รักครั้งแรกของคุณชายปีศาจ - ตอนที่ 48 เธอเป็นของฉัน
ตอนที่ 48 เธอเป็นของฉัน
หนีหย่าจูนพาหมอมาถึงโรงแรม ประตูห้องหนังสือก็เปิดออก สังเกตอย่างตั้งใจ ก็จะเห็นภาพด้านข้างๆ คือหลิงเล่นั่งอยู่บนรถเข็น
เขาก้มลงมองความสวยงามบนโลกที่อยู่นอกหน้าต่าง และแสงสว่างที่มีความนุ่มนวลอบอุ่น ซึ่งอธิบายไม่ได้ว่าจะอ้างว้างหรือเหงา
“เมื่อคืนตอนมาส่ง ไม่ใช่ว่ายังดีๆอยู่เหรอ?”
หนีหย่าจูนยักคิ้วขึ้นเบาๆ และคิดขึ้นมาได้ว่าเด็กผู้หญิงเมื่อคืนได้ก่อความวุ่นวายขึ้นมา แล้วรู้สึกว่าร่างกายเธอไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
หลิงเล่ไม่ตอบและไม่ขยับ
หนีหย่าจูนจนปัญญา จึงหันกลับมามองหมอ“ไปกันเถอะ พวกเราไปดูก่อน ยังไงก็ค่อยว่ากัน”
“ได้ คุณชายหนี”
หนีหย่าจูนกำลังจะเดินออกไป แต่หยุด แล้วมองหลิงเล่ “คุณไม่ไปดูเหรอ?”
หลิงเล่กะพริบตาซ้ำไปซ้ำมา แต่ด้วยองศานั้นจึงไม่มีใครเห็น และพูดด้วยคำพูดที่นุ่มนวลว่า“เธอไม่อยากเจอฉัน”
หนีหย่าจูนส่ายหัวและยิ้มเจื่อนๆ แล้วเดินออกไป
ภายในห้องนอน——
มู่เทียนซิงนอนอย่างนิ่งๆเงียบๆ และหลังจากที่เธอถูกหลิงเล่ทำให้โกรธจนเป็นลมไปสองสามนาทีก็ตื่น แต่ไม่สามารถลืมตาและลุกขึ้นมานั่งได้ โดยรวมแล้ว การมีไข้สูงส่งผลกระทบต่อเธอ ทำให้เธอไม่มีแรง
จามครั้งหนึ่งก็รับกระดาษมาแผ่นหนึ่ง ซึ่งกระดาษทิชชูกล่องใหญ่กำลังจะถูกเธอใช้หมด
บนหน้าผากได้ติดแผ่นเจลลดไข้ที่ฉวีซือเหวินซื้อมา
จั๋วหรันซื้อยาแก้หวัดกลับมาจำนวนหนึ่ง ทั้งหมดนั้นได้วางไว้บนตู้หัวเตียง เพราะว่าไม่มียาเม็ดสีฟ้า ดังนั้นยาที่เหลือยังไม่ได้ให้หมอดู จึงไม่มีใครกล้าที่จะป้อนให้เธอ
จั๋วซีได้คัดลอกคลิปวิดีโอในกล้องวงจรปิดแล้ว และอยากจะเอาให้มู่เทียนซิงดู แต่ยังไม่มีโอกาส
หมอได้เอาอุปกรณ์ฟังเสียงหัวใจของแพทย์มาฟัง แถมยังตรวจพบทอนซิลของเธอด้วย และสอบถามอาการของเธอเล็กน้อย แล้วในที่สุดก็พูดว่า“ไข้หวัดใหญ่ ค่อนข้างจะรุนแรง ต้องฉีดยาเข้าเส้นเลือด ไม่อย่างนั้นเร็วๆนี้เธอจะปวดตรงบริเวณลำคอมากๆ แม้แต่น้ำก็ดื่มไม่ได้
หนีหย่าจูนไม่กล้าตัดสินใจเองได้ จึงส่งสายตาให้จั๋วหรัน
จั๋วหรันไปห้องหนังสือทันที และไม่นานเขาก็กลับมา พร้อมพูดกับหนีหย่าจูนว่า“ความหมายของซื่อซ่าวคือ สรรพคุณของยารักษาโรคดีที่สุด ผลข้างเคียงน้อย และเห็นผลได้เร็ว ซึ่งจะทำให้อาการป่วยของคุณหนูมู่ลดลงได้เร็วด้วย”
“นั้นคือธรรมชาติ”คุณหมอพยักหน้า และเตรียมนำยาส่งให้มู่เทียนซิง
เมื่อมาถึง หนีหย่าจูนยังพูดกับเขาว่า น่าจะเป็นเพราะไข้หวัด ดังนั้นยาที่ใช้สำหรับอาการของโรคเป็นประจำเหล่านี้ เขาจึงเอามาทั้งหมด
“ต้องทดสอบภูมิแพ้ผิวหนังก่อน”
คุณหมอยิ้มเล็กน้อย และเอาเข็มฉีดยาหลอดสีฟ้าเล็กๆออกมา พร้อมพูดกับมู่เทียนซิงว่า“เด็กน้อย อดทนหน่อยนะ ไม่นานหรอก”
ใบหน้าเล็กๆของมู่เทียนซิงแดง และมีน้ำตาคลอเต็มตาทั้งสองข้าง
เธอส่ายหัวอย่างต่อต้าน“เอาเข็มฉีดยาฉีดเข้าเส้นเลือดมาได้เลย ฉันไม่แพ้ยาอะไรทั้งสิ้น! ไม่ต้องทดสอบภูมิแพ้ผิวหนังหรอก!”
ทดสอบภูมิแพ้ผิวหนังนั้นเจ็บมากกว่าการฉีดยาเข้าเส้นเลือดอีก!
ตั้งแต่เล็กจนโต สิ่งที่เธอกลัวที่สุดคือการทดสอบภูมิแพ้ผิวหนัง
ฉวีซือเหวินกับจั๋วซีต่างพูดโน้วน้าวเธอ แต่มู่เทียนซิงก็ไม่ยอม
เธอดึงผ้าห่มมาห่มตัวเธอไว้อย่างมิดชิด และไม่ให้ใครหน้าไหนเข้าใกล้ เหลือไว้เพียงแค่ ใบหน้าเล็กๆไว้ด้านนอกเพื่อหายใจ และยังพูดอีกว่า“จริงๆนะ ฉันไม่แพ้ยาอะไรเลย!”
หนีหย่าจูนหัวเราะออกมาและพูดว่า“เมื่อคืนตอนเห็นคุณที่ร้านเหล้า ยังคิดว่าคุณไม่กลัวอะไรเลยสักอย่างเดียว เพราะไม่อย่างนั้นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง จะกล้าไปเมาในที่แบบนั้นคนเดียวตอนดึกๆได้ยังไง? แล้วดูตอนนี้สิ ความกล้าหาญของคุณก็ได้แค่นี้เอง”
มีเสียงที่ไม่คุ้นเคยค่อยๆดังขึ้นมา มู่เทียนซิงขมวดคิ้วแล้วหันไปมอง แต่เหมือนใช้เวลาคิดนานมาก และจู่ๆก็คิดออกขึ้นมา “คุณคือพี่ชายคนเมื่อคืนเหรอ?”
“เหอๆ ยังดีที่จำผมได้ ผมเองที่อุ้มคุณกลับมา”
เสียงของหนีหย่าจูนเพราะมาก และอายุน้อยกว่าหลิงเล่หลายปี เขาเห็นมู่เทียนซิงจำเขาได้ จึงนั่งลงข้างๆเตียง พร้อมกับพูดเกลี้ยกล่อมและดึงผ้าห่มเธอออก “เด็กดี ก็แค่การทดสอบภูมิแพ้ผิวหนังเท่านั้นเอง ซึ่งนี่คือขั้นตอนที่จำเป็น สามารถรักษาอาการป่วยได้เร็วขึ้น กลับบ้านได้เร็วขึ้น และยังไปเจอแม่ได้เร็วขึ้นอีกด้วย”
กลับบ้าน?
เจอแม่?
มู่เทียนซิงก็หยุดต่อต้านในทันที
หนีหย่าจูนยิ้มออกมาอย่างอบอุ่นและพูดว่า “ฉันจะช่วยปิดตาคุณ คุณไม่ต้องดู ก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น ในทุกๆปีซื่อซ่าวจะอยู่เมือง H สองสามวัน ซึ่งถ้าคุณลากร่างกายที่มีอาการป่วยนี้กลับไป แม่คุณจะกังวลใจและเป็นห่วงมาก”
มู่เทียนซิงตาแดง และใบหน้าที่วอนขอมองไปทางเขา “คุณ คุณสามารถพูดกับหลิงเล่ หลังจากที่กลับไปเมือง M ให้ฉันพักในบ้านได้ไหม?ฉันอยากจะอยู่ในบ้านของฉันเอง ซึ่งในบ้านมีพ่อกับแม่อยู่”
หนีหย่าจูนชะงักเล็กน้อย จ้องมองเธออย่างน่าสงสาร แล้วยิ้มเล็กน้อย“ไม่ว่ายังไง ฉันสัญญากับคุณ! ถ้าเขาไม่ยอม ฉันก็จะแอบพาคุณออกมา และส่งคุณกลับไปหาพ่อกับแม่อีก!”
“ขอบคุณ!”
“เด็กดี ตอนนี้จะต้องทดสอบภูมิแพ้ผิวหนังแล้วนะ”
“อื้ม”
ชั่วครู่หนึ่ง ——
มู่เทียนซิงทานโจ๊กถ้วยเล็กๆ แล้วนอนพัก
ได้ฉีดเข็มฉีดยาลงบนหลังมือของเธอเสร็จแล้ว และฉวีซือเหวินก็อยู่ข้างๆเป็นเพื่อนเธอตลอด
หนีหย่าจูนเห็นว่าไม่มีปัญหาอะไร จึงเดินไปห้องหนังสือของหลิงเล่
เมื่อประตูถูกเปิด จั๋วหรันกำลังยืนอยู่ข้างๆหลิงเล่ ซึ่งดูเหมือนกำลังรายงานอะไรบางอย่าง หนีหย่าจูนยิ้มออกมา และพูดออกมาว่า“ข่าวของบ่ายวันนี้ เจียงเป่ยได้จัดงานสมาคมเครื่องดนตรีขึ้นมาใหม่โดยสมาคมการค้า ซึ่งเป็นแรงผลักดันที่ดีมาก แต่ทันใดนั้นสองในสามของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมถูกเครื่องดนตรีห้วนเทียนซื้อกิจการไป เหลือแค่ห้าหกแห่งใหญ่ๆเท่านั้น
หลิงเล่ไม่พูดอะไร
หนีหย่าจูนยิ้มอย่างเย้ยหยัน “ความอยากอาหารของคุณมีมากพอควรเลยนะ”
“เธอเป็นของฉัน”
เสียงเบาๆที่มาพร้อมกับการครอบครองความร้ายกาจและความรุนแรง เขาเข็นรถเข็นกลับมา เผชิญหน้ากับหนีหย่าจูน“ผู้ชายทุกคนไม่ได้ คุณก็ไม่ได้!”
หนีหย่าจูนอยากจะหัวเราะ เพราะเขายังไม่ได้รู้สึกอะไรกับมู่เทียนซิงเลยจริงๆ
หนึ่ง ตอนนี้เขายังไม่คิดที่จะคบกัน
สอง ยากที่จะยอมรับเมื่อรู้ว่าเธอเป็นพี่สะใภ้ของตนเอง และจะให้รู้สึกอะไรกับเธอได้ยังไง?
เขาก้าวไปข้างหน้า ก้มลง แล้วยิ้มตาตี่ๆให้หลิงเล่ “คุณหึงอย่างไม่มีเหตุและผล เธอไม่ยอมให้ความร่วมมือกับหมอ แล้วคุณก็ไม่ได้อยู่ดูข้างๆนี้ ถ้าผมไม่ดูแลอีก จะให้เธอป่วยอยู่แบบนี้เหรอ?”
หลิงเล่ใช้สายตาที่เฉียบแหลมมองไปทางเขา พร้อมกับการสอดแนม
หนีหย่าจูนยิ้ม “พี่สะใภ้หลับอยู่ คุณไม่ไปดูเหรอ?”
หลิงเล่ไม่พูดอะไร
หนีหย่าจูนพูดออกมาอีกว่า “ฉันได้ยินมาว่า คุณที่เป็นสุภาพบุรุษร่างใหญ่และเอาแต่บีบคั้นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คุณไม่อายบ้างเหรอ?”
หลิงเล่ไม่พูดอะไร
หนีหย่าจูนถอนหายใจเบาๆ“หมอบอกว่า อารมณ์ของเธอแปรปรวนมากเกินไป จึงส่งผลกระทบต่อภูมิคุ้มกันในร่างกาย และบวกกับเป็นหวัดคัดจมูก ฝ้าที่ลิ้นเธอขาวมาก น่าจะเป็นเพราะหนาว แต่คุณก็ไม่ต้องกังวล เมื่อถึงเวลาที่พวกคุณจะกลับไป เธอก็ใกล้จะหายดีแล้วล่ะ”
เมื่อคิดถึงสิ่งที่เด็กผู้หญิงได้พูดไว้ เมื่อเช้าเธอตื่นขึ้นมาบอกว่าเมื่อคืนไม่ได้ห่มผ้าเลยทั้งคืนและหนาวทั้งคืน สีหน้าของหลิงเล่ก็เริ่มไม่ค่อยดีนัก
หนีหย่าจูนไม่เข้าใจว่าทั้งคู่กำลังเล่นอะไรเกี่ยวกับความรักกันอยู่ แล้วหันกลับมาพูดว่า“ปู่บอกว่า ให้ผมตามคุณไปที่เมือง M สักระยะเวลาหนึ่ง เพื่อให้มีประสบการณ์มากขึ้น และฉันวางแผนว่าจะเปิดร้านเครื่องประดับเพื่อสำรวจตรวจตราที่เมือง M ก่อน สำรวจจำพวกที่ดิน ที่ตั้งร้าน หรือตลาดอะไรเหล่านี้ เพราะฉันยังไม่คุ้นเคย และไม่รู้จักเส้นทางที่นั่น จึงอยากจะให้คุณช่วย”
หลิงเล่พยักหน้า “อื้ม”