รักครั้งแรกของคุณชายปีศาจ - ตอนที่ 29 คุณชายสี่รักคุณมาก
บทที่ 29 คุณชายสี่รักคุณมาก
เห็นท่าทางของเขาก็ไม่ได้เหมือนว่ากำลังแกล้งเธอ ในใจก็รู้สึกอึ้งนิดหน่อย
ไอ่หมอนี้ ตกลงจะทำอะไรกันแน่?
ดวงตาที่คมลึก จ้องมองเธอ หลิงเล่เอ่ยปากพูดไม่เร็วไม่ช้า:“คุณเคยบอกเองไม่ใช่หรอ ว่าผมอายุ26แล้ว ไม่แต่งงานไม่มีแฟนไม่มีความรัก ไม่แน่อาจจะเป็นโรคจิตก็ได้?”
“คุณ”มู่เทียนซิงถอยหลังไปหนึ่งก้าว
ตัวเขาไม่ได้ขยับ แต่เสียงที่เย็นชาของเขากลับบีบบังคับเธอเรื่อยๆ:“ลองขึ้นไปดูสิ!ซี!”
จั๋วซีที่อยู่ไม่ไกลนักก็รีบเดินมา เผชิญหน้ากับมู่เทียนซิงด้วยรอยยิ้มที่เอาใจ:“คุณหนูมู่ พวกเราลองขึ้นไปดูกันเถอะ คุณอาจจะชอบก็ได้นะครับ”
เธอไม่ขึ้นไป งั้น เขาเรียกคนให้เชิญเธอขึ้นไปละกัน!
น่าเกลียดที่สุดสีหน้าท่าทางที่บังคับคนอื่น มู่เทียนซิงปฏิเสธด้วยความที่ไม่พอใจอย่างมาก:“ไม่!ฉันจะกลับบ้าน!ไม่งั้นคุณก็เอามือถือมาให้ฉันยืม ฉันจะโทรหาที่บ้าน?”
“คุณหนูมู่ครับ อย่าทำให้ผมลำบากใจเลย มีเรื่องอะไร เดี๋ยวไว้ค่อยคุยกัน ขึ้นไปดูก่อนนะครับ”
“ไม่เอา!”
“คุณหนูมู่”คำพูดของจั๋วหรันดูแข็งกว่าคำพูดของจั๋วซีเยอะเลย น้ำเสียงก็มั่นคงมาก:“เป็นผู้หญิง ไม่ว่าจะเวลาไหนตอนไหนก็ตามก็ต้องรู้จักปกป้องตัวเองให้เป็น ทุกคนไม่ว่าใครที่ลองดีกับคุณชายสี่ แล้วยังสามารถหายใจถึงตอนนี้ได้ ก็มีไม่กี่คนจริงๆแหละ คุณแน่ใจแล้วใช่มั้ยที่จะดื้นด้านต่อไปอย่างนี้ แล้วเผชิญหน้ากับอนาคตที่ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นงั้นหรอ?ผมแนะนำว่า การที่เสียแรงมาขัดขืน เนี่ย ลองฝึกชินแล้วคุ้นเคยกับทุกอย่างดีกว่านะครับ ”
มู่เทียนซิงจ้องมองเขาด้วยสีหน้าที่โมโหมาก!
อาจจะเป็นเพราะว่าคำพูดที่น่าโมโหของจั๋วหรันที่ได้มาจากหลิงเล่ไม่น้อย ดังนั้นมู่เทียนซิงนำความโกรธทั้งหมดไปรวบรวมไว้ที่
จั๋วหรันคนเดียว
เธอกำหมัดน้อยๆของเธอไว้ แล้วหันไปตะโกนให้กับร่างเหงาที่สง่างามทางห้องครัว:“พี่ซือเหวิน!สามีของพี่มาขู่ฉัน!เขาเป็นคนที่ใจแข็งใจดำ ต่ำต้อย ขี้เหนียวเห็นแก่ตัว!พี่ซือเหวิน เพื่ออนาคตที่สดใสและมีความสุขของพี่ พี่รีบหย่ากับเขาเถอะนะ!”
จั๋วหรันตะลึงทันที สีหน้ามืดและชาเลยทีเดียว
จั๋วซีพูดขึ้นมาเบาๆ ผสมกับความน้อยใจนิดหน่อย:“คุณหนูมู่ครับ พี่ชายรักพี่สะใภ้จะตายไป ทำลายความสัมพันธ์ครอบครัวคนอื่น มันเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องนะครับ”
ณ ตอนนั้น ฉวีซือเหวินก็ได้เดินออกมาจากห้องครัว เธอเดินตรงมาที่ด้านหลังของหลิงเล่ จับรถเข็นของหลิงเล่ไว้แล้วยิ้มให้กับมู่เทียนซิงด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น:“คุณหนูมู่ไม่ต้องกลัวนะคะ จั๋วหรันเป็นคนพูดจาแบบนี้มาตลอด อีกอย่าง คุณชายสี่ก็รักคุณขนาดนี้ จั๋วหรันจะกล้าขู่คุณได้ไงหล่ะ?คุณหนูมู่อาศัยอยู่ที่นี้อย่างสบายใจก็พอแล้วค่ะ มีคุณชายสี่อยู่ แม้ว่าแลดูจั๋วหรันจะดุร้าย แต่ก็เป็นแค่เสือกระดาษเท่านั้น”
สีหน้าของจั๋วหรันได้มีความแปลกใจประกายผ่าน เสือกระดาษ?
เขามองตาฉวีซือเหวินด้วยแววตาที่คมลึกแต่ก็มีอะไรแฝงอยู่ข้างใน และในขณะที่ฉวีซือเหวินได้รับรู้และเข้าใจถึงแววตาของสามีแล้ว เธอแลบลิ้นด้วยความเกรงนิดหน่อย
เอิ่ม คืนนี้เธอนอนไม่สุขแน่ๆ!
และมู่เทียนซิงเองก็ยืนอยู่ที่เดิมสมองของเธอก็สับสนวุ่นวายไปหมด แววตาที่คาดคิดไม่ถึง
ยกมือขึ้นแล้วชี้ที่หลิงเล่ เธอไม่มีทางที่จะรับได้จริงๆ:“เขารักฉันขนาดนั้น?รักฉัน?เขารักฉันตรงไหน?ไม่มีนาทีไหนที่เขาจะไม่มาปั่นหัวฉันให้ฉันโมโหเลย ขัดฉันทุกอย่าง ฉันว่าเขาเกลียดฉันต่างหาก เลยให้ฉันอยู่ที่นี้ต่อแล้วตั้งใจกลั่นแกล้งฉันทรมานฉัน!”
“คุณหนูมู่ คุณน่าจะใช้คำว่าทรมานคุณผิดแล้วแหละ”จั๋วซีหัวเราะด้วยความที่ทำอะไรไม่ได้
หลังจากที่เธอมาจนถึงตอนนี้ กินดีอยู่ดีบูชาให้เธอ ชั้นบนของที่ซื้อให้เธอแต่ละอย่างก็เป็นของที่ราคาแพงที่สุดและดีที่สุด ไม่เคยมีใครตีเธอ หรือด่าเธอเลย
ก็เท่าที่ดูจากตอนนี้ คนที่เดือดและยิ่งใหญ่ที่สุดในบ้านหลังนี้ก็คือเธอ
นี้ก็เรียกว่าทรมานหรอ?
มีการทรมานคนด้วยวิธีแบบนี้ด้วยหรอ?
ฉวีซือเหวินถอนหายใจเบาๆ เดินไปข้างหน้าแล้วจับมือของมู่เทียนซิง กล่าว:“คุณหนูมู่คะ ฉันพาคุณขึ้นไปดูดีมั้ยคะ”
มู่เทียนซิงได้ลดความที่เป็นศัตรูกับฉวีซือเหวินลงเยอะอย่างเห็นได้ชัด
ไม่ใช่เพราะฉวีซือเหวินเป็นผู้หญิง แต่เป็นเพราะว่ามู่เทียนซิงสงสารฉวีซือเหวินจากใจจริงๆ แต่งงานกับผู้ชายอย่างจั๋วหรัน ร่างกายและจิตใจของเธอต้องโดนทำร้ายขนาดไหนเนี่ย!
และหลังจากที่ผู้หญิงสองคนนี้ได้จากไป หลิงเล่มองจั๋วซีด้วยความสงสัย:“พี่ชายนายรักพี่สะใภ้นายมากเลย?”
จั๋วซีพยักหน้า:“ใช่ครับ ความรักของเขาสองคนยาวนานหลายปี ก็ดีกันมาตลอด”
หลิงเล่คิดไปคิดมา พยักหน้าด้วยความเห็นด้วย แล้วก็มองไปที่จั๋วหรัน:“คุณไปรักเธอยังไงหรอ?”
“ผม”จั๋วหรันสับสนวุ่นวายในความคิดของตนเอง และแก้มก็แดงขึ้นมากะทันหัน:“ก็ พยายามตามใจเธอและให้ในสิ่งที่เธอต้องการ แม้ว่าจะเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ แต่เราก็ทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่ที่สำคัญ และใส่ใจทุกรายละเอียด”
หลิงเล่สงบไป
มองจากท่าทางที่ตั้งใจคิดวิเคราะห์ของเขา จั๋วหรันสองพี่น้องก็รู้สึกหมดแรงเลยทันที
นี้ยังเป็นคุณชายสี่คนเดิมอยู่หรือเปล่า?
คุณชายสี่เนี่ยนะมานั่งคิด ว่าจะไปรักและดูแลคุณหนูมู่ยังไงงั้นหรอ?
ชั้นบน——
ฉวีซือเหวินพามู่เทียนซิงเข้าไปในบ้านส่วนตัวของหลิงเล่โดยตรง
ประตูบานยักษ์เลื่อนครึ่งวงกลมสีฟ้าอ่อน ฝังอยู่บนผนังโดยตรง เสมือนกับเป็นหยดน้ำกระจกที่หยดลงบนเค้กที่ขาวราวกับหิมะ มองแวบแรกก็ทำให้รู้สึกหวานเข้าไปในใจ
ประตูถูกเปิดออก สิ่งที่สะดุดตาสิ่งแรกก็คือห้องสมุดของหลิงเล่ ห้องสมุดยังคงโดนแบ่งเป็นสองส่วน
ทางซ้ายก็จะออกแนวผู้ชายหน่อย ใช้สีเงินกับสีครามตกแต่งเป็นหลัก มองไปแค่แวบเดียว ก็ทำให้มู่เทียนซิงนึกถึงแววตาของหลิงเล่ ก็เป็นอารมณ์บรรยากาศประมาณนี้เช่นกัน
ทางขวาก็ค่อนข้างที่จะแบ๊วหน่อย ใช้สีฟ้าอมชมพูทั้งหมดเลยเป็นสีโทนอบอุ่น และยังมีสีเหลืองส้มและสีขาวด้วย มองไปบนโต๊ะยังมีคอมพิวเตอร์รุ่นลิมิเต็ดของ HelloKitty มู่เทียนซิงทนไม่ไหวจึงกล่าว:“เตรียมไว้ให้ฉันหรอ?”
ฉวีซือเหวินยิ้ม:“อาทิตย์ก่อนหลังจากที่คุณได้มา เห็นบอกว่าชอบแนวสีฟ้าของที่นี่ คุณชายสี่ก็เลยสั่งคนมาจัดการ เขาสามารถยอมรับห้องนอนที่เป็นสีฟ้าอมชมพู ตู้เสื้อผ้า เตียงนอน สิ่งของเครื่องใช้ในบ้าน รวมกระทั่งห้องอาบน้ำ แต่ว่าห้องสมุดเป็นห้องที่เขาจริงจังและใส่ใจเป็นพิเศษอย่างมาก เพื่อไม่ให้ทั้งสองสไตล์นี้มันดูขัดกันเกินไป ดังนั้นฝั่งนู้นของเขาก็ได้เพิ่มสีครามลงไปด้วยให้ดูกลมกลืนเข้ากัน”
“ใส่ใจมาก”อารมณ์ที่หงุดหงิดขัดขืนของเธอก็ค่อยๆจางลงไป
เธออยู่ที่บ้านตระกูลมู่ของตนเองห้องสมุดยังไม่สวยขนาดนี้เลย
ทนไม่ได้ที่จะเดินไปดูตรงนู้นที จับตรงนี้ที แล้วได้นั่งลงบนเก้าอี้หนังแท้สีครามโยกไปโยกมา เธอหรี่ตาแล้วพูด:“สบายจริงๆ”
แต่ว่า พอนึกถึงเมิ่งเสี่ยวหลง เธอก็ได้ลุกขึ้นยืน
ฉวีซือเหวินเห็นแววตาที่มีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ ตกใจไปสักแปป แล้วได้พูดต่อว่า:“คุณหนูมู่คะ คุณชายสี่เขาดีกับคุณจริงๆนะคะ”
“อืม อารมณ์ของเขาเย็นร้อนไม่แน่นอน คนทั้งโลกก็รู้”มู่เทียนซิงเดินเข้าไปข้างใน แล้วพูดไปด้วยความที่ไม่ย่อย:“ข้างนึงก็ตบหน้าฉัน ข้างนึงก็ยื่นลูกอมให้ฉัน เอ่ยปากมาก็บังคับฉันจนทางตันไปครึ่งทาง หันหลังอีกทีก็ซื้อนู้นนี้นั้นให้ เขาเห็นฉันว่างเกินไป ตั้งใจจะทำให้อารมณ์ฉันเหมือนนั่งรถข้ามภูเขาอย่างนั้น ทำให้ฉันรู้สึกว่ายังไม่ทันได้ดีใจ ก็เกลียดจนหมั่นเขี้ยว จึงจะยอมปล่อยฉัน”
“ฮ่าฮ่า”ฉวีซือเหวินเปิดประตูสีครามของห้องนอนออก พามู่เทียนซิงเข้าไป ตู้เสื้อผ้าด้านในก็แบ่งเป็นซ้ายขวาเช่นกัน ด้านนึงเป็นสีฟ้าอ่อน ด้านนึงเป็นสีน้ำเงิน
เธอดึงด้านสีฟ้าอ่อนออก แล้วพูดกับมู่เทียนซิง:“คุณหนูมู่ คุณเคยคิดมั้ย ว่าถ้าคนคนนึงไม่ได้สำคัญอะไรกับตนมาก ไม่ว่าเขาพูดอะไรหรือทำอะไร ก็จะไม่ไปกระทบอารมณ์ของคุณเลยนะคะ”