รักครั้งแรกของคุณชายปีศาจ - ตอนที่ 24 อะไรที่เรียกว่าความรัก ซื่อบื้อแยกไม่ออก
บทที่ 24 อะไรที่เรียกว่าความรัก ซื่อบื้อแยกไม่ออก
ความหวานที่อ่อนๆนั้นก็ยังคงไม่ได้จางหายไปไหน
ในขณะที่ทุกคนกำลังคิดวิเคราะห์อยู่ว่าตกลงหลิงเล่รู้สึกยังไงกับมู่เทียนซิงนั้น กลิ่นหอมของน้ำน้ำตาลทรายแดงไข่ต้มก็ได้กระจายทั่วห้อง บ่งบอกว่าหลิงเล่มาในฐานะลูกเขยใหม่อย่างที่แท้จริง
มู่เทียนซิงนั่งลงทันที กระโดดไปตรงหน้าของหลิงเล่ ก้มตัวลง สองมือวางทับไว้บนที่วางมือรถเข็นเขา กล่าว:“คุณนี้มันโคตรแย่เลย!สิ้นเปลือง!เวอร์เกินไป!คุณซื้อแบรนนี้ เสียเงินไปทั้งหมดเท่าไหร่?”
เธอรู้ว่าเขาไม่ใช่เป็นคนใบ้ ดังนั้นจึงจ้องหน้าจ้องตาเขารอคำตอบ
หลิงเล่เงยหน้าขึ้น มองหน้าใบเล็กนี้ที่อยู่ตรงหน้าเขาอย่างชิดใกล้ ดวงตาดำได้ประกายสายรุ้งผ่าน แต่กลับไม่ตอบคำถาม
เธอเบะปาก จ้องมองเขา:“ถ้าเกิดว่าเงินของคุณเยอะเกินไปใช้ไม่หมด ให้ฉันก็ได้นะ!ไม่เคยเห็นคนอะไรแบบคุณที่ไม่เห็นเงินเป็นเงิน!”
หลิงเล่จ้องมองเธอ แล้วก็คิดแล้วคิดอีก สีหน้าที่จริงจังมาก
เขาดีดนิ้วให้สัญญาณกับคนด้านหลัง จั๋วหรันได้ยื่นของมาหนึ่งอย่าง เขารับมา เปิดออกมาต่อหน้ามู่เทียนซิง เธอจึงได้เห็นว่าที่แท้ก็เป็นใบเสร็จเซ็นถอนเงิน!
บนหน้ากระดาษหน้าแรก ก็ได้ลงตราปั๊มเรียบร้อยแล้ว!
เหลือแค่จำนวนเลขที่ไม่ได้เขียนขึ้นไป!
มู่เทียนซิงกำลังตะลึงอยู่ เขาก็ได้นำปากกาของตนและใบเสร็จนั้นยื่นให้กับเธอ สีหน้าที่น่าเอ็นดู เสมือนกับว่าสิ่งที่เขาทำทุกอย่างมันคุ้มค่า ขอแค่ได้เห็นรอยยิ้มและความสุขของเธอ
สีหน้าของเธอก็ได้อึ้งเพราะเขาอีกครั้ง!
ก็มีจริงๆอะเนาะคนที่ไม่เห็นเงินเป็นเงิน!
บ้านหลังที่ใหญ่โต๊ะเสมือนกับพิพิธภัณฑ์นั้น ทั้งใหม่และหรูหราสวยงาม ถ้าเขาอยากทุบทิ้งแล้วสร้างใหม่;ธุรกิจอาหารของต่างประเทศ คิ้วของเขายังไม่ได้ยักขึ้นเลย บอกแค่ว่าซื้อก็ได้ซื้อแล้ว;ตอนนี้ ใบเสร็จถอนเงินที่ว่างเปล่า วางอยู่ตรงหน้าของเธอ เธออยากจะเขียนจำนวนเงินเท่าไหร่ก็เท่านั้นเลย!
“หลิงเล่!”
เธอหมดคำพูดกับเขา ตะโกนใส่เขาไปหนึ่งที!
และเสียงตะโกนนี้ ก็ทำให้คนในบ้านทุกคนสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
แววตาของหลิงเล่ก็ได้เปลี่ยนไปเช่นกัน
ผ่านไปนานเป็นชาติเลยก็ว่าได้ ที่ไม่มีคนเรียกชื่อเขาแบบนี้
เขาสามารถเป็นคุณชายสี่ที่หยิ่งและสูงส่งได้ และก็สามารถเป็นคนพิการที่ต่ำจนจมดินก็ได้
ทันใดนั้นเขาก็ได้แสดงรอยยิ้มที่เสมือนกับพระจันทร์เสี้ยวออกมา งดงามมาก ภายใต้แสงที่อ่อนมีความหรูหราเบาๆ ทำให้ใจของเธอวุ่นวาย
“อืม”
และในขณะเดียวกันที่จั๋วหรันกลัวว่าคุณชายสี่จะโมโหนั้น คิดไม่ถึงเลยว่าผู้ชายที่อยู่บนรถเข็นจะตอบกลับไปคำหนึ่ง!
คำคำนั้น ที่อบอุ่นเสมือนกับสีของพระจันทร์ หยดลงเสมือนกับหยดน้ำฝน ตกหล่นลงบนใจกลางแม่น้ำ
ใบหน้าที่ชัดเจน เพราะรอยยิ้มนี้เพียงรอยยิ้มเดียว เบิกบานตรงหน้าของเธอ งดงามจนใจเต้นไปถึงวิญญาณ เธอมองจนเหวอเลย เสียสติไปนิดหน่อย พอเมิ่งเสี่ยวหลงสะกิดเรียกเธอ เธอจึงจะดึงสติกลับมาได้
ไม่เคยพบเคยเจอผู้ชายแบบนี้ที่ไหนมาก่อน แค่ยิ้ม ก็สามารถเสมือนกับจะกระชากวิญญาณเธอออกจากร่างไปซะงั้น
หรือว่านี้เป็นปีศาจเหมือนในเรื่องเล่า?
หลบสายตาด้วยความเกรง เธอรีบนำปากกาและใบเสร็จถอนเงินคืนให้กับจั๋วหรัน แล้วยังพูดว่า:“รีบเก็บไว้ให้เขา!ตัวเขาเองไม่เห็นเงินเป็นเงิน คุณต้องดูเขาไว้ดีๆหล่ะ ถ้าเขาใช้จ่ายจนที่บ้านไม่เหลือสักบาท คุณกับจั๋วซีต้องอดข้าวอดน้ำกับเขาด้วยนะ!”
จั๋วหรันมองหลิงเล่ด้วยความลำบากใจ
เจ้านายไม่ได้พูดออกมาจากปากด้วยตนเอง เขาไม่ฟังคำสั่งของมู่เทียนซิงง่ายๆหรอก
เมิ่งเสี่ยวหลงมองหลิงเล่ด้วยสีหน้าที่ดูถูก ผู้ชายคนนี้นั่งอยู่บนรถเข็น เป็นพิการ อยากแย่งเทียนซิงไปจากเขา ก็ใช้ได้แค่เงินทองใช่มั้ยที่จะเอามาซื้อใจคนไป?
เขาขมวดคิ้วขึ้น ในคำพูดของเขามีความปกป้องนิสัยใจคอของมู่เทียนซิง:“น่าเสียดายนะ ที่เทียนซิงของเราไม่ใช่คนที่หน้าเงินแบบนั้น”
มู่เทียนซิงพยักหน้า:“พี่เสี่ยวหลงพูดถูกแล้วหล่ะ ฉันไม่เอาเงินของคุณหรอก ฉันแค่รู้สึกขัดตาเวลาคุณใช้เงินสิ้นเปลืองแบบนี้!”
มู่อี้เจ๋อสองสามีภรรยาก็ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรสักอย่าง
คิดว่าการที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวมันจะยิ่งทำให้เรื่องสับสนวุ่นวายกว่าเดิม เป็นผู้ชมที่ดีดีกว่ารู้เรื่องและชัดเจนทุกอย่าง
โดยเฉพาะมู่เทียนซิงเป็นลูกสาวแท้ๆของพวกเขา พวกเขาก็มองออก ว่าลูกสาวของตนแสดงพฤติกรรมกับหลิงเล่แตกต่างจากคนอื่น
ถ้าบอกว่า คนที่ลูกสาวชอบเนี่ยเป็นเมิ่งเสี่ยวหลง งั้น คนที่เธออาจจะตกหลุมรักก็อาจจะเป็นหลิงเล่ก็ได้!
คิดว่าตนเองชอบ แต่ที่จริงแล้วใช่ว่าจะชอบ
และคนที่สามารถทำให้มู่เทียนซิงกระวนกระวายใจได้จริงๆ ทำให้เธอเสียสติสมาธิจริงๆ ก็คือหลิงเล่
ชัดเจนเลยว่าแววตาของมู่อี้เจ๋อได้มีความเป็นห่วงกังวลใจ
คุณชายสี่ไม่ธรรมดาเหมือนภายนอกแน่นอน แม้ว่าเขาจะดีแค่ไหน สุดท้ายก็เป็นแค่คนพิการ ยืนไม่ได้วันนึง วันนั้นลูกสาวก็จะไม่มีความสุขที่แท้จริง
เขามองไปที่ภรรยาแวบหนึ่ง พบว่าแววตาของภรรยาก็มีความเป็นห่วงกังวลใจเหมือนตน
“แค่กๆ แค่กๆๆๆ”
ทันใดนั้นหลิงเล่ก็ได้เอามือปิดปากแล้วไอขึ้นมา จริงๆแล้วสำหรับตัวเขาที่เป็นแบบนี้การไอทำเป็นสิ่งที่แย่มาก แต่ว่าเขากลับไอได้เป็นธรรมชาติมาก ท่าทางมีเสน่ห์เป็นผู้ดี
มู่เทียนซิงขมวดคิ้วขึ้น มองตาของเขาที่เหนื่อยล้า กล่าว:“คุณเป็นหวัดหรอ?”
เขามองเธอไปแวบนึง พยักหน้า
เธอก็พูดต่อ:“กินยาหรือยัง?”
เขาส่ายหัวมองเธอ สายตาที่น่าเอ็นดู
“เห้อ ยุ่งยากชะมัดเลย!”มู่เทียนซิงหันหลังแล้วเดินจากไปเลย และก็ไม่สนใจว่าสายตาของผู้คนจะมองที่เธอคนเดียวทั้งหมด เปิดลิ้นชักหยิบกล่องยา หาไปหามาสักพัก ตอนที่กลับมาในมือก็ได้มีน้ำอุ่นเพิ่มมาหนึ่งแก้ว
แขนที่ขาวทั้งสองข้างก็ได้ยื่นไป
ข้างหนึ่งจับแก้วไว้
มืออีกข้าง ในฝ่ามือก็ได้มีเม็ดยาสีน้ำเงินหนึ่งเม็ดอยู่ตรงนั้น
“ยาแก้หวัด ทุกครั้งที่ฉันเป็นหวัด ทานนี่เข้าไปก็หายแล้ว คุณจะลองดูมั้ย?”
เธอมองเขา กำลังถามเขาอยู่แท้ๆ แต่กลับใจร้อนนำมือของเธอยื่นไปตรงข้างๆปากของเขา
หลิงเล่มองเธอด้วยสายตาที่คมลึกไปทีนึง แล้วเหลือบตาไปมองยาที่อยู่บนมือของเธอ ทันใดนั้นก็ได้อ้าปากขึ้น
ก็เป็นไปตามนั้นเธอก็ได้นำยาป้อนเข้าไปในปากของเขา แม้แต่น้ำยังป้อนให้เขาดื่มเลย เขาก็ดื่มน้ำลงไปทีเดียว แล้วได้นำลิ้นออกมาเลียหยดน้ำที่ติดอยู่ตรงริมฝีปากของเขา ท่าทางที่น่ารักมากแท้ๆ แต่ ณ ตอนที่วางแก้วน้ำลงนั้น กลับมีความร้ายกาจเบาๆ “เทียนซิง ผมง่วงแล้วอะ”
เมิ่งเสี่ยวหลงจับแขนของเธอมาข้างนึงโดยตรง มองเธอด้วยสีหน้าที่ไม่สบายใจ:“พวกเราขึ้นไปพักผ่อนกันเถอะ!”
มู่เทียนซิงพยักหน้า ปล่อยให้เมิ่งเสี่ยวหลงจับมือของตนอย่างตามใจ ยิ้มให้กับหลิงเล่:“คุณไม่สบายก็รีบกลับบ้านไปเถอะ!เอิ่ม อีกสองสามวันฉันอาจจะไปหาคุณด้วยตนเอง เพื่อที่จะคุยเรื่องอะไรหน่อย”
สิ่งที่เธอกลัวที่สุดก็คือการเล่นกับความรู้สึกของคนอื่น
ดังนั้นเวลามีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไป ก็รีบพูดให้มันกระจ่างเลยดีกว่า
เธออยู่กับเมิ่งเสี่ยวหลงสบายใจมาก เป็นตัวของตัวเอง สามารถผ่อนคลายทำอะไรก็ได้ โดยเฉพาะความสัมพันธ์ที่โตด้วยกันมา ทำให้พวกเขาสองคนไม่จำเป็นต้องใช้คำพูดอะไรกันมาก แค่ส่งซิกทางสายตาก็สามารถเข้าใจความหมายของฝ่ายตรงข้ามแล้ว เธอชอบความรู้สึกที่มันสบายใจและอิสระ ไม่มีความเกรง
ในนิยายก็เขียนกันแบบนี้ไม่ใช่หรอ?
ความรักที่สัมผัสกันได้โดยไม่ต้องพูดออกมา ความเข้าใจที่เสมือนกับหัวใจถูกมัดติดกัน นี้แหละคือรักแท้
สายตาที่อบอุ่นก็ได้ค่อยๆเย็นชาลงทันที หลิงเล่ดีดนิ้วให้กับจั๋วหรันไปทึนึง จั๋วหรันก้าวไปข้างหน้าโดยตรงแล้วห้ามเมิ่งเสี่ยวหลงกับมู่เทียนซิงไว้
เมิ่งเสี่ยวหลงไม่พอใจ ถ้าอยากจะมีเรื่องจริงๆ เขาก็ไม่กลัว!
แต่จั๋วหรันกับพูดด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะและเคารพ:“คุณชายเมิ่งครับ คุณหนูมู่เป็นคุณหญิงสี่ของตระกูลหลิง ไม่ว่างานแต่งจะเริ่มขึ้นหรือยัง แต่ตำแหน่งได้กำหนดไว้แล้ว คุณชายสี่มา ก็ตั้งใจมารับคุณหนูมู่กลับไปที่คฤหาสน์จื่อเวยครับ หวังว่าคุณชายเมิ่งจะเข้าใจนะครับ”