ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 82 คำเตือนของหวังจื่อหมิง
บทที่ 82 คำเตือนของหวังจื่อหมิง
บทที่ 82 คำเตือนของหวังจื่อหมิง
ภายหลังอู๋ฝานกลับจากออฟฟิศ จึงโทรหาหวังจื่อหมิง สายโทรเชื่อมต่อในเวลาอันสั้น โดยหวังจื่อหมิงเชิญเขาไปร่วมทานมื้อกลางวันที่คัลเลอร์แมน
จากคำเชิญดังกล่าว อู๋ฝานจึงเกิดลังเลไปชั่วขณะ จนสุดท้ายก็ตอบรับ เพราะเขายังคงมีความสงสัย ว่าเพราะสาเหตุอะไรหวังจื่อหมิงจึงต้องการพบเจอ ตามปกติแล้วระหว่างเขากับอีกฝ่ายนั้นไม่ควรมีเหตุผลอะไรให้ต้องพบเจอกัน
เมื่อมาถึงคัลเลอร์แมนอีกครั้งหนึ่ง ความรู้สึกในใจของอู๋ฝานแตกต่างไปจากเดิม
ตอนที่มาถึงที่นี่เป็นครั้งแรก อู๋ฝานรู้สึกราวกับได้เปิดโลกจริง แต่เมื่อมาที่นี่เป็นครั้งที่สอง เขามาพร้อมกับหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ เพียงแต่ไม่ได้มีความรู้สึกอะไรพิเศษในใจ ในความเห็นของอู๋ฝาน มันแตกต่างไปจากภัตตาคารธรรมดา ดังทราบว่าเชฟใหญ่เดิมของที่นี่ ปัจจุบันกำลังเรียนรู้ทักษะการทำอาหารจากเขา ดังนั้นสำหรับเขาแล้ว สถานที่แห่งนี้ไม่หลงเหลือความพิเศษอันใด
อู๋ฝานไม่ทราบว่าหากผู้จัดการหวงทราบว่าภายหลังหลิวอี้เตาลาออก จะมุ่งตรงไปยังร้านแผงลอยของเขา หากอีกฝ่ายทราบ ก็ไม่ทราบแล้วว่าจะเกิดความรู้สึกอย่างไร
ภายในห้องส่วนตัว อู๋ฝานได้พบหวังจื่อหมิง และหวังจื่อหมิงถือเป็นลูกค้าประจำของที่นี่ ทางคัลเลอร์แมนยินดีจองห้องส่วนตัวเอาไว้ให้เขาทุกเมื่อ ดังนั้นไม่ว่ามาเมื่อไร หวังจื่อหมิงจะได้ห้องส่วนตัวอยู่โดยตลอด
“เข้ามานั่งก่อนสิ” หวังจื่อหมิงพบเห็นอู๋ฝานมาแล้ว เขาไม่ได้มีท่าทีกระตือรือร้นใด หรือว่าวางท่าถือตัวเหมือนดังหลี่ปิง
“ไม่ทราบว่านายน้อยหวังต้องการพบผมวันนี้ด้วยเรื่องอะไรกัน” อู๋ฝานเอ่ยคำถามอย่างไม่ถ่อมตัว พร้อมกับนั่งลง
แม้ว่าปัจจุบัน ระหว่างคนทั้งสองจะยังมีความแตกต่างทางสถานะค่อนข้างใหญ่ แม้แบบนั้นอู๋ฝานก็ไม่ได้รู้สึกว่าตนเองจะด้อยกว่าอีกฝ่าย เพราะด้วยแหวนวิเศษ อู๋ฝานเชื่อว่าภายหน้าตนเองจะประสบความสำเร็จได้ อย่างที่ไม่น้อยหน้าไปกว่าพวกของหวังจื่อหมิง
“ก็ไม่มีอะไรพิเศษ เพียงแค่ต้องการทำความรู้จักและพูดคุยต่อกัน” หวังจื่อหมิงตอบกลับ ก่อนจะยื่นเมนูอาหารส่งให้อู๋ฝาน “สั่งตามต้องการได้เลย”
“นายน้อยหวังไม่ต้องสั่งเยอะหรอกครับ ผมทานอะไรก็ได้” อู๋ฝานตอบรับ
หวังจื่อหมิงก็ไม่ได้บีบบังคับอะไร เพียงรับเมนูกลับมาพลางพูดสั่งไปเรื่อย “ผมก็ลืมไป ว่าคุณอู๋มีฝีมือทำอาหารดีเยี่ยม กระทั่งเชฟหลิวก็ไม่อาจเทียบคุณได้ ให้เดาว่าพอต้องทานอาหารฝีมือคนอื่น จึงเกิดรู้สึกไม่ค่อยอยากอาหารขึ้นมา”
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกครับ” อู๋ฝานตอบกลับ “ผมไม่ได้เสาะหาอาหารอะไรขนาดนั้น ขอเพียงทานได้ก็พอแล้วครับ”
แท้จริงแล้ว ตลอดมาชีวิตของอู๋ฝานก็ไม่ได้เรียบง่าย สำหรับเขาแล้ว การได้กินอาหารจนอิ่มก็เพียงพอแล้ว หากพูดถึงการเสาะหาอาหารชั้นสูงทานนั้นตัวเขายังไม่กล้าคิดขนาดนั้น
“ชีวิตที่ผ่านมาของคุณอู๋ก็ค่อนข้างดี ถ้าให้ผมสรุป ก็เรียกว่าค่อนข้างเรียบง่ายดี” หวังจื่อหมิงตอบกลับ
“เหมือนว่านายน้อยหวังจะตรวจสอบผมมาแล้ว?” อู๋ฝานยังคงสงบใจจิบชาไปพลาง
“พอทำความเข้าใจมาบ้าง เพราะคนอื่นฝากฝังมาอีกทีหนึ่ง” หวังจื่อหมิงไม่คิดปิดบัง
“โอ้? กับคนธรรมดาคนหนึ่งอย่างผม ใครกันจะเกิดนึกสนใจ? คนอย่างผม ถ้าหาตามข้างทาง ก็เจอมากกว่าเก้าในสิบเสียด้วยซ้ำไป” อู๋ฝานตอบกลับ
“ใครสนใจนั้นไม่ใช่สาระหรอก” หวังจื่อหมิงตอบกลับ “สิ่งสำคัญก็คือ ผมได้พบว่าคุณอู๋เคยเป็นคนที่ธรรมดาอย่างมาก แต่ไม่นานมานี้ราวกับเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน เป็นความเปลี่ยนแปลงใหญ่เสียด้วย”
หัวใจอู๋ฝานถึงกับเต้นผิดจังหวะ ทว่าสีหน้ายังคงสงบ “อะไรที่เปลี่ยนกันล่ะครับ?”
“ฝีมือการทำอาหาร และสถานะอาจารย์ของมหาวิทยาลัยเจียงโจว” หวังจื่อหมิงตอบกลับ “ตามข้อมูลที่ผมตรวจสอบมา เหมือนว่าคุณจะมีฝีมือการทำอาหารดีขึ้นอย่างปุบปับ ทั้งยังได้เป็นอาจารย์ของมหาวิทยาลัยเจียงโจวอย่างปุบปับด้วยเช่นกัน มันไม่ใช่อะไรที่คนธรรมดาคนหนึ่งจะทำได้เลยสักนิด”
“นายน้อยหวังตรวจสอบผมมาดีเลยทีเดียว” อู๋ฝานถึงกับใจหล่นไป
อู๋ฝานไม่ทราบว่าใครกันที่ขอให้หวังจื่อหมิงตรวจสอบเรื่องตนเอง และไม่แน่ว่าอีกฝ่ายทราบเรื่องเขานำไม้ชิงชันไปขายแล้วหรือไม่ แต่นับเป็นโชคดีที่เขายังพอมีความคิด ไม่นำไปขายเป็นจำนวนมากในคราวเดียว หากไม่แล้ว ถ้าอีกฝ่ายตรวจสอบพบขึ้นมา มันจะกลายเป็นข้อสงสัยอันยิ่งใหญ่ หากว่าคนที่ตรวจสอบตัวเขาไม่มีเจตนาร้ายก็แล้วกันไป แต่หากว่ามีเจตนาร้าย ตัวเขาอาจเผชิญกับปัญหาได้
เพียงแต่อู๋ฝานรู้สึกได้ว่าการที่มีคนอื่นตรวจสอบเรื่องราวของเขาเป็นการลับ มันย่อมไม่มีทางที่จะมีเจตนาดีได้
“แท้จริงแล้ว ก็ไม่ได้มีอะไร ผมไม่ได้เจตนาจะขุดคุ้ยถึงก้นบึ้ง” หวังจื่อหมิงพบเห็นอู๋ฝานไม่ตอบอะไรถึงประเด็นทั้งสอง เขาจึงไม่ถามต่อ แม้ว่าใจคิดสงสัยจริง แต่ว่าใครกันบ้างที่ไม่มีความลับ?
อู๋ฝานพยักหน้ารับ ไม่ตอบคำใดเพิ่ม ทว่าความระมัดระวังในใจนั้นไม่ได้ลดเลือนลงแม้แต่น้อย
“ไม่ต้องกังวลครับ ผมไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรต่อคุณ” หวังจื่อหมิงพบเห็นความระมัดระวังของอู๋ฝาน จึงเป็นฝ่ายพูดขึ้นต่อ “เพียงแต่ ก็ยากจะพูดว่าคนอื่นจะมีท่าทีอย่างไรต่อคุณ”
“นายน้อยหวังหมายความ ว่ามีคนอื่นที่มีเจตนาร้ายต่อผม กระทั่งคิดทำอะไรกับผมด้วยอย่างนั้นสิ? พอจะขอผมทราบสาเหตุได้หรือไม่?” อู๋ฝานถามกลับ
“เพราะหลิ่วเหยียนเอ๋อร์!” หวังจื่อหมิงตอบรับ “ แท้จริงแล้ว คุณสามารถหลีกเลี่ยงไม่ให้เรื่องเลวร้ายมันเกิดขึ้นได้ ตราบเท่าที่ทราบว่าควรต้องก้าวเดินและก้าวถอยอย่างไร”
“หลิ่วเหยียนเอ๋อร์?” ภาพใบหน้าอันงดงามของหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ปรากฎขึ้นในห้วงความคิดของอู๋ฝาน คล้ายว่าเขาจะทราบถึงตัวตนที่ขอให้หวังจื่อหมิงตรวจสอบเรื่องของตนเองแล้ว มีเพียงอีกฝ่ายที่มีความสามารถพอสั่งให้ทำ ไม่แปลกหากเขาจะทราบ “ข่งไห่หลินขอให้คุณตรวจสอบงั้นสิ?”
หวังจื่อหมิงพยักหน้ารับ ไม่คิดปฏิเสธแต่อย่างใด ทั้งยังพูดต่อ “ข่งไห่หลินตามจีบหลิ่วเหยียนเอ๋อร์มานานแล้ว ผมทราบดีว่าระหว่างคุณกับหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ไม่มีอะไรต่อกัน อย่างไรคุณก็ไม่ได้มาจากโลกเดียวกับที่เธออยู่ เพียงแต่คุณควรต้องรักษาระยะห่างจากหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ เพื่อที่นายน้อยข่งจะได้ไม่เข้าใจอะไรผิดไป”
หวังจื่อหมิงไม่คิดเชื่อ ว่าระหว่างอู๋ฝานและหลิ่วเหยียนเอ๋อร์จะมีความสัมพันธ์อะไรต่อกันได้ แม้เขาไม่ทราบตัวตนของหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ดีมากนัก แต่จากท่าทีที่ข่งไห่หลินไล่ตามจีบเธอมายาวนาน แต่สุดท้ายก็ยังไม่อาจจีบได้สำเร็จ จนอีกฝ่ายต้องตามมาถึงเจียงโจว มันก็มากพอทราบได้ว่าตัวตนของหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ไม่ใช่ธรรมดา อย่างน้อยก็ต้องไม่ใช่อะไรที่คนธรรมดาอย่างอู๋ฝานจะมีได้
แม้ว่าฝีมือการทำอาหารของอู๋ฝานพัฒนาขึ้นอย่างกะทันหัน ต่อให้เขาได้กลายเป็นอาจารย์ของมหาวิทยาลัยเจียงโจว อย่างไรก็ยังเป็นเพียงคนธรรมดา
แน่นอนว่า ที่เขาคาดเดานั้นถูกต้อง ข่งไห่หลินเป็นคนสั่งให้ตรวจสอบ
อู๋ฝานไม่คาดคิดว่าข่งไห่หลินจะลงมือรวดเร็วถึงขนาดนี้ แต่พอนึกถึงสีหน้าของข่งไห่หลินเมื่อวันก่อน แม้อู๋ฝานประหลาดใจกับความเร็วการลงมือของข่งไห่หลิน แต่ก็ไม่ได้ประหลาดใจจนเกินไปแต่อย่างใด
“ระหว่างผมกับหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ไม่ได้มีอะไรต่อกันจริง” อู๋ฝานตอบกลับ “และมันก็ไม่ใช่เพราะผมกลัวคนที่คุณพูดถึงด้วย”
“ผมเชื่อ” หวังจื่อหมิงตอบกลับ เขาไม่เชื่อจริงอยู่แล้ว ว่าระหว่างอู๋ฝานและหลิ่วเหยียนเอ๋อร์จะมีสัมพันธ์อะไรต่อกัน
เพียงแต่ว่าคำของอู๋ฝานยังไม่ได้จบเพียงเท่านั้น
“ผมไม่ได้มีความตั้งใจจะตีตัวออกจากหลิ่วเหยียนเอ๋อร์เพียงเพราะเกรงกลัวใคร” อู๋ฝานตอบกลับ
คำตอบของอู๋ฝานทำเอาหวังจื่อหมิงต้องขมวดคิ้ว
ความหมายถ้อยคำของเขาเด่นชัด ว่าหากตอนนี้เขาและหลิ่วเหยียนเอ๋อร์เป็นเช่นไร ภายหน้าก็จะยังคงเป็นเช่นนั้น เขาไม่มีเจตนาจะตีตัวออกห่างหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ เพียงเพราะการตรวจสอบของข่งไห่หลินและคำเตือนที่ส่งมา
ราวกับว่าหากอู๋ฝานไม่ได้เห็นโลงศพจะไม่หลั่งน้ำตา