รักครั้งแรกของคุณชายปีศาจ - ตอนที่ 22 ลูกเขยใหม่
บทที่ 22 ลูกเขยใหม่
เมื่อกี้ที่ห้องโถงเงียบมาก
จึงทำให้คำพูดที่หวานของมู่เทียนซิงเมื่อกี้ล่องลอยทั่วบ้านทุกคำทุกประโยค
ดวงตาที่ดำประกายของหลิงเล่ ลึกเหมือนกับที่ผ่านๆมาตลอด สีหน้าที่เฉยชา กลับจ้องมองมู่เทียนซิง ทำให้เธอรู้สึกใจไม่ดีในขณะเดียวกัน มันเหมือนมีความรู้สึกที่อยากจะปล่อยแขนเมิ่งเสี่ยวหลงกะทันหัน!
และเมิ่งเสี่ยวหลงก็ยืนนิ่งตัวแข็ง
หลังจากที่ได้ฟังคำรักของมู่เทียนซิง ความรู้สึกที่ดีใจยังไม่ทันได้เปิดเผยออกมาให้เห็น ผู้ชายบนรถเข็นที่อยู่ตรงหน้าก็ได้สลายความสุขของพวกเขาสองคนไปหมดแล้ว!
มองรถเข็นสีเงินคันนั้น มองสีหน้าของมู่เทียนซิงที่ทำอะไรไม่ถูก เมิ่งเสี่ยวหลงเข้าใจดี ว่าผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าก็คือคุณชายสี่นั้นเอง!
แต่แค่ว่า ไม่เคยมีใครบอกเขาเลย ว่าคุณชายสี่หน้าตาจะหล่อขนาดนี้!
ตอนที่อยู่เมืองชิงเฉิง ตอนที่อยู่ในค่ายทหาร เมิ่งเสี่ยวหลงก็เป็นบ่าวหล่อที่ใครๆก็พูดถึงและชื่นชม แต่ว่าถ้าเอามาเปรียบเทียบกับ
หลิงเล่แล้วเนี่ย การเปรียบเทียบแบบนี้ก็เสมือนกับการเปรียบเทียบระหว่างคริสตัลบริสุทธิ์ VS เพชรคุณภาพสูง!
นี้ไม่ใช่ปัญหาของการหักเห และไม่ใช่ปัญหาของการตัด แต่มันเป็นปัญหาของธรรมชาติ!
ดีที่ผู้ชายหน้าหล่อคนนี้ตอนนี้นั่งอยู่บนรถเข็น ไม่งั้น เมิ่งเสี่ยวหลงเองก็ไม่รู้ว่าจะเอาอะไรไปแย่งชิงมู่เทียนซิงกับเขา
กระทั่ง ผู้ชายคนนั้นยังนั่งอยู่บนรถเข็น เมิ่งเสี่ยวหลงยังรู้สึกแย่เลย
สายตาของหลิงเล่เย็นชาเกินไป บรรยากาศที่ดูยิ่งใหญ่ จริงๆมู่อี้เจ๋อสองสามีภรรยานี้ก็เป็นรุ่นที่แก่กว่าเขา แต่ทั้งสองกลับอึ้งและยืนอยู่ข้างๆอย่างเงียบสงบ
จนกระทั่งมู่เทียนซิงยืนเหวออยู่ตรงบันได ท่าทางที่ทำอะไรไม่ถูก มู่อี้เจ๋อจึงดึงสติกลับมา หัวเราะฮ่าฮ่า:“ฮ่าฮ่าฮ่า คุณชายสี่ นี้เป็นลูกชายของเพื่อนสนิทผมเอง ชื่อว่า เมิ่งเสี่ยวหลง เมื่อก่อนตอนที่อยู่เมืองชิงเฉิงประตูสวนของเราอยู่ตรงข้ามกันเลย เขากับลูกสาวของผมเป็นเพื่อนที่เล่นกันมาตั้งแต่เด็กและโตมาด้วยกัน ความสัมพันธ์ก็จะเหมือน เอิ่มมม ความสัมพันธ์ที่ดีเสมือนกับพี่น้องกันแท้ๆเลย!”
เมิ่งเสี่ยวหลงพยายามสงบคลื่นในใจของเขา ทันใดนั้นก็ได้กางแขนออกแล้วกอดเทียนซิงเข้ามาในอ้อมกอดของเขา มือที่ใหญ่ก็ค่อยๆวางลงที่ไหล่ของเธอ แล้วเดินลงบันไดกับเธอทีละก้าวละก้าว
สำหรับเมิ่งเสี่ยวหลงแล้ว เขากำลังบ่งบอกถึงความเป็นเจ้าของ
สำหรับหลิงเล่ เขากำลังอยากปะทะกับตน
จั๋วหรันเดินเข้ามาจากด้านนอก ในมือได้ถือกล่องที่หรูหรามาไม่กี่กล่อง ยื่นให้กับเจี่ยงซินโดยตรง:“คุณหญิงมู่ นี้เป็นของขวัญที่คุณชายสี่เข้าบ้านนี้เป็นครั้งแรก”
ต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ เจี่ยงซินไม่รับไว้ก็ไม่ได้
แต่ว่าความสุขของลูกสาวเธอก็จะหยุดลงชั่วคราว ยังไม่รู้ว่าหลิงเล่จะกลายเป็นลูกเขยของตนจริงหรือเปล่า มันก็ไม่ดีที่รับของขวัญจากตระกูลหลิงไม่หยุด
ทันใดนั้น กล่องของขวัญราคาแพงและหรูหราในมือของเธอกลายเป็นมันฝรั่งร้อน
เจี่ยงซินยิ้มแล้วยิ้มอีก:“มาแต่ตัวก็พอแล้ว ยังเอาของขวัญของฝากอะไรมาอีก คุณชายสี่สิ้นเปลืองแล้วค่ะ”
จั๋วหรันพูดต่อว่า:“ครั้งแรกที่ลูกเขยมาเยี่ยมพ่อตาแม่ยาย การเคารพและมารยาทแบบนี้ก็ควรมีเป็นธรรมดาอยู่แล้วครับ”
ทุกคน:“.”
จั๋วหรันพูดต่อว่า:“ก่อนที่ผมกับภรรยาผมจะแต่งงานกัน แล้วไปเที่ยวเยี่ยมที่บ้านแม่ยายอย่างเป็นทางการ แม่ยายของผมก็ทำตามประเพณีของเมืองชิงเฉิงโดยการต้มน้ำ น้ำตาลทรายแดงให้ผมทาน แล้วยังใส่ไข่ไปสองฟอง บรรยากาศที่คึกคัก หวานๆ เป็นคู่ๆ แล้วบ้านของตระกูลมู่เองก็มาจากเมืองชิงเฉิงทั้งหมด คิดว่าประเพณีของสถานที่นั้นพวกคุณก็น่าจะเข้าใจดีนะครับ”
ทุกคน:“.”
จั๋วหรันพูดต่อ:“แต่ว่า แม่ยายของผมเนี่ยไม่เคยเรียนหนังสือ ไม่ได้มีความรู้อะไรมากมาย มารยาทหรือประเพณีต่างๆพวกนี้ก็สืบทอดมามจากบรรพบุรุษอีกที แล้วทำตาม แม้ว่าตระกูลมู่ก็อยู่ที่เมืองชิงเฉิง แต่ก็ไม่ใช่ครอบครัวที่ธรรมดาทั่วไปมีฐานะตำแหน่งที่คนอื่นๆตรงนั้นเทียบไม่ได้เลย แม้ว่าจะไม่เข้าใจอะไรแย่ๆแบบนั้น มันก็เป็นเรื่องที่ตามหลักธรรมชาติของมนุษย์”
ทุกคน:“.”
สีหน้าของเจี่ยงซินเดี๋ยวแดงเดี๋ยวซีด
ต้องให้จั๋วหรันเป็นคนออกหน้าอยู่แล้วแหละ
ถ้าเป็นจั่วซีไอ่ซื่อบื้อนั้น ก็คงไม่บีบบังคับคนอื่นขนาดนี้หรอก!
มู่อี้เจ๋อยักคิ้วไปทีนึง มองไปที่มู่เทียนซิงกับเมิ่งเสี่ยวหลงที่เข้าใกล้เรื่อยๆ เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่สักอย่าง เร็วมากก็ได้มองไปที่ภรรยา กล่าว:“ไปเตรียมน้ำ น้ำตาลทรายแดงแล้วตีไข่ให้คุณชายสี่”
ไม่ว่าสุดท้ายแล้วงานแต่งนี้จะสำเร็จหรือไม่ก็ตาม นี้ก็ไม่ใช่เวลาที่ตระกูลมู่ต้องมาเสียมารยาทแล้วให้คนอื่นหัวเราะเย้าะ
อีกอย่าง งานแต่งนี้ก็ได้ตกลงกันแล้ว คุณชายสี่มาก่อนที่ตระกูลมู่จะยกเลิกงานแต่ง ไม่ได้มาหลังจากที่ตระกูลมู่เอ่ยปากว่าจะยกเลิก งั้น ตำแหน่งของคุณชายสี่ตอนนี้ก็ยังคงเป็นลูกเขยของตระกูลมู่อยู่
มู่เทียนซิงไม่เคยสงสัยหรือแปลกใจสิ่งที่พ่อแม่ตนกระทำลงไปเลย
เธอรู้ดี ว่าบนโลกนี้หาใครที่รักเธอมากกว่าพ่อแม่ไม่ได้แล้ว
แต่ว่าได้กวาดสายตาผ่านหน้าที่เฉยชาของเมิ่งเสี่ยวหลง เธอรู้สึกเป็นห่วงเขา เป็นห่วงความรู้สึกของเมิ่งเสี่ยวหลง
แสดงรอยยิ้มที่เห็นฟันสีขาว เธอพูดอย่างอ่อนโยน:“พี่เสี่ยวหลง หิวมั้ย เราไปทานอาหารเช้ากันเถอะ!”
เมิ่งเสี่ยวหลงก็ไม่ได้เป็นคนที่ไม่มีการศึกษาขนาดนั้น ไม่ใช่คนที่ไม่มีสมอง แน่นอนว่าเขารู้ดีว่าถ้าใจร้อนตอนนี้ก็ไม่ได้มีผลดีอะไรกับตัวเขา คิดแค่ว่าขอแค่มู่เทียนซิงเข้าข้างตน ก็ไม่ต้องกลัวอะไรแล้ว
และแล้ว เขาก็ยิ้มแล้วพยักหน้า:“ครับ!”
มู่อี้เจ๋อมองพวกเขาสองคนจากไป สีหน้าบนหน้าก็ค่อนข้างที่จะเกรงหน่อย
แต่กลับก็พูดดีมีมารยาทกับหลิงเล่:“เดี๋ยวผมจะนั่งเป็นเพื่อนคุณชายสี่ที่ห้องโถงนะครับ”
หลิงเล่พยักหน้า สีหน้าที่ไร้ความรู้สึกเช่นเคย
มู่อี้เจ๋อรู้ว่าเขาแกล้งเป็นใบ้ แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ และเขาเองก็ไม่ใช่คนที่มากเรื่องอะไร เขาเข้าใจหลิงเล่ที่เป็นแบบนี้ ในตระกูลมีคุณชายสี่คน ก็จะไม่ค่อยสงบสุขกันเท่าไหร่
หลังจาก ที่เปิดทีวีขึ้น เขาก็ได้ยื่นรีโมทให้กับหลิงเล่ตรงหน้า
หลิงเล่ส่ายหน้าไปมา บ่งบอกว่าเขาไม่ชอบดูหนัง
ทีนี้ บรรยากาศก็ตึงเครียดอีกแล้ว!
แต่ทิศทางทางห้องครัว กลับมีเสียงพูดคุยหัวเราะของมู่เทียนซิงกับเมิ่งเสี่ยวหลงล่องลอยมา ดูท่าทางแล้ว พวกเขาทานอาหารไปด้วยแล้วพูดคุยกันไปด้วย อย่างชอบใจทั้งสองฝ่าย
แก๊ก!
แก๊ก!
แก๊ก!
ทีเดียวสามเสียง เป็นเสียงที่นิ้วมือจากหลิงเล่ที่กำหมัด
มู่อี้เจ๋อมองไปด้วยความแปลกใจ แต่กลับเห็นสีหน้าของหลิงเล่ไร้ความรู้สึก เสมือนกับว่าคนที่กำหมัดเมื่อกี้ไม่ใช่เขา
และจั๋วหรันก็ยืนอยู่ด้านข้างของรถเข็น กล่าว:“ขออภัยครับ ผมไม่ได้ควบคุมกำลังมือไว้ ทำลายบรรยากาศที่เงียบสงบไปเลยนะครับ!”
ทีนี้มู่อี้เจ๋อก็ยิ่งแปลกใจไปใหญ่แล้ว
เขาได้ยินเสียงมากจากนิ้วมือของหลิงเล่แท้ๆ แล้วกลายเป็นเสียงนิ้วของจั๋วหรันไปได้ไง?
แต่ว่าพอดูดีๆจั๋วหรันก็ยืนอยู่ข้างๆหลิงเล่ คิดว่า เขาฟังผิดก็เป็นไปได้
“ฮ่าฮ่าฮ่า~!”
“แก๊ก!”
“แก๊ก!”
“แก๊ก!”
แต่แค่ว่า เสียงพูดคุยหัวเราะที่ล่องลอยมาจากห้องครัวก็ดังขึ้นกว่าเดิม และข้างหูของมู่อี้เจ๋อก็มีเสียงกำหมัดดังขึ้นเช่นกัน
อีกครั้งที่จั๋วหรันพูดอย่างเฉยชาว่า:“ขออภัยครับ”
ซ้ำๆแบบนี้หลายรอบ มู่อี้เจ๋อฟังจนศีรษะชาไปหมด ปวดหัวมาก!
ลุกขึ้นยืน เขาพูดกับหลิงเล่อัตโนมัติ:“คุณชายสี่ ขอตัวสักครู่นะครับ”
เขารีบเดินก้าวไปที่ห้องครัว เห็นภรรยาที่กำลังยกถ้วยเดินออกไป ในถ้วยมีน้ำน้ำตาลทรายกับไข่สองฟอง
เขารับมา เตรียมเอาออกไปให้หลิงเล่ แล้วพูดกับภรรยาด้วยน้ำเสียงที่เบา:“แกไปบอกเทียนซิงหน่อยสิ ว่าให้เธอกับเสี่ยวหลงระวังหน่อย อย่าหัวเราะดังแบบนี้ ทานเสร็จก็รีบออกมา!”