ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 99 มันเป็นแบบนี้ได้ยังไง
บทที่ 99 มันเป็นแบบนี้ได้ยังไง
บทที่ 99 มันเป็นแบบนี้ได้ยังไง
ตอนที่หลี่ปิงเข้ามายังออฟฟิศของอธิการบดี เขาได้พบว่ามีอีกคนอยู่ด้านใน อีกฝ่ายคือเยวี่ยหลินซานผู้เป็นรองอธิการบดีของสถานศึกษา
แม้ว่ามหาวิทยาลัยเจียงโจวมีรองอธิการบดีหลายคน แต่เยวี่ยหลินซานถือว่ามีอำนาจสูงสุด ตัวอธิการบดีมักจะไปงานประชุมที่อื่นเสียเป็นส่วนใหญ่ จึงแทบไม่ได้ทำหน้าที่บริหารดูแลสถานศึกษามากมายนัก เรื่องราวน้อยใหญ่ทั้งหลาย จึงเป็นเยวี่ยหลินซานที่ดูแล
“อาจารย์หลี่ มีเรื่องอะไรเหรอ?” อธิการบดีเอ่ยถามกับหลี่ปิง ทางด้านเยวี่ยหลินซานก็หันมองยังหลี่ปิงเช่นเดียวกัน
อธิการบดีทั้งสองคนทราบพื้นเพของหลี่ปิง เพียงแต่หากเทียบกับหลี่เทียน และหวังฝูที่มักจะหวาดเกรงเบื้องหลังของหลี่ปิง อธิการบดีทั้งสองไม่คิดใส่ใจประเด็นดังกล่าวมากนัก เพราะพื้นเพของพวกเขาก็ไม่ได้ยิ่งหย่อน อีกทั้งสถานะตัวตนของพวกเขาก็แทบไม่มีอะไรให้ต้องหวาดเกรงหลี่ปิงแต่อย่างใด
หลี่ปิงเองก็ทราบดี ดังนั้นต่อหน้าคนทั้งสอง เขาจึงไม่กล้าวางตัวถือดีแต่อย่างใด
“ท่านอธิการบดี ผมมีเรื่องมารายงานครับ” หลี่ปิงก้าวเดินออกมา พร้อมกับหยิบโทรศัพท์มือถือและพูดต่อ “เมื่อคืนที่ผ่านมา บริเวณถนนหน้ามหาวิทยาลัยของพวกเรา มีเรื่องราวเลวร้ายเกิดขึ้นครับ มีคนหลายสิบคนรายงานเรื่องดังกล่าวเป็นสาธารณะเลยด้วยซ้ำ เป็นการทะเลาะวิวาท ท่ามกลางคนเหล่านั้น มีอาจารย์ของมหาวิทยาลัยเราอยู่ด้วย ในฐานะอาจารย์ของมหาวิทยาลัยเจียงโจว ผมรู้สึกทั้งตกใจและโกรธไม่น้อยที่ได้ทราบข่าวนี้ อาจารย์คนหนึ่งทะเลาะวิวาทในสถานที่สาธารณะ เรียกได้ว่าสร้างชื่อเสียงอันเลวร้ายแก่มหาวิทยาลัยของพวกเราครับ ผมเลยคาดหวังว่าทางมหาวิทยาลัยจะจัดการเรื่องราวนี้อย่างจริงจัง โดยการกำจัดแกะดำตัวนี้ในหมู่อาจารย์เช่นพวกเราออกไป เพื่อรักษาไว้ซึ่งชื่อเสียงของทางมหาวิทยาลัยครับ”
“วิดีโอนี้ถูกถ่ายโดยนักศึกษาที่อยู่ในเหตุการณ์เมื่อคืนที่ผ่านมา บุคคลชุดสีขาววิดีโอ เป็นอาจารย์ใหม่ของมหาวิทยาลัยเรา ชื่อว่าอู๋ฝาน ตอนที่ผมเคยได้ติดต่อกับชายคนนี้ รับรู้ถึงพฤติกรรมของเขา ว่าเป็นอาจารย์ที่ไม่เหมาะสม ขณะนี้ก่อเรื่องราวแบบนี้ขึ้น นับได้ว่าเป็นแกะดำในหมู่พวกเราอย่างแท้จริง ผมละนึกสงสัยเหลือเกิน ว่ามหาวิทยาลัยของเรารับคนแบบนี้เข้ามาทำงานได้อย่างไร มันอาจเป็นการใช้เส้นสายอย่างไม่ถูกต้องครับ” หลี่ปิงกล่าวคำอย่างฉะฉานด้วยความขุ่นเคืองต่อเหตุการณ์ไม่ชอบธรรม สายตานั้นราวกำลังโกรธเคืองอยู่ไม่ใช่น้อย
สองอธิการบดีรับชมวิดีโอ ขณะที่เยวี่ยหลินซานตอบรับด้วยท่าทีเรียบเฉย “ผมเป็นคนรับสมัครแกะดำที่คุณกล่าวถึงมาเอง ดังนั้นความหมายของคุณ คือการที่ผมใช้อำนาจรับคนเข้ามาใช่หรือไม่?”
หลี่ปิงผู้ซึ่งกำลังแสร้งทำตัวผดุงความยุติธรรมและความถูกต้อง ถึงกับชะงักงันไปชั่วครู่ สุดท้ายจึงกล่าวออกด้วยความร้อนรน “ไม่ครับ ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น”
หลี่ปิงไม่เคยนึกมาก่อน ว่าแท้จริงแล้วเยวี่ยหลินซานเป็นคนรับอู๋ฝานเข้าทำงานในมหาวิทยาลัย เดิมเขานึกคิดไปว่าเป็นฝ่ายบุคคลส่วนกลางของมหาวิทยาลัย ที่มีเส้นสายสัมพันธ์กับอู๋ฝาน อย่างไรแล้ว เขาก็เข้ามาทำงานเป็นอาจารย์พละศึกษา หากว่ามีสัมพันธ์กับฝ่ายบุคคลของมหาวิทยาลัย ก็สามารถรับเข้ามาได้
เพียงแต่ว่า หลี่ปิงไม่เคยคาดคิดมาก่อน ว่าแท้จริงแล้วเยวี่ยหลินซานเป็นคนรับสมัครอู๋ฝานเข้ามาด้วยตนเอง หลี่ปิงทราบดีว่าเยวี่ยหลินซานมีสิทธิ์เช่นไรในมหาวิทยาลัยเจียงโจว มันไม่ใช่อะไรที่ตัวตนระดับกลางของมหาวิทยาลัยจะสามารถเทียบเปรียบ กระทั่งรองอธิการบดีคนอื่น ก็ไม่อาจเทียบเปรียบได้เช่นเดียวกัน
“คุณมีเจตนาหมายความอย่างนั้นหรือไม่ก็ไม่ใช่ประเด็น” เยวี่ยหลินซานยังคงสงวนท่าทีไม่เผยความเปลี่ยนแปลงใด “ตามที่ผมทราบเกี่ยวกับอาจารย์อู๋ ผมไม่เห็นด้วยกับข้อสรุปที่คุณมีต่อเขา อาจารย์อู๋เป็นอาจารย์ที่ดี มีความสามารถทางการสอนยอดเยี่ยม มีความรู้กว้างขวาง และยังเป็นที่รักของศิษย์นักศึกษา บนกระดานสนทนาของมหาวิทยาลัย ศิษย์ของเขาต่างก็เอ่ยคำชมกันทั้งสิ้น นอกจากนี้แล้ว ผมทราบเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเรียบร้อย เรื่องราวดังกล่าว มันไม่ใช่ความผิดของอาจารย์อู๋แม้แต่น้อย ควรชื่นชมเสียด้วยซ้ำไป ในเหตุการณ์มีนักศึกษาของทางมหาวิทยาลัยเราเป็นพยานไม่ใช่น้อย อาจารย์อู๋ใช้การกระทำของตัวเอง เป็นการแสดงให้เห็นว่าจะไม่ยอมรับต่อความชั่วที่ผู้อื่นเจตนากระทำต่อตนเองในสังคม เรียกได้ว่าเป็นการพิสูจน์ให้เห็น ว่าความชั่วไม่อาจเอาชนะความถูกต้อง ผมอยากจะใช้บทเรียนนี้แสดงเป็นบทบาทตัวอย่างที่ดีเสียด้วยซ้ำ พวกเราควรภาคภูมิที่มีอาจารย์ผู้มีพฤติกรรมเช่นนี้ร่วมงาน ตั้งเป็นมาตรฐาน ผมจึงมาพบท่านอธิการบดีในเช้าวันนี้ก็เพราะเรื่องราวดังกล่าว เพื่อเสนอในนามของมหาวิทยาลัย พวกเราควรหยิบยื่นรางวัลและชมเชยอาจารย์อู๋ เพื่อให้นักศึกษาของเราได้เรียนรู้จากตัวอย่างเช่นอาจารย์อู๋”
คำพูดของเยวี่ยหลินซานถึงกับทำหลี่ปิงต้องชะงักงัน เขาไม่นึกคิดว่าแผนการเดิมของตนเองจะถูกต่อว่า และถูกแทนที่ด้วยมุมมองที่แตกต่างออกไปจากที่เคยคิดเอาไว้อย่างสิ้นเชิงเสียด้วยซำ
ถ้าหากเป็นเช่นที่ว่า ไม่เพียงอู๋ฝานไม่ถูกไล่ออก แต่ยังจะได้รับคำชื่นชมและรางวัล?
เรื่องราวเป็นแบบนี้ได้อย่างไร? มันไม่ควรเป็นเช่นนี้
หลี่ปิงไม่คาดคิดมาก่อน และไม่อาจยอมรับได้ ดังนั้นจึงหันศีรษะมองยังอธิการบดีที่ร่วมรับฟัง ราวกับต้องการทราบความเห็นของอีกฝ่าย
อธิการบดีย่อมไม่เห็นดีเห็นงามไปกับเยวี่ยหลินซานเสียทั้งหมด
“อาจารย์หลี่ ก่อนคุณมา อธิการเยวี่ยได้มาพูดคุยเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนจริง” อธิการบดีส่งโทรศัพท์กลับคืนให้หลี่ปิง ปรับแว่นสายตา จากนั้นจึงกล่าวเสียงเบา “ผมเองก็มีความเห็นเหมือนกับที่อธิการเยวี่ยแนะนำ พวกเราควรประกาศเรื่องราวนี้ และชื่นชมต่อการกระทำของอาจารย์อู๋ รวมถึงเรียกประชุมนักศึกษาเพื่อมาเรียนรู้กับอาจารย์อู๋”
มันเป็นแบบนี้ได้อย่างไร? อธิการบดีถึงกับเห็นดีเห็นงามด้วย
หลี่ปิงรู้สึกราวกับกำลังพังทลาย มันไม่ใช่ผลลัพธ์ที่เขาต้องการ
“อาจารย์หลี่มาได้เวลาพอดี ฝากบอกอาจารย์อู๋ถึงการตัดสินใจของพวกเราด้วย เพื่อที่เขาจะไม่ได้แบกรับภาระทางจิตใจต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้น ทางมหาวิทยาลัยเข้าใจและพร้อมสนับสนุน และคาดหวังว่าเขาจะยังคงรักษาเจตนารมณ์เดิมเอาไว้และทำงานต่อไปอย่างวางใจ” เยวี่ยหลินซานบอกกับหลี่ปิง
หลี่ปิงถึงกับเกิดรู้สึกอยากจะป่วยจนล้มลงเสียให้ได้
ให้ตัวเขาเป็นตัวแทนไปยกย่องคำชมเชยต่ออู๋ฝานอย่างนั้นหรือ?
มันต้องไม่ใช่แบบนี้! ทำแบบนั้นไม่ใช่สร้างความอับอายหรือไร?
หลี่ปิงคิดอยากจะติดต่อหาอู๋ฝานทันทีตั้งแต่ออกจากออฟฟิศ แต่นั่นเป็นตอนที่อธิการบดีตัดสินไล่อู๋ฝานออกเพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้น เพื่อที่ตัวเขาจะได้ใช้โอกาสดังกล่าวในการเย้ยหยันอู๋ฝานเสียจนสาแก่ใจ
ทว่าตอนนี้เล่า?
สถานการณ์ปัจจุบันนั้นแตกต่างไปจากที่เขาคิดเอาไว้ก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง ตอนนี้เขายังจะต้องติดต่อไปหาอู๋ฝานอีกอย่างนั้นหรือ? มันแทบไม่ต่างอะไรกับทานแมลงวันเข้าไป
“มีปัญหาอะไรไหม? อาจารย์หลี่?” อธิการบดีมองยังหลี่ปิง “เรื่องราวนี้คงไม่ยากเกินฝากฝังหรอกมั้ง?”
“ครับ… ไม่ยากครับ” หลี่ปิงพยายามฝืนปั้นรอยยิ้มอันน่าเกลียดตอบรับ
ทันใดนี้เอง ที่หลี่ปิงราวกับนึกอะไรขึ้นมาได้ ดังนั้นจึงเร่งรีบพูดขึ้นมา “ยังมีเรื่องของอาจารย์อู๋ ในช่วงที่ไม่มีคาบเรียน เขามักออกไปนอกสถานศึกษาอยู่เป็นประจำ เรียกได้ว่าโดดงาน กับการที่ไม่ปฏิบัติตามระเบียบแบบนี้ เขาจะสอนนักศึกษาได้ดีอย่างนั้นเหรอครับ? ผมคิดว่าไม่ควรมอบรางวัลใดให้เขานะครับ”
เรื่องที่อู๋ฝานไม่เข้าทำงานอยู่บ่อยครั้ง หลี่ปิงมองว่าเป็นอีกเรื่องหนึ่ง อีกฝ่ายย่อมไม่กล้าทำด้วยตัวเอง อู๋ฝานกล้าทำแบบนั้น ขณะนี้คือโอกาส แน่นอนว่ามันไม่ใช่การใส่ร้าย อู๋ฝานผิดเป็นความจริง
เขาเชื่อว่าภายหลังทางมหาวิทยาลัยทราบเรื่อง จะต้องยกเลิกการมอบรางวัลให้แก่อู๋ฝานอย่างแน่นอน
หลี่ปิงมีความมั่นใจ… อย่างล้นเหลือเสียด้วย!
“ประเด็นนี้ ผมอนุญาตเอง” เยวี่ยหลินซานเอ่ยคำขึ้นอีกครั้ง “และได้แจ้งต่อท่านอธิการบดีเรียบร้อยแล้ว”
อธิการบดีพยักหน้าให้หลี่ปิงที่กลายเป็นมีแววตาเหม่อลอยไปเรียบร้อยแล้ว
มันเป็นแบบนี้ได้ยังไง?
หลี่ปิงร้องตะโกนดังอยู่ในใจ