ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 689 เฝ้าจับตามอง
บทที่ 689 เฝ้าจับตามอง
“ไม่มีเรื่องเข้าใจผิดอันใดทั้งสิ้น ข้าทราบตัวตนของผู้ลงมือเป็นอย่างดี พวกมันเป็นคนของเจ้าเมืองซิงผิงอย่างแน่นอน!” อูหย่าตอบรับด้วยความมั่นใจ
แม้คนเหล่านั้นจะปลอมตัวก่อนลงมือโจมตีหมายสังหาร แต่อูหย่าก็เชื่อในสายตาของอู๋ฝาน ยิ่งไปกว่านั้นเหตุการณ์โรงเตี๊ยมในเมืองซิงผิงที่ถูกวางเพลิง ก็บ่งชี้ไปยังจ้าวชิวซานอย่างชัดเจน
อูเฉียนเริ่มเผยสีหน้าปั้นยาก โดยเฉพาะยามได้เห็นเหล่าเสนาบดีเริ่มกระซิบกระซาบกัน เขายิ่งรู้สึกทั้งอับอายและโกรธกริ้ว
“น้องหญิง เจ้าเพิ่งกลับมา ระหว่างทางคงเหนื่อยมากแล้ว ตอนนี้ควรกลับไปพักผ่อนก่อน เสด็จพี่คนนี้จะตรวจสอบเรื่องราวให้เอง หากจ้าวชิวซานหาญกล้ากระทำเช่นนั้น ข้าจะไม่มีทางปล่อยมันรอดพ้นอย่างแน่นอน!” อูเฉียนตอบกลับด้วยสีหน้าจริงจัง
อูหย่ามองอู๋ฝาน สุดท้ายจึงพยักหน้าให้ “ข้าเชื่อว่าเสด็จพี่จะช่วยหาความจริงให้”
“แน่นอนอยู่แล้ว” อูเฉียนที่ได้ยินคำพูดของอูหย่าโล่งอก อย่างน้อยนางก็หยุดถามคำถามแล้ว
ช่วงว่าราชการเช้าจบลงอย่างรวดเร็ว อูหย่าและอู๋ฝานพักในวังหลวง ข่าวเรื่องที่หญิงสาวกลับมาอย่างปลอดภัยเริ่มกระจายออกจากปากของเหล่าเสนาบดี พวกเขาส่วนใหญ่ยินดี ขณะที่อีกส่วนลอบตื่นตระหนกตกใจ พร้อมคาดเดาได้ว่าราชสำนักกำลังจะเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกหนหนึ่ง
“เหมือนเจ้าจะไม่ได้เชื่อใจพี่ชายจักรพรรดิของเจ้านะ” อู๋ฝานเผยยิ้ม
“ข้าย่อมไม่เชื่อ และทราบดีด้วยว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือของเขาทั้งสิ้น เพียงแต่พวกเราไม่มีหลักฐาน และเขาก็ไม่มีทางยอมรับออกมาด้วยตนเองแน่” อูหย่าตอบกลับ “เจ้ามีเหตุผลอะไรถึงบอกให้ข้าพักในวัง? หากปัญหาอยู่ที่คนจริง อยู่ที่นี่จะไม่อันตรายกว่างั้นหรือ? ตอนนี้เขาคือผู้ปกครองของวังหลวงแห่งนี้นะ”
เมื่อครู่ที่อูหย่าตัดสินใจอยู่พักในวังหลวง ก็เพราะอู๋ฝานแนะนำมาแบบนั้น
“ก็ตามที่เจ้าว่า พวกเราไม่มีหลักฐานยืนยันความผิด ดังนั้นพวกเราถึงต้องการหลักฐาน” ชายหนุ่มตอบกลับ “หากอยากจะสืบหาก็มีแต่ต้องอยู่ที่นี่ แม้จะอันตรายไปบ้าง แต่หากต้องการสืบทราบให้เข้าถึงความจริงที่สุด มันก็มีความเสี่ยงที่ต้องแลก”
อูหย่าพยักหน้ารับ “เจ้ากำลังจะบอกว่าในวังแห่งนี้อาจมีเบาะแสอยู่งั้นหรือ?”
“มีคำกล่าวว่า หากไม่ทราบเรื่องก็ไม่ทำอะไร แต่ถ้าทำจริง ๆ ก็ต้องมีเบาะแสหลงเหลือ สิ่งที่พวกเราต้องทำตอนนี้คือหาเบาะแสนั่น” เขาตอบกลับ
“ก็จริง เจ้าพูดถูก” อูหย่าพยักหน้ารับ “พวกเราจะอยู่ที่วังเพื่อตรวจสอบให้กระจ่าง ส่วนเรื่องนอกวัง ใต้เท้าจ้าวคงเริ่มสืบในทางลับเรียบร้อยแล้ว”
“จ้าวซิ่งเหนียนคนนั้น? เขาเป็นคนฝ่ายเจ้าหรือ?” อู๋ฝานเอ่ยถาม
“ใต้เท้าจ้าวคืออาจารย์คนแรกในชีวิตข้า” หญิงสาวตอบกลับ “ตอนที่ข้ายังเด็ก ใต้เท้าจ้าวเป็นคนคอยสอนหนังสือให้ข้าได้อ่านออกเขียนเป็น ดังนั้นพวกเราจึงมีสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน และเมื่อคืนข้าก็ลอบไปที่จวนของใต้เท้าจ้าว เพื่อขอให้เขาสืบสวนลับ ๆ ก่อนจะเกิดเรื่องในวันนี้ขึ้นแล้ว”
ในขณะเดียวกัน อูเฉียนกลับมายังห้องทรงอักษรในวังหลังแล้ว เขานั่งลงกับเก้าอี้ด้วยสีหน้าดำมืด
“ตึก!”
อูเฉียนที่นั่งเงียบ ๆ อยู่นาน ขณะนี้เองที่ปัดกองฎีกาทั้งหมดบนโต๊ะกวาดทิ้งลงไปกองกับพื้น
“บัดซบ!”
เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ สายตาจ้องมองออกไปด้านนอกอย่างแค้นเคือง
อูเฉียนไม่คาดว่าอูหย่าจะกลับมาอย่างมีชีวิตรอด และทันทีที่กลับมาก็ตั้งคำถามต่อตัวเขาหน้าโถงประชุม ราวกับไม่ได้มีความเชื่อใจอะไรในตนตั้งแต่แรกแล้ว
เห็นได้ชัดว่าอูหย่ากำลังสงสัยว่าความตายของเชื้อพระวงศ์ที่ล่วงลับไปแล้วเกี่ยวข้องกับเขา และแท้จริงแล้วมันก็เกี่ยวข้องกับอูเฉียนจริง ๆ เพียงแต่เรื่องดังกล่าวไม่อาจเปิดเผยสู่ที่แจ้งได้ ไม่เช่นนั้นผู้คนจะพร้อมกันต่อว่าและเกิดความไม่พอใจ สุดท้ายบัลลังก์ของเขาจะไม่มีความมั่นคงใดหลงเหลืออยู่อีก
ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางยอมรับเรื่องราวดังกล่าวด้วยตนเอง และจะไม่ยอมให้อูหย่ามีโอกาสสืบสวนด้วยเช่นกัน
“ทหาร!” อูเฉียนตะโกนเสียงดัง
“จับตามององค์หญิงสามเอาไว้ หากนางไปที่ไหนให้ติดตามไปที่นั่นอย่าให้คลาดสายตา” อูเฉียนเอ่ยบอก
“พ่ะย่ะค่ะ!”
หลังองครักษ์ทั้งสองออกไปแล้ว สายตาของอูเฉียนจึงเริ่มเผยจิตสังหารออกมาอย่างรุนแรง
“น้องหญิง หากเจ้าอยู่ข้างนอกนั่นตั้งแต่แรกก็ดีอยู่แล้ว เจ้าจะได้มีชีวิตรอดและเป็นญาติเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ของข้า แต่ในเมื่อเลือกที่จะเสนอหน้ากลับมาก็อย่าหาว่าข้าโหดเหี้ยมแล้วกัน!” อูเฉียนพึมพำ
อูเฉียนตัดสินใจสังหารอูหย่าโดยไร้ซึ่งความลังเล เพราะแท้จริงแล้วเขาก็สังหารสมาชิกราชวงศ์ไปมากมาย หากจะเพิ่มอูหย่าไปอีกสักคนก็ไม่นับเป็นอะไรทั้งสิ้น
แม้อูเฉียนจะมีเจตนาฆ่าอูหย่าไปให้พ้นทาง แต่คนเพิ่งกลับมาถึง ทั้งยังเกิดเรื่องโต้เถียงกันกลางท้องพระโรง หากหญิงสาวเสียชีวิตลงอย่างกะทันหัน เขาจะตกเป็นผู้ต้องสงสัยสูงสุด และจะไม่มีทางหลีกเลี่ยงความเคลือบแคลงของประชาชนและเหล่าข้าราชบริพารได้
ดังนั้นอูเฉียนจึงต้องเตรียมแผนการจับตามองนางเอาไว้ คอยกักตัวนางให้อยู่แต่ในวังหลวงสักระยะ หลังภายนอกลืมเลือนเรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้ว เมื่อนั้นเขาค่อยลงมือประหารหอกข้างแคร่เช่นนางให้เรียบร้อย
คำสั่งของอูเฉียนมีผลอย่างรวดเร็ว ขณะอูหย่าและอู๋ฝานเตรียมออกไปเดินชมวังเพื่อหาเบาะแส แต่กลับได้พบว่ามีคนคอยสะกดรอยตามเป็นที่เรียบร้อย
“องค์หญิง องค์เหนือหัวตรัสว่าอาจจะมีคนของอาณาจักรสุ่ยเยวี่ยจับตามองอยู่ ดังนั้นจึงต้องการให้พวกเราเฝ้าระวังความปลอดภัยพ่ะย่ะค่ะ” หนึ่งในราชองครักษ์ตอบกลับ
“ข้าไม่ต้องการให้พวกเจ้าคุ้มครอง ต่อให้ประสบอันตรายใด ๆ ข้าก็สามารถจัดการด้วยตัวเองได้” อูหย่าตอบกลับ
“องค์หญิง เนื่องจากเป็นประสงค์ขององค์เหนือหัว กระหม่อมไม่อาจละเลยได้พ่ะย่ะค่ะ” ราชองครักษ์ตอบกลับ
“ก็ได้ เช่นนั้นข้าจะไปพบเสด็จพี่แล้วขอให้ไล่พวกเจ้าออกไปเสีย” อูหย่าตอบกลับ
ขณะอูหย่าแจ้งความประสงค์ว่าต้องการจะพบอูเฉียน แต่กลับได้รับคำตอบว่าอีกฝ่ายไม่มีเวลามาเจอ ตอนที่คิดจะบุกเข้าไปพบกลับถูกห้ามเอาไว้ และก็ยังได้ทราบว่าภายในวังมีหลายสถานที่ซึ่งนางไม่อาจเข้าไป หากว่าคิดเข้าไปนางจะถูกขัดขวาง
“นี่ใช่พยายามกักขังข้าและเฝ้าจับตามองเอาไว้หรือไม่?” ภายในวังองค์หญิงอูหย่าเอ่ยถามกับอู๋ฝานด้วยสีหน้าโกรธเกรี้ยว
นอกพื้นที่วังของหญิงสาวมีราชองครักษ์คอยยืนเฝ้าระวัง พวกเขาเหล่านี้จะคอยติดตามไปยังทุกสถานที่ที่นางไป กระทั่งพื้นที่ส่วนตัวคนเหล่านั้นก็ยังคอยมายืนหน้าประตูเฝ้าไม่ห่าง ปากบอกว่าให้การคุ้มกัน แต่แท้จริงมันคือการเฝ้าจับตามองและถูกกักบริเวณ
“ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นแบบนั้น” อู๋ฝานตอบรับ
“แล้วตอนนี้พวกเราควรจะทำยังไงดี? โดนจับตามองแบบนี้จะหาทางสืบเรื่องราวได้ยังไงกัน?” อูหย่าเริ่มแสดงความหงุดหงิดออกมา
“ก็อาจไม่เป็นแบบนั้นซะทีเดียว” ชายหนุ่มยิ้มตอบ
“เจ้ามีแผนการแล้ว?” หญิงสาวเอ่ยถามด้วยสายตาคาดหวัง
“คนที่พวกมันเฝ้าจับตามองคือเจ้า ไม่ใช่ข้า” เขาตอบกลับ “ในสายตาของพวกมัน ข้าไม่ต่างอะไรกับมนุษย์ล่องหนด้วยซ้ำไป”
………………..