ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 690 หลักฐาน
บทที่ 690 หลักฐาน
“เจ้ากำลังบอกว่าจะสืบสวนด้วยตัวเองหรือ?” อูหย่าเอ่ยถาม
“ถูกต้อง” อู๋ฝานพยักหน้ารับ “เจ้าต้องออกไปเดินเล่น แม้มีหลายสถานที่ไม่อาจเข้าไป แต่ก็ยังมีทางให้เดินได้ เพียงแค่จะถูกเฝ้าจับตาอย่างใกล้ชิดเท่านั้น”
อูหย่าพยักหน้ารับ นางเข้าใจความหมายดี สิ่งที่ตนต้องทำการคือดึงความสนใจของอูเฉียนเอาไว้ เพื่อเปิดโอกาสให้ชายหนุ่มได้ทำการสืบสวน
“แต่ภายในวังมีการเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด เจ้าจะสืบสวนได้แน่หรือ?” อูหย่าเอ่ยถาม
ความคิดก่อนหน้านี้ของอูหย่าคือการใช้สถานะองค์หญิงเดินไปมาอย่างอิสระภายในวัง การทำเช่นนั้นจะทำให้ตรวจสอบและหาเบาะแสได้ง่าย ทว่าตอนนี้กลับถูกเฝ้าจับตาอย่างเข้มงวด กระทั่งแทบจะถูกกักบริเวณเอาไว้ สถานะองค์หญิงไม่อาจอำนวยความสะดวกได้อีก ทำให้การสืบสวนดำเนินต่อไปได้ยาก เนื่องจากที่นี่คือวังหลวงของอาณาจักรหนานปิง แม้จะไม่ได้มีการเฝ้าคุ้มกันอย่างแน่นหนาเหมือนอาณาจักรเหยียนเฟิง แต่อย่างไรก็ยังถือว่ามีการวางเวรยามเอาไว้อย่างรัดกุม
“ข้ามีวิธี” อู๋ฝานเผยยิ้มดูลึกลับ “ตอนนี้สิ่งที่เจ้าต้องทำก็มีแค่บอกโครงสร้างของวังนี้ออกมา รวมถึงสถานที่ที่อูเฉียนชอบไปอยู่หรือใช้งาน”
เมื่อเห็นอู๋ฝานพูดด้วยท่าทีจริงจัง อูหย่าจึงนึกได้ว่าอีกฝ่ายคือคนที่แทบจะสร้างปาฏิหาริย์ได้ด้วยซ้ำ ไม่แปลกหากนางจะเชื่อโดยไร้ข้อกังขา
“ได้”
หลังหญิงสาวบอกเรื่องภายในวังให้ทราบ แม้นางจะออกไปฝึกฝนอยู่บ่อยครั้ง แต่วังนี้ก็เป็นสถานที่ที่นางอยู่อาศัยตั้งแต่ยังเด็ก ไม่แปลกหากจะคุ้นเคยกับสถานที่เป็นอย่างดี
หลังบอกเล่าเรียบร้อย อูหย่าจึงลุกขึ้นและเตรียมออกไปเดินเล่นอีกครั้ง แน่นอนว่าองครักษ์ที่ยืนอยู่ด้านนอกเหล่านั้นพร้อมจะติดตามนางไปโดยไม่มีความลังเล
เรื่องที่อู๋ฝานคาดเดานับว่าถูกต้อง เขาคือมนุษย์ล่องหนในความเห็นของอูเฉียน อีกฝ่ายมองว่าชายหนุ่มเป็นเพียงผู้ติดตามของอูหย่า และไม่ให้ค่าหรือความสำคัญใด ๆ ทั้งสิ้น หนึ่งเดียวที่เขาหวาดระแวงคืออูหย่า ดังนั้นจึงกักบริเวณนางไม่ให้ไปไหน ส่วนชายหนุ่มนั้น อูเฉียนมองว่าผู้ติดตามตัวจ้อยไม่มีทางสืบหาอะไรจากวังหลวงที่มีการเฝ้าคุ้มกันอย่างแน่นหนาได้อยู่แล้ว
เมื่ออูหย่าออกไป อู๋ฝานที่ยืนนิ่งมาพักหนึ่งจึงเริ่มเคลื่อนไหว หลังแน่ใจแล้วว่ารอบ ๆ ไม่มีใคร เขาจึงเริ่มก้มตัวลงก่อนจะหายตัวไป เขาใช้วิชาดำดินเพื่อออกไปจากห้องส่วนตัวของอูหย่า
ทางด้านอูหย่านำเหล่าองครักษ์ตามไปยังสวน เพื่อนั่งดื่มชาพลางชื่นชมดอกไม้อย่างสบายอกสบายใจ หลังอูเฉียนทราบเรื่องก็หาได้สงสัยใด ๆ ไม่ เขาไม่คิดว่าภายใต้การเฝ้าจับตามองและกักบริเวณ หญิงสาวจะสามารถทำอะไรอื่นได้
ส่วนอีกด้านหนึ่ง อู๋ฝานใช้วิชาดำดินหลบเลี่ยงเหล่าองครักษ์ประจำวัง ก่อนจะเดินไปมาในหลายสถานที่ซึ่งอูเฉียนมักจะแวะไปอยู่บ่อยครั้ง
ปัจจุบันอูเฉียนคือจักรพรรดิแห่งอาณาจักรหนานปิง ปกติแล้วจะไม่มีใครกล้าเข้าไปยังสถานที่ซึ่งอีกฝ่ายใช้งานในช่วงที่เจ้าตัวไม่อยู่ ดังนั้นการเคลื่อนไหวเพื่อตรวจสอบของอู๋ฝานจึงยิ่งง่ายดาย
แต่หลังค้นหาหลากหลายสถานที่แล้วอู๋ฝานกลับยังไม่พบอะไร
‘ตอนนี้เหลือแค่ห้องทรงพระอักษรกับห้องนอนของสนมแล้ว แต่ถ้าจะมีอะไรซ่อนก็คงไม่ใช่ห้องสนมแน่’ เพราะสืบค้นแทบจะทุกที่แต่กลับไม่พบเจอเบาะแส อู๋ฝานจึงเริ่มพึมพำกับตัวเองในใจ
สุดท้ายเขาจึงมุ่งเป้าไปยังห้องทรงพระอักษรที่อูเฉียนใช้งานอยู่ในปัจจุบัน ปกติแล้วที่นั่นควรจะต้องมีเบาะแสหลงเหลืออยู่
แต่ขณะอู๋ฝานแอบเข้ามากลับพบว่าอูเฉียนยังคงตรวจฎีกาอยู่ ด้วยความจนใจเขาจึงหาที่ซ่อนตัวเพื่อรอตรวจสอบหลังอีกฝ่ายออกไป
โชคดีที่อูเฉียนไม่ได้กินนอนในห้องทรงอักษร อู๋ฝานรอราวครึ่งชั่วยามก็พบว่าถึงช่วงมื้อเที่ยงพอดี และอูเฉียนก็ออกไปพัก จังหวะนี้เองที่เป็นโอกาสให้เขาได้เข้าไปยังห้องทรงอักษรอีกครั้งโดยใช้วิชาดำดิน
ภายในห้องไร้ผู้คน เนื่องจากเป็นสถานที่ที่อูเฉียนใช้ทำงาน ฎีกามากมายจึงถูกเก็บรวบรวมเอาไว้ ทั้งหมดเป็นเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในอาณาจักรหนานปิง เห็นได้ชัดว่าสถานที่แห่งนี้ถือว่ามีความสำคัญกับอาณาจักรอย่างใหญ่หลวง ช่วงที่อูเฉียนไม่อยู่จึงไม่มีใครกล้าเข้ามา
ดังนั้นมันจึงกลายเป็นช่วงเวลาอำนวยความสะดวกให้อู๋ฝานได้เริ่มอ่านเอกสารทั้งหลาย
“เจอแล้ว!”
หลังอ่านเอกสารจนเกือบหมด อู๋ฝานจึงพบว่ามีจดหมายแทรกอยู่สองถึงสามฉบับ และมันคือเป้าหมายที่เขาต้องการพอดี
ชายหนุ่มพบว่าจดหมายทั้งสามฉบับส่งจากเจ้าเมืองซิงผิงถึงอูเฉียน เนื้อหาทั้งหมดเกี่ยวข้องกับอูหย่า และมันสามารถใช้พิสูจน์ได้ว่าคนที่ตามไล่ล่าหญิงสาวมาตลอดทางเป็นคนที่จ้าวชิวซานส่งมา โดยได้รับคำสั่งมาจากอูเฉียนอีกทีหนึ่ง
นอกจากจดหมายทั้งสามฉบับจากจ้าวชิวซานก็ยังคงมีจดหมายอื่นรวมอยู่ด้วย ผู้ที่ส่งหาอูเฉียนคือเหยียลวี่หงเฟย หรือก็คือองค์ชายสองแห่งอาณาจักรสุ่ยเยวี่ย!
“ถ้าเดาถูกต้อง มันก็แปลว่าอูเฉียนกำลังร่วมมือกับเหยียลวี่หงเฟย!” หลังจากอ่านเนื้อหาในจดหมาย อู๋ฝานก็เริ่มพึมพำกับตัวเอง
เนื้อหาในจดหมายคือการที่เหยียลวี่หงเฟยตอบรับความร่วมมือกับอูเฉียน โดยอูเฉียนจะเป็นผู้เปิดประตูเมืองและประตูวัง เพื่อให้คนของเหยียลวี่หงเฟยบุกเข้ามา และเมื่อถึงเวลานั้นคนของอีกฝ่ายจะเข้ามาควบคุมตัวสมาชิกของราชวงศ์หนานปิงทุกคน รวมถึงสนับสนุนการให้อูเฉียนเป็นจักรพรรดิ
และแน่นอนว่าทุกสิ่งที่ได้มาย่อมมีราคาต้องจ่าย นั่นคืออูเฉียนจะต้องจ่ายเงินจำนวนมหาศาล โดยมีฉากหน้าเป็นค่าปฏิกรรมสงคราม ซึ่งก็เห็นได้ชัดจากการที่อูเฉียนได้ตอบรับไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“อำนาจเป็นสิ่งหอมหวาน เพื่อบัลลังก์แล้วถึงกับยอมทำได้ทุกอย่าง” อู๋ฝานพึมพำกับตัวเอง
เพื่อขึ้นครองบัลลังก์และยกตัวเองขึ้นเป็นจักรพรรดิ อูเฉียนถึงกับยอมปล่อยให้ศัตรูบุกเข้าวัง จนนำไปสู่หายนะต่อสมาชิกราชวงศ์แห่งหนานปิงทั้งหมด
หลังได้จดหมายเหล่านี้มาแล้ว อู๋ฝานจึงออกจากห้องทรงอักษรด้วยความพึงพอใจ และเดินทางกลับไปยังพื้นที่ส่วนตัวของอูหย่า
“เจ้ายังคิดวิธีการสืบไม่ออกใช่หรือไม่?” หลังอูหย่าออกไปเดินเล่นมาพักหนึ่ง นางก็กลับมายังวังที่ใช้พำนักพร้อมพบว่าชายหนุ่มยังคงรออยู่ที่เดิม
“ไม่ใช่ ข้ากลับมาหลังจากสืบสวนแล้วต่างหาก” เขาตอบพร้อมนำจดหมายออกมา “และนี่คือสิ่งที่ข้าพบ”
“รวดเร็วขนาดนี้?” หญิงสาวตอบกลับขณะรับเอาจดหมายเหล่านั้นมาด้วยความประหลาดใจ
นับตั้งแต่นางแยกกับอู๋ฝาน มันเป็นเวลาเพียงหนึ่งชั่วยามเท่านั้น และหลังตนกลับมาก็พบว่าชายหนุ่มกลับมาแล้ว มันถือเป็นการลงมือที่รวดเร็วจนน่าตกใจ
แต่ความประหลาดใจของอูหย่า ไม่นานก็ถูกแทนที่ด้วยโทสะอันกราดเกรี้ยว
“ไม่ผิดตัวแน่แล้ว!” หญิงสาวที่ได้อ่านจดหมายถึงกับโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
แม้ก่อนหน้านี้นางจะสงสัยว่าอูเฉียนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นั้น ทว่าก็ยังไม่ปักใจเชื่อทั้งหมด แต่เพราะหลักฐานที่พบและได้เห็นกับตาตัวเอง มันทำให้นางทั้งโศกเศร้า โกรธเกรี้ยว และแทบไม่อาจยอมรับความจริงได้
อูเฉียนที่นางจำได้นั้นมีแต่ความน่าประทับใจ เขาเป็นคนมีพรสวรรค์และมากความสามารถ ทั้งยังเป็นมิตรและมองโลกในแง่ดี มันทำให้นางไม่เคยคาดว่าแท้จริงแล้วอีกฝ่ายจะเป็นคนเช่นนั้น
“หลักฐานก็ได้มาแล้ว ตอนนี้เจ้าคิดจะทำยังไงต่อ?” อู๋ฝานเอ่ยถาม
“ข้าจะนำจดหมายเหล่านี้ไปประกาศในช่วงว่าราชการตอนเช้า ข้าจะให้เขาสารภาพด้วยตัวเอง!” หญิงสาวตอบกลับ
เนื่องจากมีหลักฐานเรียบร้อยแล้ว อูหย่าจึงเตรียมวางแผนประกาศออกไป นางอยากประกาศให้เครือญาติที่ล่วงลับไปแล้วได้ทราบ รวมถึงเหล่าข้าราชบริพารและประชาชนก็ด้วยเช่นกัน!
………………..