รักครั้งแรกของคุณชายปีศาจ - ตอนที่ 122 ขาดสะบั้น
บทที่ 122 ขาดสะบั้น
แต่จู่ๆมู่เทียนซิงก็รู้สึกไม่คุ้นเคยกับเมิ่งเสี่ยวหวีที่เป็นแบบนี้ขึ้นมา
เธอชำเลืองตาไปมองป๋ายเมยที่อยู่ห่างไม่มากนัก เห็นป๋ายเมยที่กำลังมองเธอด้วยสายตากระวนกระวาย“เทียนซิง พวกเรามาหาเธอเพราะว่ามีเรื่องด่วน พวกเราเข้าไปก่อนแล้วค่อยพูดกันดีกว่าไหม”
“ใช่ เทียนซิงเธออย่าขวางทางสิ ให้ฉันกับแม่เข้าไปข้างใน!”
แต่มู่เทียนซิงกลับยืนอยู่ตรงประตู ไม่ขยับเขยื้อน ร่างกายเล็กๆยืนปักหลักมั่นคงให้ความรู้สึกแข็งแกร่งราวกับภูเขาไท่ซาน
เธอมองจ้องป๋ายเมย“ก่อนหน้านี้ที่พวกเธอมา มันเหมือนมีความอบอุ่นและอ่อนโยนผุดขึ้นมาในใจของฉัน ฉันนึกว่าพวกเธอจะสำนึกผิดกับเรื่องก่อนหน้านี้ ก็เลยจะมาขอโทษ หรือไม่ก็มาแสดงขอบคุณ แต่ว่าตอนนี้ ฉันไม่อยากข้องเกี่ยวอะไรกับพวกคุณอีกต่อไปแล้ว คฤหาสน์จื่อเวยหลังนี้เป็นของคุณลุง ไม่ใช่ของฉัน การที่จะให้พวกคุณเข้ามาหรือไม่ให้นั้น ฉันไม่สามารถทำได้”
“เทียนซิง เธอเป็นบ้าอะไรขึ้นมา!”เมิ่งเสี่ยวหวีมองเธอด้วยสีหน้าลนลาน“ฉันกับพี่โดนไล่ออกแล้วนะ เธอรู้บ้างไหม!”
พูดพรางเอามือมาคว้ามือของมู่เทียนซิงไว้แน่น แต่กลับถูกมู่เทียนซิงสะบัดมือทิ้ง
ในเวลานี้ ป๋ายเมยและเมิ่งเสี่ยวหวีรู้สึกสั่นไปทั้งใจ!
ไม่มีใครรู้ ในตอนนี้ สิ่งที่พวกเธอจะต้องสูญเสียไปตลอดกาลคืออะไร
มู่เทียนซิงขมวดคิ้วมองเธอ พร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา“เธอเอาความมั่นใจมาจากไหนว่าการที่เธอกับพี่ของเธอถูกไล่ออกแล้ว ฉันจะต้องเอื้อมมือเข้าไปช่วย? ฉันบอกไปแล้วไง ว่าฉันไม่ใช่พระราชินีของประเทศหนิง!เมิ่งเสี่ยวหวี เธอกับพี่ของเธอก็เป็นผู้ใหญ่ที่อายุครบสิบแปดปีบริบูรณ์แล้วนะ!สิ่งที่พวกเธอได้ทำลงไป ในเมื่อทำไปแล้ว ก็ต้องกล้ายอมรับ ไม่มีใครเอาปืนมาขู่พวกเธอว่าต้องทำแบบนู้นต้องทำแบบนี้ พวกเธอสามารถเลือกทางเดินเองได้!ทำผิดไปแล้ว ก่อเรื่องไปแล้ว ทำไมถึงไม่ดูตัวเองก่อน คิดไตร่ตรองดูดีๆ การที่มาสาดโคลนใส่ร้ายฉัน คนที่คอยช่วยเหลือพวกเธอมาโดยตลอดมันดีแล้วยัง!ทำไมเหรอ คิดว่าฉันมันน่ารังแกมากเลยใช่ไหม?”
เธอโกรธจริงๆแล้ว โกรธจนใบหน้าเล็กๆเริ่มแดงไปทั่ว!
เธอมองจ้องเมิ่งเสี่ยวหวี แล้วพูดขึ้นต่อ“ทำอะไรไว้ ก็ต้องยอมรับ ไม่ว่ายังไงก็ต้องทนรับให้ได้!ฉันไม่ใช่บรรพบุรุษของเธอ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปช่วยเหลือดูแล แล้วก็รับฟังคำด่าทอที่ไม่เสนาะหูของเธอ! ทางเดินของตัวเอง พวกเธอรับผิดชอบเอาเอง!ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป มู่เทียนซิงคนนี้ไม่รู้จักเธอ!ไม่รู้จักเมิ่งเสี่ยวหลง!พวกเธอจะเป็นจะตายอะไร ไม่ต้องมาบอกฉัน!”
มู่เทียนซิงพูดจบ ก็ก้าวเท้ากลับไป จั๋วหรันรีบขมวดคิ้วพูดขึ้นทันที“เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นตรงบริเวณประตูบ้านในวันนี้ พวกเราจะเอาวิดีโอแบบเต็มที่บันทึกได้ในกล้องส่งเข้าไปในมือถือของคุณชายมู่และคุณชายเมิ่ง จะถูกจะผิดยังไง ก็ยกให้เป็นหน้าที่ของพวกเขาเป็นคนจัดการ เชิญพวกคุณออกจากที่นี่โดยเร็วที่สุด ไม่อย่างนั้น ก็ต้องรับผิดชอบผลที่ตามมา!”
ประตูปิดกลับไปอีกครั้ง หลังจากที่ยืนอึ้งตะลึงหน้าประตูอยู่สักพัก ป๋ายเมยก็ลากเมิ่งเสี่ยวหวีจากไป เมิ่งเสี่ยวหวีเดินไปพลางหันหน้ากลับมาพูดด่าทออย่างไม่ลดละไปพลาง
มู่เทียนซิงนั่งบนโซฟาด้วยความรู้สึกที่ยังคงโกรธเคืองอยู่ หยิบน้ำพุทราขึ้นมาซดไปหนึ่งขวด แต่รู้สึกว่ายังไม่พอ เธอหยิบขึ้นมาซดไปอีกหนึ่งขวด!
เครื่องดื่มพวกนี้มันเย็นเกินไป ฉวีซือกลัวว่าเธอจะท้องเสีย เลยรีบพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว“คุณหนูมู่ เรื่องดื่มพวกนี้เพิ่งจะเอาออกมาจากตู้เย็น ดื่มน้อยๆลงหน่อยดีกว่าค่ะ รับเป็นชาช่วงบ่ายไหมคะ? ฉันจะได้ไปเตรียมมาให้”
มู่เทียนซิงก็ไม่รู้เหมือนกัน
สมองยังคงอื้อไปหมด พอดื่มน้ำพุทราเสร็จ ก็เรอออกมาทั้งอย่างนั้น
เธอไม่ได้ตั้งใจ หลังจากเรอแล้ว ก็กวาดสายตามองไปรอบๆ พบว่าคนรอบข้างพากันมองเธอด้วยสายตาหวังดีพร้อมกับยิ้มๆขำๆ
เธอก็หัวเราะตามเช่นกัน
ก็ไม่รู้ว่าทำไม ในห้องโถงเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะเฮฮาดังไปทั่วห้อง
หนีหย่าจูนก็หยิบน้ำพุทราออกมาจากตู้เย็นเช่นเดียวกัน เขานั่งลงบนโซฟาที่อยู่ตรงข้ามกับเธอ ยกน้ำขึ้นมาชิมไปหนึ่งคำ ก่อนจะพูดขึ้น“ตะกี้พูดสิ่งที่ควรจะพูดออกไปหมดแล้ว รู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้างแล้วยังล่ะ?”
มู่เทียนซิงยิ้มๆ“อื้อ ตอนแรกมันก็อึดอัดแล้วก็เสียใจนิดหน่อย อยากจะร้องออกมา แต่หลังจากที่พูดออกไปจนหมด แล้วคิดว่าจากนี้ไปก็byebyeลาขาดกับพวกเธอได้แล้ว ก็รู้สึกโล่งใจมาก รู้สึกดีขึ้นเยอะเลย!”
“นี่มันถูกต้องแล้ว ตอนที่นั่งรถกลับมา ซือซ่าวบอกกับเธอแล้วไม่ใช่เหรอ? เมื่อมันถึงเวลาที่คนไม่ดี ได้เดินออกไปจากชีวิตของเราไป ก็ควรจะดีใจกับมันซะ!”
“ใช่!คำพูดของคุณอา ก็ยังมีเหตุมีผลอยู่เหมือนเดิมเลย!”
ทั้งสองพูดคุยกันแบบนี้ไปอีกสักพัก บรรยากาศไม่เลวเลย
หนีหย่าจูนเริ่มพบว่า สาวน้อยคนนี้เคารพและชื่นชมหลิงเล่มากๆ
ซึ่งมันทำให้เขาเริ่มรู้สึกกังวล
อย่างอื่นไม่กลัวหรอก เขากลัวแค่ว่าเธอจะรับความลับทั้งหมดของหลิงเล่ไม่ได้
ม่านตาสีเหลืองอำพันกระพริบๆ ดูแล้วน่าหลงใหล หนีหย่าจูนจู่ๆก็มองเธอด้วยสายตาขี้เล่น ปากก็พูดเรื่องสัพเพเหระทั่วไป แต่ตากลับแอบมองสำรวจเธออยู่
“สาวน้อย เธอพบว่าซือซ่าวพูดจาเก่งตอนไหนเหรอ? แล้วตอนนั้นเธอมีปฏิกิริยาตอบกลับยังไง?”
มู่เทียนซิงได้ยินแบบนั้นก็ชะงักไปเล็กน้อย พอนึกถึงภาพตอนที่โบกรถบนทางด่วนในวันนั้น ก็หยิบหมอนเข้ามากอดในมือ แล้วพยายามนึกเป็นฉากๆตอนๆ พร้อมกับพูดอธิบายกับหนีหย่าจูนอย่างละเอียด
หนีหย่าจูนฟังเธอพูดอย่างตั้งใจ ดูจากน้ำเสียงและท่าทางของสาวน้อยคนนี้แล้ว เขาก็รู้สึกอิจฉาหลิงเล่ทันที แม้ว่าจะนั่งอยู่บนรถเข็น ก็ยังสามารถทำให้สาวโสดรู้สึกโหยหาความรักจากเขาได้
แต่ว่า เขาก็พบเรื่องจริงอีกหนึ่งเรื่อง ตอนแรกหลิงเล่ไม่ได้ปิดบังมู่เทียนซิงเรื่องที่เขาพูดจาเก่งเรื่องนี้
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ หนีหย่าจูนเริ่มรู้สึกกังวลใจ
มันวัดกันไม่ได้ แล้วก็คาดเดาไม่ได้ด้วยว่าสาวน้อยจะโกรธหรือเปล่า
“ฉันทำซุปหวานถั่วเขียวต้มผลไม้มาให้ คุณหนูมู่ คุณชายหนี ลองชิมดูสิคะ”
ฉวีซือยิ้มอย่างอบอุ่น ยกถาดเสิร์ฟเดินมา จั๋วหรันเข้าไปรับจากในมือของเธอ หลังจากนั้นก็เอาสิ่งที่อยู่บนถาดวางลงบนโต๊ะ
ฉวีซือพูดขึ้น“นี่คือวุ้นเก๋ากี้พุทรา ทำมาให้คุณหนูมู่โดยเฉพาะเลยนะคะ”
“ขอบคุณค่ะ!คุณหนูคนนี้ชอบพุทราที่สุดเลยค่ะ!”มู่เทียนซิงตักเข้าไปในปากมาอย่างไม่เกรงใจ หลังจากกลืนลงไปแล้ว ก็เอ่ยปากชมฝีมือของฉวีซือไม่หยุด
หนีหย่าจูนก็ชิมไปหนึ่งคำ แต่สายตากลับมองมู่เทียนซิงอย่างคิดวิเคราะห์“มิน่าล่ะ ที่เธอดูสวยกว่าผู้หญิงคนอื่นขนาดนี้ ที่แท้ก็ชอบกินพุทรานี่เอง สิ่งเหล่านี้ช่วยบำรุงเลือดลม สีหน้าและผิวพรรณดูดีจริงๆ”
มู่เทียนซิง ยกคิ้วด้วยความรู้สึกอิ่มเอมใจไม่น้อย“ใช่สิคะ คุณพ่อของฉันมักจะบอกว่า กินพุทราวันละสามลูก จะเยาว์วัยตลอดกาล!”
หนีหย่าจูนยิ้มๆขำๆ“อื้อ ถ้าต่อไปฉันมีแฟนล่ะก็ ฉันก็จะให้เธอกินพุทราเหมือนกัน”
“ฮ่าๆๆ!”
“เหอะๆ~”
มู่เทียนซิงกับหนีหย่าจูนก็กินไปพูดคุยกันไปบนโซฟาแบบนี้ ตลอดทั้งช่วงบ่าย
หนีหย่าจูนก็ตกใจอยู่เหมือนกันว่า จริงๆแล้วเขารู้จักสาวน้อยคนนี้น้อยเกินไป แม้ว่าเธอจะอายุยังน้อย แต่กลับไปต่างประเทศมากกว่าเขาเสียอีก!
พวกเกาะชวา เวนิส ประเทศไทย อียิปต์ สถานที่พวกนี้เขายังไม่ทันได้ไปเลยสักครั้ง
เขากลับเคยไปแค่ โอซาก้าประเทศญี่ปุ่น อิตาลี แล้วก็ฝรั่งเศส ซึ่งเธอก็เคยไปมาหมดแล้ว
ฉวีซือกับจั๋วหรันฟังอยู่เงียบๆ สักพัก ฉวีซือก็หลุดขำออกมาเบาๆ ฟังไปฟังมาก็รู้สึกอิจฉาไม่น้อย“แล้วสถานีต่อไป พวกคุณอยากจะไปเที่ยวที่ประเทศไหนกันต่ออีก?”
ใครจะไปรู้ หนีหย่าจูนและมู่เทียนซิงต่างพูดออกมาพร้อมกันทันที“อินเดีย!”