งซื้อครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่หญิงสาวรับช่วงต่อกิจการ แม้ความดีความชอบส่วนใหญ่ควรจะเป็นของอู๋ฝาน แต่ตนก็ทุ่มเทให้กับงานไม่น้อยเช่นกัน การตกลงทำสัญญาคำสั่งซื้อครั้งนี้ก็ได้มาเพราะความสามารถของเธอ
“ตื่นเต้นขนาดนั้นเลยเหรอครับ?” อู๋ฝานเอ่ยถาม
“ใช่ค่ะ ครั้งนี้เป็นคำสั่งซื้อที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่ฉันเคยทำสัญญารับมาเลย” เจ้าหย้าหนานตอบกลับ “ไว้พอกลับไปถึง คงต้องเริ่มจัดแจงให้พวกอาจารย์ลู่เริ่มสายการผลิต ส่วนคุณก็อย่าคิดว่าจะหนีหายได้นะคะ”
“ผม? ผมมีเวลาไม่ค่อยมากเท่าไหร่น่ะครับ” อู๋ฝานรีบตอบกลับ
เขายังมีเรื่องต้องทำอีกมาก ไม่ว่าจะที่โลกเบื้องหน้าหรือว่าแวดวงผู้ฝึกตน ตอนนี้กระทั่งนึกเสียใจที่ขยับขยายกิจการมากเกินไปแล้ว จนทำให้ทุกวันนี้ยุ่งจนแทบไม่มีเวลาทำอะไรอื่น
ตอนแรกนั้นอู๋ฝานขาดแคลนเงินทองจริง ๆ ดังนั้นเขาจึงทำอะไรก็ตามที่สามารถทำเงินได้ ทว่าตอนนี้เริ่มมั่งมีขึ้นมาแล้ว จึงแทบไม่ได้ให้ค่ากับเงินมากขนาดนั้น สิ่งที่คาดหวังตอนนี้คืออยากจะมีเวลาทำอะไรตามใจชอบบ้าง แต่โชคร้ายที่เวลาของเขากลับมีแต่จะยิ่งน้อยลง
“ฉันก็ไม่ได้จะให้ไปอยู่โรงงานตลอดเวลาหรอกค่ะ ฉันรู้ดีว่าคุณค่อนข้างยุ่ง” เจ้าหย้าหนานตอบกลับ “ขอแค่ถ้ามีเวลาก็แวะมาดูงานบ้าง ส่วนงานหลักฉันจะเป็นคนเฝ้าจับตามองเอาไว้เองค่ะ”
“ถ้าแค่นั้นไม่มีปัญหาอะไรเลยครับ” อู๋ฝานถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ตราบใดที่ไม่ต้องแวะเข้าไปทุกวันก็ถือว่าไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ความสามารถที่เจ้าหย้าหนานแสดงให้เห็นตั้งแต่คำสั่งซื้อที่ผ่านมา มันมากพอที่จะทำให้ทราบว่าเธอสามารถรับผิดชอบจัดการโรงงานเฟอร์นิเจอร์ให้เป็นไปได้ด้วยดี
………………..