รักครั้งแรกของคุณชายปีศาจ - ตอนที่ 53 เด็กน้อย กล้าหาญมาก
ตอนที่ 53 เด็กน้อย กล้าหาญมาก
“คุณกำลังทำอะไร?”หลิงเล่ขมวดคิ้วโดยไม่มีความสุข“ผมไม่ต้องการให้คุณมาสงสารผม มู่เทียนซิง ขอความกรุณาอย่ามาเสแสร้งทำเป็นสงสารต่อหน้าผม”
เธอเช็ดน้ำตา แล้วลุกขึ้นถอยหลังไปสองก้าว
ตระกูลมู่กับตระกูลเมิ่งเป็นตระกูลที่คบกันมาหลายชั่วคน และแน่นอนว่าหลิงเล่ใช้อำนาจบาตรใหญ่ที่พาตัวเองออกไป และยังไม่ปล่อยกลับมา บวกกับความรู้สึกของเมิ่งเสี่ยวหลงที่มีให้กับตัวเอง ดังนั้นหลังจากที่ตัวเองออกไป พวกเขาได้ปรึกษาหาวิธีเป็นการส่วนตัว ทำให้หลิงหยวนเสนอเรื่องถอนหมั้นขึ้นมาเอง
เธอรู้ว่า พ่อแม่ พ่อแม่ของตระกูลเมิ่ง และรวมทั้งเมิ่งเสี่ยวหลง ตั้งใจจะทำเพื่อเธอ
เธอก็รู้ด้วยว่า กว่าจะพยายามทำให้ได้มาถึงขนาดนี้ ตระกูลมู่กับตระกูลเมิ่งหมดไปเยอะพอสมควร
เมื่อหันกลับมา เธอรู้สึกถึงความเจ็บปวดนั้นอย่างชัดเจน
แต่เขาบอกแล้วว่า เขาไม่ต้องการให้ตัวเองมาสงสารเขา
งั้นเธอก็ควรจะทำเพื่อความสุขของตัวเอง กลับบ้านไปใช่ไหม?
จั๋วซีเข็นหลิงเล่เข้าไปในห้องนอน และหลังจากนั้น 20 นาที ในอากาศก็เต็มไปด้วยกลิ่นหอมจางๆของครีมอาบน้ำ หลิงเล่เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกมา
แต่ยังใส่เสื้อเชิ้ตสีดำล้วนๆ
เหมือนผมของเขา ตาของเขา
มู่เทียนซิงหยุดร้องไห้แล้ว
นั่งอยู่บนโซฟาและรอบๆดวงตาเธอแดงเล็กน้อย ฉวีซือเหวินพูดหลายครั้งว่าจะต้องไปส่งเธอ แต่เธอไม่ยอม
ตอนนี้ ทุกคนในห้องไม่รู้ว่ามู่เทียนซิงกำลังคิดอะไรอยู่
เมื่อหลิงเล่ออกมา เงยหน้าขึ้น ก็เห็นมู่เทียนซิงและคาดไม่ถึงว่ายังอยู่ที่นี่ จึงทำให้ตาดำๆนั้นสว่างขึ้นมาอย่างตกใจเล็กน้อย และประหลาดใจที่ยังหลบซ่อนอะไรอยู่ตรงนั้น
เขาหันไปมองฉวีซือเหวิน
ฉวีซือเหวินพูดออกไปอย่างลำบากใจ“คุณหนูมู่ ไม่ยอมกลับ”
หลิงเล่เงียบไม่พูดอะไร
“อา~”เมื่อมู่เทียนซิงเห็นเขาออกมา จึงลุกขึ้นจากโซฟาแล้วมองเขา“ไม่ว่าจะได้แต่งหรือไม่แต่งงานกัน และในเมื่อฉันมาแล้ว ก็ไปดูคุณป้าด้วยกันเถอะ ถึง ถึงจะไม่ได้บอกว่าสะใภ้ของลูกชายต้องไปไหว้บรรพบุรุษผู้ล่วงลับ แม้ แม้ว่าจะไม่ได้เป็นสามีภรรยากัน แต่ก็เป็นเพื่อนที่ดีได้ อา ฉันอยากไปจริงๆ”
จั๋วซีมองมู่เทียนซิงแวบหนึ่งอย่างสงสาร และพูดขอร้องเบาๆว่า “ซื่อซ่าวให้คุณหนูมู่ไปด้วยกันกับพวกเราเถอะนะ”
แต่หลิงเล่จับคำพูดของมู่เทียนซิงไว้ แล้วพูดว่า “ฉันไม่มีเพื่อน และก็ไม่เคยให้คุณเป็นเพื่อน”
เธอนิ่งอึ้งไป และใบหน้าเล็กๆก็ซีดขาว!
กัดนิ้วเล็กน้อย แล้วหลิงเล่ให้จั๋วซีเข็นตัวเองออกไป
จั๋วหรันหยิบขวดเหล้าแชมเปญนั้นขึ้นมา และก็ตามออกไป
“อา!” มู่เทียนซิงมองหลังของหลิงเล่ที่กำลังออกไป และตะโกนออกไปอย่างไม่เต็มใจ แต่เขากลับพูดว่า“ถ้าไม่รีบออกไปแบบนี้ งั้นก็รออยู่ที่นี่แหละ”
ไม่ว่ายังไง เขาก็ไม่ให้เธอไปด้วยแล้ว
และมู่เทียนซิงร้องไห้อีก
เกลียดมากจริงๆ ตลอดทั้งชีวิตของเธอที่ได้ร้องไห้มา ก็ไม่เท่ากับที่ร้องไห้ตั้งแต่ได้รู้จักหลิงเล่ในไม่กี่วันมานี้!
เธออยู่ต่อ และฉวีซือเหวินก็อยู่ดูเพื่อนดูแลเธอ
แต่ เมื่อฉวีซือเหวินเตรียมจะปิดประตูใหญ่ในห้องชุดลง ซึ่งไม่รู้ว่ามู่เทียนซิงไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน เธอจึงผลักออกไป แล้วก้าวเท้าไปทางที่หลิงเล่กำลังจะออกไป!
ซึ่งเป็นแรงผลักดันเพียงอย่างเดียว และดูเหมือนเป็นการต่อสู้ของกระทิงที่สเปนยังไงยังนั้นเลย กล้าหาญมาก!
เมื่อเธอมาถึงหน้าลิฟต์ ก็พบว่าหลิงเล่กับพวกเขาลงไปข้างล่างแล้ว
เธอจำใจต้องไปดูลิฟต์ตัวอื่น และทุกตัวก็ต้องรอนานมากๆ
เธอรีบลงบันไดไปอย่างหงุดหงิดใจ แต่เธอเพิ่งจะก้าวไปได้แค่สองก้าว ก็พบว่าถ้าใส่รองเท้าส้นสูงลงบันไดไปไม่น่าจะสะดวก!
กัดฟัน และเธอถือโอกาสนี้ถอดรองเท้าออก แล้วเดินลงบันไดไปด้วยเท้าเปล่าๆขาวๆ
ทั้งหมด 28 ชั้น!
เมื่อพวกเขากับหลิงเล่ออกมาจากห้องโถงใหญ่ของโรงแรม ฉวีซือเหวินก็โทรเข้ามา
จั๋วหรันรับสาย“ฮัลโหล มีอะไร?”
ฉวีซือเหวินพูดออกไปอย่างร้อนใจว่า“คุณหนูมู่กำลังตามไป! คุณถ่วงเวลาไว้หน่อย อย่ารีบให้ซื่อซ่าวขึ้นรถ! ถ่วงเวลาอะ!”
จั๋วหรันขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วมองจั๋วซีที่กำลังเข็นหลิงเล่อยู่ด้านหลังอย่างปวดหัวเล็กน้อย“ผมจะถ่วงเวลาได้ยังไงเนี่ย?”
“แค่สอง สามนาทีน่าก็โอเค! แต่ถ้าคาดว่าไม่ใช่สองหรือสามนาที!”ฉวีซือเหวินพูด“ฉันตามเธอไปถึงบนทางเดิน แต่พบว่าเธอเดินลงบันไดไปแล้ว!”
บันได?
สูดหายใจเข้า ออก วิ่งลงบันได 28 ชั้น?
ในที่สุดจั๋วหรันก็ยอม“โอเค ผมจะพยายาม”
เมื่อคุยโทรศัพท์กับภรรยาเสร็จแล้ว เขาก็รีบเดินเข้าไป ขวางหลิงเล่กับจั๋วซี พร้อมกับใบหน้าที่ลุกลี้ลุกลน“ซื่อซ่าวเมื่อกี้ฝ่ายบริการลูกค้าของโรงแรมมาหาผมเพื่อบอกเรื่องบางเรื่อง ซึ่งดูเหมือนว่าค่ามัดจำจะมีปัญหา”
“ห๊ะ?” จั๋วซีไม่พูดอะไร“พวกเราไม่ได้เป็นสมาชิกของโรงแรมหรอกเหรอ? แล้วจ่ายเงินประจำปีในบัตรก็จ่ายล่วงหน้า แล้วยังมีปัญหาตรงไหนอีก? ”
จั๋วหรันมองพี่ชายโดยไม่พูดอะไร แต่บอกใบ้ด้วยท่าทางว่าให้เขาหุบปาก!
แต่หลิงเล่ฉลาดมากพอ มองแค่แวบเดียวก็ดูออกว่ามีเงื่อนงำ!
มองไปอย่างคาดเดาอะไรไม่ได้เลย และเขาจ้องจั๋วหรันอย่างไม่ดีใจเลย!
จั๋วหรันยอมที่จะเสีย แล้วสายตาก็มองไปทางบันไดเรื่อยๆ และยังยืนอยู่ตรงนั้นไม่ไปไหนพร้อมพูดว่า “รออีกแค่สอง สามนาทีก็ได้นะซื่อซ่าว”
จั๋วซีถามไปอย่างรวดเร็ว“พี่ นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
จั๋วหรันกำลังจะพูด แต่มีเสียงผู้หญิงดังเข้ามาในห้องโถงใหญ่ “อา! จั๋วซี! รอก่อน! รอแป๊บ!”
นั่นคือเสียงของมู่เทียนซิง!
หลิงเล่แข็งทื่อไปทั้งตัวอยู่ครู่หนึ่ง จั๋วซีหันหลังกลับไปดู ก็คาดไม่ถึงเมื่อเห็นว่ามู่เทียนซิงวิ่งออกมาจากประตูที่บันไดตรงนั้น!
“รอฉันด้วย อีกแป๊บเดียว!”
มู่เทียนซิงวิ่งออกมา แล้วโค้งตัวอยู่ด้านหน้าของหลิงเล่ และจับหน้าอกพร้อมกับหอบเหนื่อยมากๆ“อะ อา ยังดีที่ตามทัน”
หลิงเล่ไม่พูออะไร
เท้าขาวๆของเธอเป็นสีดำขลับ และรู้สึกว่านิ้วเท้าของเธอเป็นสีเทาเล็กน้อย ในมือเธอยังถือรองเท้าส้นสูงของหน้าหนาวหนึ่งคู่ แล้วมีผมเปียหางม้าตรงๆ หลวมๆ แต่จอนผมทั้งสองข้างแตกและยุ่งมากๆ
อาจจะเป็นเพราะเป็นหวัด จึงทำให้มู่เทียนซิงหายใจไม่ค่อยสะดวก
“คุณหนูมู่ ท่านวิ่งลงมาจากชั้น 28? จั๋วซีลืมตากว้าง ไม่อยากจะเชื่อ“ท่าน ท่านมีจิตใจที่แน่วแน่จริงๆ”
มู่เทียนซิงไม่สนเรื่องพวกนี้ มองแต่หลิงเล่แล้วพูดว่า“ฉันอยากจะไปหาคุณป้าด้วยกันกับคุณจริงๆนะ”
หลังจากพูดจบ มือเล็กๆของเธอก็ถูกลากอย่างแรง แล้วร่างกายก็เอียงและจะตกลงโดยไม่ได้ตั้งใจ เมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะล้ม จึงใช้แขนข้างหนึ่งรับแล้วโอบเอวเธอไว้ แล้วเอาเธอเข้ามาในอ้อมกอด
หลังจากหันกลับมา เหมือนโลกของมู่เทียนซิงหยุดหมุนไปแล้ว
คาดไม่ถึงว่าเธอจะเห็นตัวเองนั่งขวางอยู่บนขาทั้งสองข้างของหลิงเล่ แล้วแขนขาวๆเล็กๆของตัวเองก็อยู่บนคอของเขา และแก้มสีชมพูก็ติดอยู่ที่หน้าอกของเขา
สิ่งที่หลิงเล่ได้ทำไปเมื่อกี้ทั้งหมดเป็นเพราะการแสดงออกมาด้วยความเป็นธรรมชาติ ลื่นไหลไปเอง
มู่เทียนซิงมองอย่างไม่สบายอกสบายใจ แล้วกระซิบเบาๆว่า“คุณ คุณดึงผู้หญิงมานั่งบนตักบ่อยไหม ทำไมดูชำนาญขนาดนี้?”
หลิงเล่ไม่พูดอะไร
เธอโกรธ“ฉันวิ่งลงมาขนาดนี้แล้ว คุณจะไม่พูดกับฉันสักคำเลยเหรอ?”
หลิงเล่ก็ยังไม่พูดอะไร
มู่เทียนซิงโกรธจนแทบจะกระโดดจากขาของเขาลงมา แต่จั๋วหรันอมยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า“คุณหนูมู่ซื่อซ่าวเป็นใบ้ ถ้าท่านจะให้เขาพูดออกมา แบบนี้จะเป็นการบีบบังคับให้ลำบากใจไปไหม?”