ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 685 องค์หญิงสามกลับมาแล้ว
บทที่ 685 องค์หญิงสามกลับมาแล้ว
ในช่วงค่ำ อู๋ฝานที่ว่างเว้นและไม่ได้มีอะไรทำจึงเตรียมรอเทเลพอร์ต เมื่อถึงเวลาเขาจึงไปปรากฏที่โลกแห่งเกม
ตอนนี้โลกแห่งเกมยังฟ้ามืดอยู่ ชายหนุ่มที่ไม่ได้ง่วงจึงเปิดหน้าต่างโรงเตี๊ยมมองออกไปยังถนนภายนอก
แม้จะยังไม่รุ่งสาง แต่ก็เริ่มมีคนมาเตรียมหาบเร่กับตั้งแผงลอยข้างถนนแล้ว บ้างก็มีคนที่ตื่นเช้าเป็นประจำออกมาเดินกัน
“แม้อำนาจของอาณาจักรหนานปิงจะไม่ได้แข็งแกร่ง แต่ผู้คนก็ยังคงบากบั่นและทำงานอย่างซื่อสัตย์สินะ” อู๋ฝานพึมพำกับตัวเอง
“หือ? นั่นอูหย่าหรือเปล่า?” ขณะอู๋ฝานมองภายนอกไปเรื่อย ขณะนี้เองที่พบเห็นร่างอันคุ้นเคยของคนที่ร่วมทางมาด้วย
ชายหนุ่มครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจกระโดดออกจากหน้าต่างลงไปด้านล่าง แม้จะเป็นชั้นสาม แต่ความสูงเท่านี้ไม่ได้มากเกินกว่าความสามารถของวิชานางแอ่นถลาลม
“เจ้าจะไปไหนแต่เช้า?” หลังกระโดดลงมา เขาจึงหยุดยืนลงตรงหน้าอูหย่าพร้อมเอ่ยถาม
“ทำไมเจ้ามาอยู่ตรงนี้?” อูหย่าดูมีท่าทีสับสนและกระวนกระวาย เมื่อเห็นชายหนุ่มที่ปรากฏตัวอย่างกะทันหัน “ข้า… ข้ามีธุระเลยออกมาข้างนอก”
“อู๋ฝาน เรื่องนี้เป็นเรื่องของข้า แค่เจ้าร่วมทางมาส่งถึงเมืองเฟิงอวี่ก็ทำให้ข้าขอบคุณมากแล้ว หลังจากนี้เป็นเรื่องที่ข้าต้องสะสางเอง” เมื่อเห็นอีกฝ่ายคาดเดาแผนการของตนเองได้ หญิงสาวจึงไม่คิดปิดซ่อนอีกต่อไป
“เจ้าคิดเข้าวังคนเดียวจริง ๆ ด้วย” เขาตอบกลับ “เมื่อวานรับปากกันเอาไว้แล้วไม่ใช่หรือว่าวันนี้พวกเราจะไปพร้อมกัน?”
“ข้าไม่อยากลากให้เจ้ามาเกี่ยวข้องกว่านี้” อูหย่าตอบกลับ
อูหย่าทราบดีว่าวังหลวงเป็นสถานที่แบบใด โดยเฉพาะกับตอนที่ผู้ปกครองตั้งตัวเป็นปรปักษ์กับนางแล้ว สถานที่อันอบอุ่นและคุ้นเคย มันจะไม่ต่างอะไรกับแดนประหารที่รอวันทำภารกิจให้ลุล่วง
อูหย่าจำเป็นต้องไป และนางไม่ต้องการลากอู๋ฝานไปเสี่ยงอันตราย
“ก็ไม่ขนาดนั้น ข้าเองก็มีเหตุผลที่ต้องไป“ อู๋ฝานตอบกลับ
ไม่ว่าจะภารกิจต่อเนื่องที่ได้รับมา รวมถึงภารกิจลับจากจักรพรรดิแห่งเหยียนเฟิง ชายหนุ่มมีแต่ต้องเข้าวังไปเท่านั้น
“มีเหตุผลต้องเข้าไปงั้นเหรอ?” อูหย่ามองชายหนุ่มด้วยความสับสนและสงสัย แต่ไม่นานใบหน้าของนางกลับแดงก่ำ
อูหย่าไม่ทราบเรื่องภารกิจทั้งหลายที่อู๋ฝานได้รับมา ไม่ว่าจะจากระบบหรือจากจักรพรรดิแห่งเหยียนเฟิงก็ตาม ดังนั้นจึงเกิดคิดไปว่าที่ชายหนุ่มยืนกรานจะเข้าวังไปด้วยนั้นก็เพราะไม่เชื่อใจนาง
“ใช่” อู๋ฝานพยักหน้าตอบ “เพราะแบบนั้นอย่าคิดจะกีดกันข้า”
เขายืนยันที่จะไปด้วย ดังนั้นอูหย่าจึงไร้ทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมให้ไป เมื่อคนทั้งสองมาถึงหน้าทางเข้าวังหลวง ก็พบว่ามีรถลากเทียมม้าหลายคันมาจอดรออยู่ก่อนแล้ว และบนรถลากแต่ละคันต่างก็มีธงแสดงตำแหน่งประดับอยู่
“พวกขุนนางมากันแต่เช้าเลยทีเดียว” เมื่อเห็นเขาจึงต้องเอ่ยขึ้น
“ว่าราชการช่วงเช้าก็จำเป็นต้องมาตั้งแต่เช้าตรู่” อูหย่าตอบกลับ
อู๋ฝานพยักหน้ารับ อาณาจักรเหยียนเฟิงและอาณาจักรหนานปิงต่างก็มีช่วงออกว่าราชการตอนเช้าแทบจะเวลาเดียวกัน ช่วงตีห้ายังถือว่าเร็วเกินกว่าจะเป็นช่วงออกว่าราชการ แต่ปัญหาอยู่ที่เหล่าขุนนางไม่กล้ามาสาย หากอยู่ที่โลกความเป็นจริง มาสายก็คงถูกต่อว่าหรือหักเงินเดือน แต่ที่นี่คนที่มาสายจะถูกลงโทษทัณฑ์ บางทีอาจสูญตำแหน่งหน้าที่การงาน หรือบางทีอาจจะสูญเสียชีวิต
“หยุด วังหลวงเป็นสถานที่สำคัญ ไม่อนุญาตให้ใครเข้า!” เมื่ออู๋ฝานและอูหย่าเดินมาจนถึงหน้าทางเข้าวังหลวง พวกเขาพลันถูกทหารเฝ้าประตูห้ามปรามเอาไว้ด้วยสีหน้าขึงขัง
บรรดาข้ารับใช้จากตระกูลทั้งหลายที่ติดตามเจ้านายตนเองมา เมื่อเห็นเรื่องราวเสียงดังจึงมองตาม
อูหย่าเผยสีหน้าจริงจังและเอาป้ายประจำตัวออกมาส่งให้หัวหน้าทหารที่ขวางทาง
“ข้าคืออูหย่า องค์หญิงสามแห่งหนานปิง!”
เพียงอูหย่าเอ่ยออกมา รอบด้านกลับเงียบเสียงลง ไม่ว่าจะทหารที่ยืนคุ้มกันประตูเข้าออก หรือข้ารับใช้ที่ติดตามเจ้านายทั้งหลายมา พวกเขาต่างก็เผยท่าทีตื่นตกใจมองมาทางเดียวกัน
ทั้งทหารและข้ารับใช้ที่อยู่ในบริเวณย่อมได้ยินนามของอูหย่า แต่ข้อมูลที่พวกเขาทราบคือการที่หญิงสาวออกไปแต่งงานกับจักรพรรดิชราแห่งอาณาจักรเหยียนเฟิง มันคือเหตุการณ์ใหญ่ที่คนทั้งสองอาณาจักรต่างทราบกันดี หลายคนยังคิดด้วยซ้ำว่าอูหย่าคงไม่อาจหลบหนีออกมาจากนครเหยียนหยางได้ ดังนั้นพวกเขาเลยไม่เมีใครคาดว่านางจะไม่เพียงรอดออกมาจากจักรวรรดิของอีกฝ่ายเท่านั้น แต่ยังหลบหนีต่อเนื่องจนกลับมาถึงอาณาจักรหนานปิงได้
หลังหัวหน้าทหารยามยื่นมือออกมารับป้ายของอูหย่าและพิจารณา ชั่วพริบตาเขาถึงขั้นต้องคุกเข่า
“ข้าน้อยถวายพระพรองค์หญิง!”
“ฟึ่บ!”
”ฟึ่บ!”
….
บรรดาทหารซึ่งอยู่ด้านหลังหัวหน้าทหาร ต่างก็พร้อมใจกันคุกเข่าลงอย่างนอบน้อม
“ถวายพระพรองค์หญิง!”
บรรดาข้ารับใช้ที่ติดตามเจ้านายมาด้วยชะงักงันกันไปครู่หนึ่ง และไม่นานพวกเขาก็คุกเข่าลงตรงหน้าอูหย่า
“ทุกคนลุกขึ้น” อูหย่าเอ่ยด้วยน้ำเสียงลุ่มลึก สีหน้าท่าทีแสดงออกถึงความเป็นผู้สูงศักดิ์
“ขอบพระทัยฝ่าบาท!” ทุกคนต่างตอบรับเป็นเสียงเดียวกัน
“ข้าต้องการเข้าวัง!” อูหย่ากล่าวบอกกับหัวหน้าทหารคุ้มกันประตูอีกครั้ง
“ขอรับ” อีกฝ่ายตอบรับโดยไม่รีรอ จากนั้นจึงหันไปบอกกับทหารใต้บัญชา “รีบเปิดประตูวัง!”
ตอนนี้พวกเขาไม่กล้าชักช้า กระทั่งกลายเป็นว่าเร่งร้อนเปิดประตูวังอันหนักอึ้งออกอย่างรวดเร็ว
“เชิญองค์หญิงเสด็จพ่ะย่ะค่ะ!” หัวหน้าทหารเอ่ยอย่างนอบน้อมกับอูหย่าอีกครั้ง
“อืม” อูหย่าพยักหน้ารับอย่างสงวนท่าทีขณะเดินเข้าไป
อู๋ฝานคิดจะตามเข้าไปด้วย ทว่ากลับถูกหัวหน้าทหารห้ามเอาไว้
“เขามากับข้า” อูหย่าเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง
“พ่ะย่ะค่ะ” หัวหน้าทหารตอบรับพร้อมเปิดทางให้อย่างรวดเร็ว เพื่อให้ชายหนุ่มได้ตามเข้าไป
หลังอู๋ฝานและอูหย่าเข้าวังมาแล้ว ประตูวังอันหนักอึ้งจึงเริ่มปิดลงอีกครั้ง แน่นอนว่าคนที่อีกฟากของประตูเริ่มพูดคุยกันเสียงดัง
“องค์หญิงสามจริงหรือ?”
“ไม่ใช่ได้ยินมาว่าองค์หญิงสามสิ้นพระชนม์ที่อาณาจักรเหยียนเฟิงแล้วหรือ? ตอนนี้อยู่สุขสบายดีนี่?”
“ข้าเองก็ได้ยินมาว่าองค์หญิงสามสิ้นพระชนม์ด้วยมือของพวกโจรร้ายระหว่างทาง“
“สวรรค์ประทานพรแก่พวกเราชาวหนานปิงแล้ว! ไม่เพียงมีแต่องค์ชายสี่ที่รอด ทว่าขณะนี้องค์หญิงสามก็กลับมาได้อย่างปลอดภัย อาณาจักรของพวกเรายังสามารถไปต่อได้”
“องค์หญิงสามกลับมาถือเป็นเรื่องวิเศษ แต่ทำไมฝ่าบาทไม่รอต้อนรับกัน?”
“บางทีฝ่าบาทคงยังไม่ทราบเรื่องที่องค์หญิงสามเดินทางกลับมาแล้ว”
ทุกคนต่างพูดคุยเรื่องการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของอูหย่า เหล่าข้าราชบริพารไม่ทราบความบิดเบี้ยวในวังก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเท่าที่พวกเขาทราบ ราชวงศ์หนานปิงประสบเภทภัยครั้งยิ่งใหญ่ ปัจจุบันแม้มีผู้รอดชีวิตเพิ่มเพียงหนึ่ง แต่ก็ยังถือว่าเป็นเรื่องวิเศษที่ชวนให้ยินดี
………………..