รักครั้งแรกของคุณชายปีศาจ - ตอนที่ 106 เจ็บจนร้อง
บทที่106 เจ็บจนร้อง
ความง่วงได้ปะทะหาเธออย่างจังๆ เธอรู้สึกเหนื่อยมาก แสงไฟบนหัวที่สว่างไสวมันทิ่มแทงไปที่ตาของเธอจนเธอลืมตาไม่ขึ้น เธอหาวแล้วก็ตะแคงตัวลงปิดตานอน
——เวลาผ่านไป
ไม่นาน ในอากาศก็อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆของสบู่ รถเข็นสีเงินก็เข้ามาใกล้ๆเธอ
ตระกูลจั๋วพักที่ชั้นหนึ่ง จั๋วหรันและภรรยามีลูกด้วยกันหนึ่งคน ดังนั้นจึงพักที่ห้องใหญ่ด้านซ้าย ข้างในมีสองห้องนอนเเละหนึ่งห้องรับแขก สัดส่วนภายในเป็นเหมือนอพาร์ทเมนต์ มีห้องครัวเล็กๆกับระเบียงอีกด้วย เพื่ออำนวยความสะดวกเวลาที่พวกเขาจะทานข้าวหรือตากผ้า จั๋วซีพักที่ห้องข้างๆของพี่สะใภ้ เป็นห้องเดี่ยวมีห้องน้ำในตัว ทุกครั้งที่จะกินข้าว เขาก็จะไปที่ห้องใหญ่ของพี่สะใภ้ แล้วรอที่ประตูห้องครัว
ทุกครั้งที่หลานชายอยู่บ้าน ถ้าเขาไม่ได้อยู่ดูแลซือซ่าวข้างๆ เขาก็จะเล่นเกมกับหลานชาย หรือไม่ก็ออกกำลังกาย ฝึกกังฟู
ฉวีซือชอบหัวเราะเยาะเขา เธอมักจะพูดว่า เขาน่าจะหาภรรยาได้เเล้ว แต่จั๋วซีก็หาสาวที่ถูกใจไม่เจอเลยสักที
ด้านหลังของคฤหาสน์จื่อเวย มีสาวรับใช้ที่โสดตั้งมากมาย เมื่อเห็นจั๋วซีตอนเช้า พวกเธอก็มักจะส่งข้อความ โทรศัพท์ ทำข้าวกล่องให้เขา เพื่อจั๋วซีพวกเธอยอมทำทุกวิถีทาง พวกเธอมักจะรอจั๋วซีอยู่ที่ประตูหน้าห้องทำงานของเขา แต่เวลาทำงานของจั๋วซีไม่แน่นอน บางครั้งทำให้กลุ่มสาวใช้นั้นรอจนกระวนกระวาย บางทีก็ยังจะต้องเจอกับศัตรูอีกทำให้พวกเธอทะเลาะกันที่หน้าห้องทำงานของเขาประจำ
จั๋วซีบอกว่าผู้หญิงพวกนี้โหวกเหวกโวยวาย เขาไม่ชอบ จั๋วหรันต่างก็เห็นด้วย เขายังพูดกับฉวีซืออีกว่า ถ้าเจอผู้หญิงที่นิสัยดี ไม่โหวกเหวกโวยวาย ไม่เรื่องมาก ช่วยแนะนำให้จั๋วซีรู้จักสักคน แต่ที่ทำงานของพวกเขา ส่วนใหญ่ก็คือรอบๆ ตัวของซือซ่าว ดังนั้น โอกาสการที่จะได้เจอกับโลกภายนอกก็น้อยมาก ตัวเลือกผู้หญิงก็น้อยลงเช่นกัน ทุกครั้งที่จั๋วซีอยากมีแฟน เขาก็ต้องทุกข์ใจทุกครั้ง เพราะไม่มีผู้หญิงที่เหมาะสมสำหรับเขาสักคน ฉวีซือก็มักจะปลอบเขาว่า “ไม่แน่ คุณปู่อาจหาแฟนที่อยู่ที่เมืองหลวงให้แล้วคุณแล้วก็ได้ แถมอาจจะเป็นสาวสวยอีกด้วย”
ปู่ของจั๋วหรันและจั๋วซี ได้ชื่อว่าเย่นเป่ย
เมื่อพูดถึงเย่นเป่ยผู้ดูแลอย่างใกล้ชิดของกษัตริย์ คงไม่มีใครไม่รู้จัก เขาคือผู้ดูแลใกล้ชิดของพระมหากษัตริย์เทียนหลิง เขามีอำนาจถึงกับขนาดจัดการเดินทาง รวมถึงจัดการชีวิตความเป็นอยู่ให้กับกษัตริย์ พระมหากษัตริย์เทียนหลิงสละบัลลังก์มาก็นานแล้ว จากนั้นก็ได้ประทับที่ห้วนเทียนเก๋อ เขาก็เลยตามมาอาศัยอยู่ด้วย จนถึงวันนี้จั๋วหรันและจั๋วซียังคงจำได้แม่นว่า หลังจากที่คุณปู่ออกมาจากราชวัง คุณพ่อก็เป็นผู้ดูแลใกล้ชิดให้กับจักรพรรดิเจปู้แทน
ดังนั้นพวกเขาล้วนแล้วแต่เกิดในราชวังและใช้ชีวิตที่มีความสุขกับพ่อในราชวังมาตลอด จนกระทั่งคุณปู่สั่งให้คุณหญิงเยว่หยาพาพวกเขาออกมาจากราชวัง ตอนที่ออกจากราชวังพวกเขาร้องไห้ คุกเข่าขอร้องคุณแม่ก็แล้ว ถึงแม้คุณแม่จะขาดพวกเขาไม่ได้ แต่ว่าท่าทาของคุณปู่เด็ดขาดมาก แถมเขายังเป็นพระมหากษัตริย์อีกด้วย คุณพ่อไม่กล้าขัดคำสั่ง เลยต้องยอมทนเจ็บปวดใจให้คุณหญิงเยว่หยาพาลูกๆออกไป
ตอนนั้นจั๋นหรันอายุ4 ขวบ ฉวีซืออายุ 3ขวบ จั๋วซีเล็กสุด อายุ2ขวบ
ตั้งแต่ตอนนั้น โลกของพวกเขาก็มีแต่ซือเซ่า นี่ก็ผ่านมาหลายปีแล้ว ถ้าไม่ได้ดูข่าวในโทรทัศน์ พวกเขาคงลืมไปแล้วว่าพ่อของพวกเขารูปร่างหน้าตาเป็นยังไง ดังนั้นในนามพวกเขาคือหัวหน้าคนรับใช้ของซือซ่าว แต่ความเป็นจริงแล้ว พวกเขาต่างก็มาจากราชวังแถมยังเป็นลูกหลานของผู้ดูแลใกล้ชิดให้กับกษัตริย์อีกด้วย
บางครั้ง พี่น้องสามคนนี้ก็พูดกันเองว่า ซือซ่าวก็คงไม่ใช่คนธรรมดาแน่ๆ แต่คำพูดแบบนี้พวกเขาทำได้แค่เก็บไว้ไม่กล้าพูดออกไป แค่พูดกันเองในบ้านเท่านั้น ไม่กล้าพูดไปข้างนอก ยิ่งไม่กล้าพูดต่อหน้าซือซ่าว
ถึงแม่ว่าพวกเขาจะอยู่กับซือซ่าวตั้งแต่ตอนเด็กๆ แต่ก็ไม่ได้ละเว้นการเรียน คุณหญิงเยว่หยาก็คอยเชิญอาจารย์มาสอนให้ตลอด
ยกตัวอย่างเช่น จั๋วหรันชำนาญเรื่องการใช้อาวุธ ไม่ว่าจะเป็นมีดบิน กระบองท่อนคู่ กระบองยาว ปืนและอีกมากมาย เขาล้วนชำนาญ ส่วนกังฟูก็จัดว่าอยู่แนวหน้า จั๋วซีเชี่ยวชาญเรื่องโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ทั้งเรื่องการงานรวมถึงระบบความปลอดภัยของพนักงานภายในและระบบการป้องกันความปลอดภัยของเว็บไซต์ทางการ ล้วนแล้วแต่เป็นฝีมือของจั๋วซีทั้งนั้น จนถึงวันนี้แฮกเกอร์ที่มาท้าทายจะขโมยข้อมูลลับธุรกิจ ยังไม่มีใครขโมยไปได้เลยสักคน ส่วนฉวีซือชำนาญเรื่องแม่บ้านแม่เรือน
พวกเขาสามคนเติบโตมาด้วยกัน และยังมีความผูกพันทางสายเลือด แถมทุกคนยังมีความสามารถเฉพาะทางที่คอยมาต่อเติมซึ่งกันและกัน เมื่อรวมตัวกันแล้วก็เหมือนดั่งกับพีระมิดสามเหลี่ยมทองคำ หลิงเล่มีพวกเขาสามคนคอยสนับสนุนอยู่ตลอด เวลาจะทำอะไรก็วางใจไปได้เยอะ
——สามคนนี้เติบโตมาพร้อมๆกับหลิงเล่ ดังนั้นมิตรภาพที่มีให้กับหลิงเล่ ทำให้พวกเขาไม่กล้าหักหลังหลิงเล่แน่นอน หลายปีมานี้ เมื่อหลิงเล่ได้ย้อนคิดถึงอดีต เขาก็ได้พบว่ามีพวกเขาสามคนอยู่ข้างกาย มันช่างดีจริงๆ แถมยังรู้สึกอบอุ่นอีกด้วย
มู่เทียนซิงรู้สึกหนาววูบวาบ และรู้สึกจักจี้ เธอรู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างสัมผัสอยู่ที่หน้าอกของเธอ เธอก็เลยตกใจตื่น ความรู้สึกไม่เหมือนกับตอนที่อยู่ที่ เมืองh ที่ทั้งเป็นไข้ทั้งเมา ตอนนี้ร่างกายเธอปกติดีและก็มีสติอยู่ เธอเลยรู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น เธอรีบเปิดตาดู ก็เห็นหัวของหลิงเล่รูปหล่อปรากฏอยู่ตรงหน้า
“ลุง!”
มู่เทียนซิงอยากจะร้องไห้ เธอรีบเอามือไปผลักเขา “ อย่า อย่าทำแบบนี้นะ! “ มือของเขาจับไปที่หน้าอกของเธออย่างนุ่มนวล เขารู้สึกไม่อยากปล่อยมือ แล้วก็มองไปที่เธออย่างด้วยสายตาที่เคลิบเคลิ้ม “ผมทำคุณเจ็บหรอ”
เขารีบดึงผ้าห่มมาปิดไม่เขาเห็นอย่างเขินอาย แต่พอจะเอามาปิด ก็พบว่าหัวของเขาอยู่ด้านล่าง พอดึงผ้าห่มขึ้นมา เขาก็อยู่นอกผ้าห่ม
เธอไม่เคยพบเจอกับเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน
“ฮือ ฮือ!”
นี่ก็เวลาเที่ยงคืนแล้ว เธอนอนสะลึมสะลือ แล้วยังมาตกใจกับเรื่องแบบนี้อีก เธอเลยร้องไห้ออกมาเพราะไม่รู้ว่าต้องทำยังไง
หลิงเล่รีบโผล่หัวออกมาจากผ้าห่ม ร่างกายของเขาทับอยู่บนเรือนร่างที่อ่อนช้อยของเธอ เขามองไปที่เธออย่างเครียงเคร่ง “ขอโทษ ขอโทษ ผมระวังแล้วนะ คิดไม่ถึงเลยว่าจะทำให้คุณเจ็บ”
“ฮือ ฮือ ไอเล้ว ออกไป ไอโรคจิต!” เธอร้องไปพร้อมกับ ผลักเขาออกไป
หลิงเล่ก็ยอมให้เธอผลัก แต่แขนยาวๆของเขากลับกอดเธอไว้แน่นขึ้นแล้วพูดว่า “ที่รัก หยุดร้องได้แล้ว ครั้งหน้าผมจะเบาลง คุณบอบบางมากอาจเป็นเพราะคุณยังเด็กอยู่รึเปล่า ผมแค่ขยับนิดเดียวเอง คุณก็ร้องเจ็บแล้ว
ใบหน้าของมู่เทียนซิงแดงราวกับเปลวไฟ พอเธอจับดู ก็ได้รู้ว่าตัวเองถูกเปลื้องผ้า นอนเปลือยกายอยู่ในอ้อมแขนของเขา และตอนนี้เขาก็กำลังจ้องมองเธออยู่