รักครั้งแรกของคุณชายปีศาจ - ตอนที่ 47 ปากนั้น ก่อให้เกิดแต่หายนะจริงๆ
ตอนที่ 47 ปากนั้น ก่อให้เกิดแต่หายนะจริงๆ
“คุณ! ยังต้องการให้ฉันชดใช้ให้คุณ ?”
ดูเหมือนมู่เทียนซิงยิ้มเป็นเชิงเย้ยหยัน“โดยปกติแล้วระหว่างคู่สามีภรรยาถ้ามีเรื่องเข้าใจผิดกัน จะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่พยายามอธิบายทุกอย่างให้ดีที่สุดไม่ใช่เหรอ?”
ตาใสๆอ่อนโยนของหลิงเล่ตกใจอยู่ครู่หนึ่ง และดูเหมือนว่ามีคำบางคำที่ทำให้เขาติดใจ
เดิมทีทั้งห้องรับแขกจะเต็มไปด้วยความตึงเครียด แต่บรรยากาศรอบๆตัวสงบลงเยอะมาก และดูเหมือนว่าโลกจะอยู่ในสายตาอันอ่อนโยนของเขาที่เปลี่ยนเป็นความสงบสุข
มีเสียงกัดนิ้วดึงขึ้นมาจากทางจั๋วซีทันที ซึ่งเขาจ้องมองเธออย่างขะมักเขม้น และยิ้มมุมปากที่เต็มไปด้วยความดีใจ
จั๋วซีจึงออกไปจัดการทันที
จั๋วหรันดึงมือของฉวีซือเหวินมายืนอีกข้างๆ และเงียบสงบเหมือนไม่มีอะไรอยู่เลย
“คนบ้า! คุณหัวเราะอะไร !”
มู่เทียนซิงถูกเขาจ้องจนขนลุก และจิตสำนึกทำให้ทั้งสองมือกอดอกอย่างเตรียมป้องกันแล้วมองเขา!
และผู้ชายบางคนที่เห็นรูปร่างหน้าตาเธอแบบนี้ ก็ยิ้มอย่างมีความหมายลึกซึ้ง“กอดอกจะทำอะไร ตอนนี้กลางวัน ซึ่งตอนกลางวันฉันยุ่งมาก ไม่มีเวลาจะมาต่อสู้อะไรกับคุณ”
มู่เทียนซิงกำปั้นอย่างแน่น และมีแววตาที่ชั่วร้ายเล็กน้อย แต่คิดถึงคำพูดของเขาเมื่อคืนที่พูดเรื่องที่เธอเคยทำ เธอก็ เธอก็กระวนกระวายใจและอยากจะฆ่าคน!
หลิงเล่เข็นรถเข็นมาใกล้ๆเธอ “คุณไม่ต้องกังวลอะไร และก็ไม่ต้องเครียด จริงๆ ตรงนั้นของคุณสวยมากๆ ถึงแม้จะไม่ได้ใส่เสื้อใน รูปทรงก็สวยมากๆ ผมพอใจมากๆ ”
ได้ยินมาว่ามู่เทียนซิงแทบจะบ้าคลั่ง
แม้แต่คู่ของจั๋วหรันก็แทบจะบ้าคลั่งด้วย
พวกคุณรู้แล้วว่า ส่วนใหญ่ถ้าซื่อซ่าวทะเลาะกับคุณหนูมู่ ทั้งสองต่างคนต่างโมโห และส่วนใหญ่ซื่อซ่าวเป็นคนหาเรื่องเอง!
ปากนั้น ไม่พูดจากเจ็บๆ แสบๆ ไม่ก็ได้คืบจะเอาศอก ซึ่งก่อให้เกิดแต่หายนะจริงๆ!
มู่เทียนซิงคิดว่าอยากจะฆ่าหลิงเล่ แต่หลังจากที่พวกเขาขึ้นไปพยายามต่อสู้กันสุดชีวิต และในขณะนั้นเอง มู่เทียนซิงก็ไม่ขยับตัวจากตรงนั้นเลย เงียบสงบอย่างน่าเหลือเชื่อ
มีสายตาที่แสดงความโมโหอย่างมากแต่เธอเก็บอาการไว้ และไม่พูดไม่จาอะไรเลยทันที
หลิงเล่ก็รู้สึกเหมือนเหนือความคาดคิด แล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย และจ้องเธออย่างไม่กะพริบตา
“ซื่อซ่าวท่านกับคุณหนูมู่ ยังไม่ได้ทานอาหารเช้าเลย จะไปทานบุฟเฟ่ต์ของโรงแรม หรือว่าสั่งมาทานในห้องนั่งเล่น?”
จั๋วหรันกลัวว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก จึงรีบเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว
และฉวีซือเหวินก็พูดว่า“คุณหนูมู่ ไม่ว่าซื่อซ่าวจะพูดอะไร พวกเราต้องทำให้ดีที่สุดไม่ว่าจะแย่แค่ไหน เพียงแค่ต้องกินอิ่มและดื่มของดีๆ จะได้มีแรงในการต่อต้าน ใช่ไหม?”
จั๋วหรันปวดหัวเล็กน้อย แล้วมองไปทางภรรยา
แต่ภรรยามองเขาแค่แวบหนึ่ง และไม่ได้สนใจอะไรเลย
ในสายตาของจั๋วหรัน ภรรยาเขายุยงให้คุณหนูมู่ต่อต้านซื่อซ่าวซึ่งทำให้รู้สึกถึงการทำเรื่องไม่ดีและผิดหวังเล็กน้อย
แต่ในสายตาของฉวีซือเหวินมองว่า ถึงแม้ว่าจะเป็นแบบนี้แล้ว การเอาใจคุณหนูมู่ก็สำคัญกว่าการเอาใจซื่อซ่าวมาก และยิ่งไปกว่านั้น คนคนเดียวที่เป็นคนที่สามารถเข้ามาทำลายข้อยกเว้นต่างๆของซื่อซ่าวซึ่งมีแค่คุณหนูมู่ใช่ไหม?
แต่มู่เทียนซิงท้อใจ และค่อยๆก้มศีรษะลง
ภายในดวงตาเธอมีน้ำตาที่เปล่งประกายระยิบระยับอยู่ และเธอก็หยิบกระเป๋าของตัวเอง แต่ในกระเป๋าไม่มีโทรศัพท์กับเอกสารรับรอง
เธอยังคงจับมือไว้แน่น และพูดออกไปอย่างไม่สามารถทำอะไรได้เลยว่า “พวกคุณสี่คน แต่ละคนก็อายุมากกว่าฉัน มีฉันคนเดียว แค่ฉันคนเดียว ที่ทำให้ฉันทรมาน ก็คือการเอาชนะกัน การไม่รู้จักประมาณตน ฉันไม่เถียงด้วยแล้ว และไม่สู้ด้วยแล้ว พวกคุณจะทำยังไงก็แล้วแต่ แต่ฉันเหนื่อยแล้ว อยากจะไปนอนแล้ว”
จมูกถูกเช็ดจนกลายเป็นสีแดง และรอบๆดวงตาก็กลายเป็นสีแดงด้วยเช่นกัน
เมื่อกี้นี้เป็นการทะยาน ป่าเถื่อน และท่าทางที่ดุร้ายของเด็กผู้หญิง ซึ่งเป็นคำพูดเบาๆที่ดูเหมือนกับการถูกทอดทิ้งน่าสงสาร และการเปรียบเทียบแบบนี้ จะทำให้ความรู้สึกที่ทรมาน ยุ่งเหยิงและซับซ้อนนั้นอยู่ในใจเป็นระยะเวลานาน
ฉวีซือเหวินทนไม่ไหวจึงพูดว่า “คุณหนูมู่ ท่านยังโอเคอยู่ไหม?ฉันไปซื้อยาแก้หวัดให้ท่านดีกว่า ท่านมียี่ห้อที่ใช้เป็นประจำไหม?”
เมื่อเดินไปห้องนอน น้ำตาของมู่เทียนซิงก็ไหลออกมา “ไม่รู้ อย่าพูดอะไรกับฉัน ไม่ว่าอะไรก็ไม่ต้องถามฉัน ตอนนี้ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น”
จั๋วหรันมองเธอ และยังคิดว่าเป็นเพราะไข้หวัดที่ค่อนข้างจะรุนแรง จึงทำให้ทนไม่ไหวจนพูดว่า “คุณหนูมู่ ฉันจำได้ว่าครั้งก่อนตอนซื่อซ่าวอยู่ที่บ้านตระกูลมู่ ท่านเอายาแก้หวัดเม็ดสีฟ้าให้เขา ท่านคิดดูดีๆว่าชื่อยาอะไร?”
สุขภาพร่างกายของแต่ละคนแตกต่างกัน บางคนก็มีระดับการแพ้ยาที่ไม่เหมือนกัน และถ้ามีชื่อยี่ห้อที่จะทานอย่างชัดเจน จะดีเอามากๆเลย
มู่เทียนซิงเช็ดน้ำตา และมีเสียงสะอึกสะอื้นขึ้นมา “ฉัน ฉันคิดถึงแม่”
ชื่อยา?
เธอคิดไม่ออกจริงๆ
หลิงเล่กำหมัดทั้งสองมือไว้แน่น และดวงตาที่สว่างใสๆดูเป็นห่วงมากอย่างเห็นได้ชัด“然 หรัน!”
ยาที่เธอกินเป็นประจำ หลิงเล่เคยกินแล้ว ถ้าหากเห็นยี่ห้อยานั้นอีกครั้ง เขาจำได้แน่นอน!
ดังนั้น จั๋วหรันเพียงแค่ไปที่ร้านยาและซื้อยาแก้หวัดสีฟ้ามาทั้งหมดก็ได้!
จั๋วหรันเข้าใจความหมายของหลิงเล่ที่แสดงออกมาทั้งหมด และมองสายตาของภรรยาที่ไม่วางใจเล็กน้อย“ผมไปแป๊บเดี๋ยว เดียวกลัวมา คุณอย่าดื้อล่ะ!”
ฉวีซือเหวินแบะปาก แล้วมองมู่เทียนซิงที่เป็นแบบนี้ ตอนนี้ไม่รู้ว่าจะต้องปลอบใจยังไง“ฉันจะไปเอานมสดอุ่นๆมาให้คุณก่อน ดีไหม?”
เธอส่ายหัว และเดินเข้าไปในห้องนอนแล้วจะปิดประตู แต่พบว่ามีรถเข็นของหลิงเล่ตามมาด้วย ซึ่งอยู่ที่บานประตู จึงทำให้ประตูห้องนอนยังปิดไม่สนิท
เธอทรุดลงอย่างหมดอาลัยตายอยาก โดยที่ไม่ได้คำนึงถึงภาพลักษณ์อะไรเลย พอนั่งลงบนพื้นตรงหน้าเขา ก็ร้องไห้ออกมานักมาก!
ร้องไห้หนักมากจนดังสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่วเลย
หน้าอกของหลิงเล่ขยับไปมาเล็กน้อย และสีหน้าก็ขาวซีดเล็กน้อยด้วย
เธอหลับตา ไม่อยากเห็นใครเลยสักคน แค่อยากจะร้องไห้ ราวกับว่าทำทุกอย่างเพื่อให้ร้องออกมาให้หมด
ผ่านมาสักพักใหญ่ๆ เสียงร้องไห้ของเธอค่อยๆเบาลง เขาจึงถือโอกาสนี้พูดอย่างเบาๆว่า“คุณ คุณคิดจะทำยังไง?”
ประโยคหนึ่งประโยค พร้อมน้ำเสียงที่นุ่มนวลและปลอบโยน แต่กลายเป็นการจุดไฟความโมโหของเธอโดยสิ้นเชิง!
“ฮือฮือ~ฉันคิดถึงแม่ ฉันอยากกลับบ้าน แต่ฉันกลับไม่ได้แล้ว! ฉันอยากจะนอนหลับ อยากจะพักผ่อน แต่คุณไม่ปล่อย! ฉันอยากยอมรับชะตาชีวิต ที่จะแต่งงาน แต่คุณกลับนอกใจ! ฉันอยากจะปล่อยไป ไม่อยากทำให้คุณเสียหน้าจริงๆ หรือว่าต้องตรวจดูกล้องวงจรปิดเพื่อความชัดเจน แต่คุณก็ต้องการให้ฉันชดใช้ให้คุณ! ฮือฮือ~ฮือฮือ~! ฉันเพียงแค่อยากจะเมาสักครั้ง แค่ครั้งเดียว คุณยังฉวยโอกาสดูถูกฉัน! คุณมันโง่! ฮือฮือ~”
“คุณ หยุดร้องได้แล้ว~”
“คนเลว! ฮือฮือ~ไม่ว่าฉันคิดจะทำอะไร คุณก็จะทำลายมันทั้งหมดแน่นอน! ตั้งแต่ที่ได้รู้จักคุณมา แทบทุกวันที่ฉันต้องร้องไห้! และหลังจากรู้จักคุณ ฮือฮือ~ฉันรู้สึก ฮือฮือ~ฉันรู้สึกว่ารู้จักคุณมาไม่กี่วัน ก็เหมือนผ่านไปสักหนึ่งศตวรรษ มันนานมากๆ! ฮือฮือ~”
“เทียนซิง~”
“คุณ นี้เป็นการทำร้ายจิตคุณรู้ไหม? ฉัน มองโลกในแง่ดีขนาดนี้ ยังถูกคุณคุกคามจนแทบบ้า ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น คงบอกไม่ได้ว่าฆ่าตัวตายไปนานแค่ไหนแล้ว! ฮือฮือ~ฉันแทบจะบ้าแล้วจริงๆ ทำไมคุณถึงทรมานฉันได้ขนาดนี้? ฮือฮือ~ตรงไหนที่ฉันไม่คู่ควรกับคุณเหรอ? ฮือฮือ~ทำไมคุณถึงไม่ทำดีหรือดูแลฉันบ้างล่ะ?”
“ฉัน ไม่ใช่ เทียนซิง”
เสียงของชายบนรถเข็นแทบจะหยุดชะงัก เมื่อเด็กผู้หญิงบนพื้นโถมตัวเข้ามาทางเขา และผลักรถเข็นออกไปอย่างสุดแรง!
แต่ว่า เธอยังไม่ได้ผลักครั้งที่สอง และปิดตาทั้งสองข้างลง แล้วทั้งตัวเธอก็อ่อนและฟุบลงบนพื้น!
หลิงเล่รีบคว้าเธอเอาไว้ทันที มือใหญ่ๆลูบแก้มของเธอ ก็รู้สึกได้ทันทีเลย“ร้อนมาก! คุณมีไข้!”