รักครั้งแรกของคุณชายปีศาจ - ตอนที่ 166 เกลียดชัง
บทที่166เกลียดชัง
“แงแง ปล่อยนะ! ฉันเกลียดแก! ฉวีซือเหวิน แกรวมหัวกับไอ้ชั่วนั่นมาหลอกลวงฉัน มองดูฉันทำตัวโง่ๆ จากทางกล้องวงจรปิด คงสะใจมากสินะ?”
น้ำตาของมู่เทียนซิงไหลออกมาอีกครั้ง
ตอนนี้เธอรู้สึกว่าคฤหาสน์จื่อเวยกลายเป็นสถานที่ที่น่ารังเกียจมากๆ!
หลอกลวงความรักของเธอยังไม่พอ ยังจะมาหลอกลวงความเป็นเพื่อนของเธอไปอีก!
โม่หลินที่เดินออกมาจากทางห้องครัว พอเห็นความวุ่นวายที่เกิดขึ้นตรงหน้า เธอก็ขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้นว่า “คุณชายหนีบอกว่า รถของพวกเขามาถึงที่คฤหาสน์แล้วนะ เขาเลยสั่งให้ฉันมาบอกพวกคุณว่าอย่าให้ซือซ่าวปรากฏตัวที่นี่เด็ดขาด!”
ดูท่า สถานการณ์ของวันนี้ไม่ใช่สิ่งที่หนีหย่าจูนจะสามารถควบคุมได้แล้ว
มู่เทียนซิงดิ้นรนสุดแรงเกิด ในระหว่างที่เธอกำลังดิ้นอยู่นั่นเจินเจินก็ได้หล่นลงพื้นไป มันร้องเมี้ยวเมี้ยวแล้ววิ่งหนีไป
ฉวีซือเหวินนั้นก็เป็นผู้หญิงที่ซื่อตรงเหมือนกัน พอเห็นมู่เทียนซิงร้องไห้หนักขนาดนั้น เธอเองก็ร้องตามออกมาเหมือนกัน “คุณหนูมู่คะ ความจริงมันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิดนะคะ คุณช่วยฟังฉันอธิบายก่อนได้ไหมคะ?”
พอจั๋วหรันเห็นภรรยาของตัวเองร้องไห้ เขาเองก็รู้สึกปวดใจขึ้นมาเหมือนกัน “คุณหนูมู่ครับ ซือซ่าวเขารักคุณจากใจจริงนะครับ เขารักคุณมากๆ มากๆ เลยนะครับ ถึงแม้ว่าความรักครั้งนี้เขาอาจจะเล่นไม่ซื่อไปบ้าง แต่ว่า ถ้าเขาไม่รักคุณละก็ เขาคงไม่ทุ่มเทแบบนี้หรอกครับ!”
“ใช่ค่ะ ซือซ่าวเขาจะขาดคุณไม่ได้จริงๆ นะคะ ถ้าคุณไปแล้วเราคิดไม่ออกเลยว่าโลกของซือซ่าวจะเปลี่ยนไปเป็นแบบไหน! คุณหนูมู่ ขอร้องหล่ะค่ะ!”
ในขณะที่ทุกคนกำลังวุ่นวายกันอยู่ โม่หลินกลับยืนงงอยู่
เนี่ยมันเรื่องอะไรกัน?
เมื่อคืนยังดีๆ อยู่เลยไม่ใช่เหรอ?
ซือซ่าวรักคุณหนูมู่มากขนาดนั้น แล้วทำไมถึงทำให้เธอเจ็บปวดได้ถึงขนาดนี้?
ทันใดนั้นเอง กริ่งหน้าประตูก็ได้ดังขึ้น!
จั๋วหรันคิดในใจ กำลังเสริมมาแล้ว!
ฉวีซือเหวินเองก็ทำหน้าดีใจเหมือนกัน เธอรีบนี้อุ้มมู่เทียนซิงให้หันไปข้างๆ ส่วนจั๋วหรันก็ฉวยโอกาสนี้รีบวิ่งไปเปิดประตูทันที!
หนีหย่าจูนยืนยิ้มอยู่ที่หน้าประตู
บนหัวของเขายังมีผ้าพันแผลพันอยู่ ส่วนที่แขนก็ยังห้อยอยู่ในผ้าพันแผล
พอเขาเห็นประตูเปิดออก เขาหลบไปด้านข้างพร้อมกับทำท่าเชิญให้ผู้หญิงที่อยู่ทางด้านหลังได้เดินเข้ามา
ในขณะที่ หนีซีโย่วถูกหนีหย่าจูนเชิญเข้าบ้านมา แต่มู่เทียนซิงกลับกำลังดิ้นรนเพื่อจะหนีไป ฉวีซือเหวินก็เหนี่ยวรั้งเธอไว้อย่างสุดความสามารถ และจั๋วหรันก็รีบปิดประตูลงอีกครั้ง!
สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า ทำให้ หนีซีโย่วกับหนีหย่าจูนรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก
เพราะสภาพของมู่เทียนซิงนั้นดูแย่เอามากๆ มีรอยแดงจากการถูกดูดปรากฏอยู่บนคอขาวๆ ของเธอ
เมื่อหนีซีโย่วเห็นมันเข้า สายตาของเธอก็หันไปมองที่ท้องน้อยของมู่เทียนซิงโดยอัตโนมัติและรีบมองไปทางอื่นในทันที
ประตูถูกปิดลง แล้วจั๋วหรันก็มายืนคุมอยู่หน้าประตูราวกับทหารยาม โดยห้ามมิให้ใครก้าวเท้าออกไปทั้งนั้น
เมื่อฉวีซือเหวินรู้สึกเบาใจลงบ้าง เธอจึงปล่อยมู่เทียนซิงออกจากมือ แล้วมองไปยังหนีซีโย่ว “คุณหญิงเยว่หยา! คุณชายหนี!”
จั๋วหรันกับโม่หลินก็พูดขึ้นว่า “คุณหญิงเยว่หยา! คุณชายหนี!”
มีเพียงมู่เทียนซิงที่ยืนอยู่อย่างน่าสงสาร ไหล่ทั้งสองข้างกำลังสั่นจากการร้องไห้แถมยังอุ้มกระเป๋าเอาไว้ในอก เหมือนคนที่กำลังจะไปจากที่นี่เลย
หนีซีโย่วมองไปทางหนีหย่าจูนอย่างไม่ค่อยพอใจนัก
หนีหย่าจูนเองก็รู้สึกไม่ดีเหมือนกัน เขาจึงรีบถามไปว่า “สาวน้อย นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
“แงแง~แงแง้~นะ หนูจะไปจากที่นี่ หนูอยากไปจากที่นี่แล้วไม่กลับมาอีก……พี่หย่าจูนช่วยหนูหน่อยได้ไหมคะ หนูขอร้อง แงแง~”
มู่เทียนซิงหลับตาปี๋ แล้วเริ่มร้องไห้อีกรอบ
ภาพเหตุการณ์แบบนี้ ใครเห็นก็ต้องตกใจทั้งนั้น!
ถึงแม้ว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่หนีซีโย่วได้เจอกับมู่เทียนซิง แต่เธอก็สามารถรับรู้ได้ว่าเด็กคนนี้เป็นเด็กที่ใสซื่อคนหนึ่ง ดูไม่มีพิษภัยอะไร การที่เด็กอย่างเธอต้องมาร้องไห้เสียใจมากขนาดนี้ แสดงว่าต้องเกิดเรื่องอะไรที่ทำร้ายจิตใจเธอมากแน่ๆ!
เธอขมวดคิ้วด้วยความลังเลใจ
เธอกลัวแค่ว่า อาจต้องสูญเสียเด็กสาวที่ดีขนาดนี้ไปเพียงเพราะลูกชายของตัวเองไม่รู้จักการอยู่ร่วมกับผู้อื่นเท่านั้น
และในตอนนั้นเอง ก็ได้มีเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดดังขึ้นมาจากทางด้านหลังของมู่เทียนซิง “เด็กดี!”
สายตาทุกคู่หันไปมองที่เจ้าของเสียง แล้วก็ได้เห็นหลิงเล่ที่นั่งอยู่บนวีลแชร์ด้วยใบหน้าที่แสนจะร้อนรน เขามาที่นี่ด้วยตัวเองแล้ว
มู่เทียนซิงปิดหูปิดตา ไม่อยากรับรู้อะไรทั้งสิ้น!
เธอเอาแต่ร้องไห้เสียงดัง “แงแง~ไอ้ชั่ว! ปล่อยฉันไปนะ! ฉันอยากไปจากที่นี่! ฉันไม่อยากเห็นหน้าแก! ถึงตายก็ไม่อยากเห็นหน้าแกอีก!”
“เด็กดี!”
หลิงเล่ไม่ได้เข็นวีลแชร์มา เขาเพียงแค่เอามือจับอยู่ที่ตำแหน่งของแผงควบคุม ใช้นิ้วบังคับให้วีลแชร์เคลื่อนที่มาข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เพียงครู่เดียวเขาก็มาถึงข้างหลังของมู่เทียนซิงแล้ว จอดลงอย่างนิ่งสนิท
เขายื่นมือออกมา จับชายกระโปรงของเธอเอาไว้ “เด็กดี ฉันขอโทษ ฉันผิดไปแล้ว ยกโทษให้ฉันนะ ฉันผิดไปแล้วจริงๆ ฉันขอโทษ!”
มู่เทียนซิงเกลียดเขาเข้าแล้วจริงๆ!
นี่เขากำลังผายลมอยู่!
เชิญผายลมต่อไปเลย!
ถ้ารู้ว่าผิดแล้วจะทำ ทำไมตั้งแต่แรก?
เห็นอยู่ชัดๆ เลยว่ามันคือแผนที่ถูกวางไว้นานแล้ว ล่อลวงให้ศัตรูตายใจ จากนั้นก็เผด็จศึกในคราวเดียว!
หัวใจดวงน้อยๆ ของเธอนั้นกำลังสั่นคลอน มันกลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้อีกแล้ว!
ช่างโหดเหี้ยมเหลือเกิน ชายคนนี้ไม่เพียงแค่ปากร้าย แต่มันโหดเหี้ยมไม่จนถึงจิตใต้สำนึกเลย!
แม้แต่ตรงนั้นของเขาก็เป็นโหดเหี้ยมพอกัน!
ตอนนี้เธอยังรู้สึกเจ็บจะเป็นจะตายอยู่เลย!
“เด็กดี~เทียนซิง~!”
หลิงเล่อ้อนวอนเธอด้วยน้ำเสียงที่น่าสงสาร ริมฝีปากเริ่มสั่น มองแล้วก็รู้ได้ในทันทีว่าเขากำลังเสียใจ ราวกับว่าเธอนั้นสำคัญกับเขามาก ราวกับว่าเขาจะขาดเธอไปไม่ได้!
“พอได้แล้ว! ฉันไม่มีทางหลงเชื่อแกอีกแล้ว!”
มู่เทียนซิงทนมามากพอแล้ว เธอจึงใช้กระเป๋าในมือเขวี้ยงไปทางหลิงเล่!
ในนั้นมีทั้งปากกากับโน้ตบุ๊ค แข็งๆ ทั้งนั้น แต่มันก็ถูกหนีหย่าจูนรับเอาไว้ก่อน จากนั้นเขาก็ปลอบโยนเธอไปว่า “พี่สะใภ้ อย่าโกรธเลยนะ คุณป้ามานี่แล้ว มีเรื่องอะไรก็บอก เดี๋ยวคุณป้าจะเป็นคนเคลียร์ให้เอง!”
ในจังหวะที่หนีหย่าจูนรับกระเป๋าใบนั้นเอาไว้ เขาก็รู้สึกเจ็บจนต้องร้องซี๊ดเลย กระดูกแขนที่หักยังไม่หายดีเลย มันยังถูกดามแล้วพันด้วยผ้าพันแผลหนาๆ อยู่เลย ถึงมันจะเคลื่อนอีกครั้งก็ไม่เป็นไร แต่เจ็บนี่สิเจ็บมาก!
หนีซีโย่วคิดไม่ถึงเลยว่าหลิงเล่จะปรากฏตัวอยู่ตรงนี้ ตอนแรกที่เธอตัดสินใจมา ก็เพื่อต้องการมาดูสถานที่ที่ลูกชายของตัวเองเติบโตมาตั้งหลายปี อยากจะมานั่งคุยกับลูกสะใภ้สักหน่อย
แต่พอมาเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ตรงหน้าแล้ว เห็นได้ชัดเลยว่านี่คือสิ่งที่นอกเหนือความคาดหมาย จะให้บอกหนีหย่าจูนโกหกเธอก็ไม่ถูก!
เธอยังไม่ทันได้สนใจลูกชายของตัวเองมากนัก เพราะสิ่งแรกที่เธอทำคือหันไปพูดกับมู่เทียนซิงด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า “คุณหนูมู่ การที่คนสองคนจะรักกันนั้นมันเป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก แต่การที่คนสองคนจะอยู่ร่วมกันได้นั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย คุณหนูมู่มีอะไรที่ไม่สบายใจก็พูดออกมาได้เลย ทำใจเย็นๆ แล้วเรามาหาทางออกด้วยกันดีไหมคะ?”
หนีหย่าจูนก็พูดเสริมขึ้นมาเหมือนกัน “ถูกต้อง เดือนหน้าก็จะหมั้นหมายกันแล้ว มันเป็นเรื่องที่ดีนะ อย่าเอาแต่ร้องไห้อย่างนี้เลยนะ”
ตอนนี้มู่เทียนซิงรู้สึกโกรธจนถึงขีดสุดแล้ว คนในบ้านนี้มีแต่พวกของหลิงเล่ทั้งนั้น ไม่มีใครคิดจะช่วยเธอเลยสักคน!
“ยังจะหมั้นอะไรกันอีก? ไม่หมั้นแล้ว ฉันไม่อยากจะแต่งงานกับคนอย่างมัน ฉันเกลียดมัน! ชีวิตนี้ฉันจะไม่ขอเจอหน้าแกอีก! หลิงเล่ ฉันเกลียดแก! เกลียดแก! เกลียดทีจนถึงกระดูกเลย!”
หลิงเล่รู้ว่าตอนนี้สาวน้อยกำลังรู้สึกยังไง เขาจึงหันไปบอกกับหนีหย่าจูนว่า “ถ้าเธอจะลงมือกับฉันก็อย่าห้ามเธอ เพราะมันจะทำให้เธอโกรธมากยิ่งขึ้นไปอีก!”
ในตอนนี้ ขอแค่สามารถทำให้สาวน้อยใจเย็นลงได้ จะให้เขาทำอะไรเขาก็ยอม!
แต่หนีหย่าจูนก็ยังเอากระเป๋าของมู่เทียนซิงซ่อนเอาไว้ข้างหลัง สิ่งที่เขาจะสื่อก็คือ ถ้าคิดจะลงไม้ลงมือก็ห้ามใช้อาวุธเด็ดขาด!