รักครั้งแรกของคุณชายปีศาจ - ตอนที่ 55 ที่จริงแล้วคุณอยากจะแต่งงานกันฉันขนาดนี้เลย
ตอนที่ 55 ที่จริงแล้วคุณอยากจะแต่งงานกันฉันขนาดนี้เลย
เห็นเธอไม่พูดอะไร หลิงเล่จึงใช้นิ้วชี้หมุนๆวนๆอยู่ในมือเล็กๆสีชมพูของเธอ
ความรู้สึกที่เป็นคนสำคัญนั้น กับสายตาที่อ่อนโยนของเขาได้กระจายไปทั่วทั้งหัวใจของเธอ ซึ่งเป็นการดึงดูดที่ไม่มีเสียง
มู่เทียนซิงเม้มปาก แล้วเปิดตาเล็กน้อยแต่ไม่มองเขา และกำลังจะพูดอะไรออกไป แต่ผู้ชายข้างๆก็พูดมาก่อนว่า “คิดออกแล้วก็ตอบมา ! อยากไปไหม?”
ถามคำถามซ้ำอีกครั้ง พร้อมกับใช้เสียงสูง เธอจึงเข้าใจในทันที
ถ้าหากเขาไม่ต้องการให้ตัวเองตามไป ก็จะออกคำสั่งให้จั๋วหรันไปส่งเธอที่โรงแรมแล้ว ในเมื่อเปิดปากถามเธอ งั้นก็ถือเป็นการมอบอำนาจการตัดสินใจให้เธอเลือก
จนกระทั่ง เขาเตือนสติเธอ ว่าการไปทานข้าวมื้อนี้มีความหมายพิเศษ!
ดูเหมือนว่าจะเคารพการตัดสินใจของเธอและไม่เข้าไปก้าวก่าย แต่เขายังเฝ้ารออย่างระมัดระวัง และถึงตอนนี้ก็ยังไม่ยอมปล่อมมือของเธอ
มู่เทียนซิงอยากจะยิ้มออกมาทันที เพราะรู้สึกมีความสุขมากๆ
เมื่อก่อนเขายึดตัวเองเป็นที่ตั้ง ทำให้เธออยากจะหนี แต่ตอนนี้เขาให้โอกาสตัวเองได้เลือก แต่เธอก็หวังว่าเขาจะใช้อำนาจเพื่อรั้งไว้
หูของเธอแดง เพราะถูกสายตาแวววาว หวานหยาดเยิ้ม เปล่งประกาย พร่างพราวของเขา และทำให้ใบหน้าทั้งหน้าซ่อนความรู้สึกที่เป็นแรงผลักของสาวที่เพิ่งจะรู้สึกถึงความรัก พูดว่า“ถ้า ถ้าไปมือเปล่าๆแบบนี้ดูไม่ค่อยเหมาะสมไหม? ได้ยินมาว่าหนึ่งปีคุณมาแค่หนึ่งครั้ง พวกเราควรจะไปซื้อของขวัญก่อนดีไหม?”
เสียงของมู่เทียนซิงยิ่งพูดยิ่งเบาลง แล้วมุมปากของผู้ชายข้างๆก็กำลังอมยิ้มอยู่ ซึ่งยิ่งยิ้มก็ทำให้ยิ่งกว้างขึ้น
มือใหญ่ๆจับแน่นกว่าเดิม ซึ่งเหมือนว่าความสุขกับแสงสว่างทั้งโลกอยู่รวมกันในนั้น
“ได้! อยากจะซื้ออะไร? แล้วแต่คุณเลย!”
หลิงเล่พูดจบ จั๋วหรันก็หันไปมองเวลา ซึ่งตอนนี้ 10 โมง 15 นาที ถ้าไปแถวๆเขตเมืองซื้ออะไรนิดๆหน่อยๆก็ยังทันอยู่
จั๋วซียิ้มแหยๆออกมา เป็นรอยยิ้มที่มีความเศร้า และเหมือนจะอยากร้องไห้แปลกๆด้วย
จั๋วหรันสังเกตเห็นน้องชายมีพฤติกรรมแปลกๆ และมองแวบเดียวไม่หายใจ!
จั๋วซีหันกลับไปมองพี่ชายแวบหนึ่ง สายตานั้น ฟ้องออกมาโดยไม่พูดอะไร ฉันไม่หายใจ ไม่หายใจ ไม่หายใจ แล้วจะยังไงล่ะ ?ในที่สุดข้างๆซื่อซ่าวก็มีคนที่ทำให้ถูกใจได้! แถมยังเป็นคนที่ซื่อซ่าวชอบ!
และมือเล็กๆก็ดึงออกมาจากมือใหญ่ๆนั้นทันที
แล้วหลิงเล่หันไปมองทางเธอในทันที ซึ่งแม้แต่รูม่านตายังหดเลย!
และเด็กน้อยก็ล้วงโทรศัพท์ออกมา แล้วเริ่มค้นหาข้อมูลอะไรบางอย่าง
เขาหรี่ตามอง แล้วเห็นปลายนิ้วของเธอที่พิมพ์ออกไปอย่างคล่องแคล่วไปบ้านพ่อแม่ของสามีครั้งแรกต้องซื้อของขวัญอะไรถึงจะดี?
อาจจะเพราะสนใจและทุ่มเทในการค้นหาผลลัพธ์นั้นมากเกินไป จนเธอลืมเอียงโทรศัพท์ไปอีกทาง ซึ่งแค่หันมาตรงหน้าของตัวเอง โดยรู้ว่ากลบเกลื่อนไม่อยู่แต่ก็ยังดันทุรังจะทำ หลิงเล่มองไม่เห็นหน้าของตัวเอง และมองไม่เห็นเนื้อหาบนโทรศัพท์
แต่จงใจที่จะถือโอกาสตอนพูดนี้เอียงตัวเข้าไป “แท้จริงแล้วคุณอยากจะแต่งงานกันผมมากขนาดนี้ ถ้ารู้ตั้งแต่แรก แล้วทำไมคุณถึงยังจะดื้อรั้นอีกล่ะ? แค่จะก่อเรื่องไปสุ่มสี่สุ่มห้าใช่ไหม?”
เธอหัวเราะเยาะเบา และไม่สนใจ
เขาพูดอีกว่า“คุณอะ ก็แค่ซนเหมือนลิงที่ก่อแต่ความวุ่นวาย แล้วความจริงก็คือหนีผมไม่ได้ ถ้าชอบผมก็บอกตรงๆ ผมไม่ใช่คนที่จะเข้าหายากหรอกนะ”
ในที่สุดมู่เทียนซิงก็เงยหน้าขึ้นไปมองบุคคลที่พูดไร้สาระไม่หยุด!
บ้าจริง!
“ใครบอกว่าฉันชอบคุณ? ใครบอกว่าฉันอยากแต่งงานกับคุณ? ใครก่อเรื่องไปสุ่มสี่สุ่มห้า? คุณพูดถึงใคร!”
“คุณไม่ต้องเขินหรอก ตอนนี้มันยุคสมัยไหนแล้ว และผู้หญิงสารภาพรักกับผู้ชายมันเป็นเรื่องปกติมาก”
“ฮา! ฉันสารภาพรักกับคุณ? ฉันเคยสารภาพรักกับคุณไปเมื่อไรเหรอ?” ใบหน้าเล็กๆของมู่เทียนซิงแดงมาก และบีบโทรศัพท์แน่น แล้วพูดว่า “อา ฉันเห็นว่าคุณอายุยังไม่เยอะ ทำไมถึงเริ่มประสาทหลอนในการได้ยินแล้วเหรอ?ต้องไปเช็ดประสาทในการได้ยินที่โรงพยาบาลสักหน่อยไหม?”
“อายจนพาลโกรธขนาดนี้แล้ว? เห็นได้ชัดเลยว่าชอบผม แล้วยังจะปากแข็งอีก!”
“บ้าจริง! สรุปแล้วใครชอบใครกันแน่ พวกเรารู้อยู่แก่ใจ!”
“ดูคุณสิ หยาบคาย ไร้มารยาทแบบนี้ และนอกจากฉันแล้วในชีวิตนี้ ใครยังจะกล้าขอคุณแต่งงานอีก?”
ไปๆมาๆแล้ว ในที่สุดน้ำเสียงของหลิงเล่ก็สงบลง ภายใต้ความสบายอกสบายใจนั้นเต็มไปด้วยการกวนประสาน ซึ่งน้ำเสียงของมู่เทียนซิงยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ และเปลวไฟในความรู้สึกยิ่งเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ
ภายใต้การโต้เถียงนี้ มู่เทียนซิงหมดทางเลือกจึงฮึดสู้ต่อ ซึ่งจริงๆแล้วผู้ชายคนนี้อวดดีมากๆ แล้วจ้องเขาพร้อมตะโกนออกไปว่า“มีผู้ชายหลายคนที่ชอบผู้หญิงอย่างฉัน! ผู้ชายที่อยากจะขอฉันแต่งงานมีเยอะมาก มากจนต่อแถวจากประเทศหนิงไปถึงประเทศจีนเลย! คุณคิดว่าบนโลกนี้มีแค่คุณคนเดียวเหรอ? ไม่ต้องพูดถึงคนไกลๆ แค่พูดถึงคนใกล้ๆอย่าง พี่เสี่ยวหลงที่กำลังรอฉันอยู่ที่บ้าน!”
เหอะ!
เหอะ!
เหอะ!
และในรถเงียบขึ้นมาทันที
หลิงเล่กำมือไว้แน่นมากๆ และหันออกไปมองนอกหน้าต่างด้วยสายตาที่ทั้งเย็นชาและดุดัน
มู่เทียนซิงไม่สนใจเขา และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าความรู้สึกดีๆของเขาเมื่อก่อนที่มีให้นั้น เป็นความเข้าใจผิดทั้งหมด!
ภายใต้ความเศร้าโศกและกลุ้มใจ จึงตะโกนใส่จั๋วหรันว่า“จอดรถ! ฉันจะลง!”
หลิงเล่หันไปมองเธออย่างรวดเร็ว แล้วใช้แรงดึงแขนของเธอไว้“โกรธจริงๆเหรอ?”
ก่อนหน้านี้เธอโกรธมากจริงๆ แต่ตอนนี้ไม่โกรธแล้ว
มองเขาอย่างทำอะไรไม่ถูก“ลงไปซื้อของขวัญ! และให้จั๋วซีตามฉันมาก็พอ!”
หลิงเล่มองเธออย่างลึกซึ้ง และเห็นความตั้งใจในสายตาของเธอ จึงค่อยๆปล่อยมือเธอ แล้วไม่ลืมที่จะกำชับว่า“希ซี ดูแลดีๆ แล้วรีบไปรีบกลับ”
จั๋วหรันหาที่จอดรถแล้วจอดรถดีๆ และจั๋วซีก็ตามมู่เทียนซิงออกไป
จั๋วหรันเดินอ้อมไปหลังรถ และเมื่อกลับมาก็ถือลาเต้ร้อนมาหนึ่งแก้ว พร้อมยื่นไปให้หลิงเล่
เมื่อประตูรถปิดลง ก็กลายเป็นอีกโลกหนึ่ง
น่าเสียดายที่ครั้งนี้ออกมาทำธุระ แถมยังต้องขับบนทางด่วน ไม่อย่างนั้นจะขับรถเบนท์ลีย์ออกมา ซึ่งภายในรถมีทั้งเหล้าทั้งเคาน์เตอร์บาร์ อยากจะกินอะไร อยากจะดื่มอะไรก็สะดวกมากๆ
“ซื่อซ่าว”จั๋วหรันทำลายความเงียบในทันที แล้วมองหลิงเล่ผ่านกระจกมองหลัง“เขาว่ากันว่า คนที่เจอปัญหากับตัวจะมองปัญหาไม่ออก แต่คนที่อยู่รอบกายกลับมองเห็นถึงปัญหานั้นชัดเจน ฉะนั้น ท่านคงยังไม่รู้ว่า ทุกๆครั้งที่บรรยากาศระหว่างท่านกับคุณหนูมู่ค่อยๆจะดีขึ้นมาเล็กน้อย ก็ถูกตัวท่านเองทำลายในทันที?”
หลิงเล่ “ที่ไหนกันล่ะ? เธอต่างหากล่ะ!”
จั๋วหรันยิ้มแล้วพูดว่า “อันที่จริงแล้ว ทุกครั้งไม่ง่ายเลยตอนที่ความรู้สึกของพวกคุณจะเพิ่มมากขึ้น ซึ่งพวกเราดูอยู่ข้างๆแล้วรู้สึกมีความสุขแทนพวกคุณ เพียงแต่”
“เพียงแต่อะไร?”
“เพียงแต่ทุกครั้งที่อยู่ในช่วงเวลาที่ดีงามนั้น ท่านจะพูดน้อยลงหนึ่งประโยค หรือปิดปากเงียบไม่พูดอะไร เมื่อเป็นแบบนี้ก็จะทำให้บรรยากาศที่ดีงามนั้นจะค่อยๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆอย่างต่อเนื่อง”
หลิงเล่ “.”
“อันที่จริงแล้วซื่อซ่าวไม่ต้องระวังอะไรมากนัก เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่น ท่านคือคนใบ้ ไม่ว่ายังไงก็ไม่สามารถพูดได้ ดังนั้น เพียงแต่ตอนอยู่ด้วยกันกับคุณหนูมู่ ท่านก็พยายามอย่างมากที่จะไม่พูดอะไร ผมเชื่อว่าไม่เกินสามวัน คุณหนูมู่จะรักท่านมากแน่ๆ”
หลิงเล่ “.”
จั๋วหรันให้คำแนะนำจากใจจริง
แต่เปลี่ยนมาเป็นความโกรธหรือโมโหของผู้ชายบางคน“ความหมายของคุณคือ ผมจะควรจะทำตัวเป็นใบ้จริงๆ ไม่ต้องพูดอะไรตั้งแต่ต้นจนจบเหรอ?”
“ไม่ ไม่ๆ!” จั๋วหรันเหงื่อเริ่มออกทั่วทั้งหน้าผาก อยากจะอธิบาย แต่เหมือนจะอธิบายอะไรไม่ได้แล้ว จึงปิดปากเงียบทันที!
เมื่อดื่มกาแฟเสร็จ ก็รออย่างเงียบๆอยู่สักพักหนึ่ง และในที่สุดหลิงเล่มองทะลุหน้าต่างรถสีดำ ก็เห็นคนในฝันของตัวเอง