รักครั้งแรกของคุณชายปีศาจ - ตอนที่ 58 เจอคุณหณิงหนีครั้งแรก
ตอนที่ 58 เจอคุณหณิงหนีครั้งแรก
เหมือนจั๋วหรันจะเข้าใจความคิดของหลิงเล่ที่สุด
เมื่อทุกคนกำลังแปลกใจอยู่นั้น จั๋วหรันก็มองมู่เทียนซิง พร้อมพูดออกไปอย่างอ่อนโยนว่า“คุณหนูมู่ซื่อซ่าวกับคุณชายหนีห่างกันแค่ 4 ปี ท่านเรียกคุณชายหนีว่าพี่หย่าจูนแต่เรียกซื่อซ่าวว่าคุณอา เหมือนจะไม่ยุติธรรมเล็กน้อย”
หลิงเล่ไม่มองมู่เทียนซิงเลยแม้แต่น้อย แต่จ้องไปที่ประตูห้องโถงที่ไม่ได้ไกลเท่าไรนัก
ราวกันว่าทุกอย่างที่จั๋วหรันพูดไปทั้งหมดนั้น เขาแสดงท่าทางออกมาเป็นการยอมรับนัยๆทั้งหมดแล้ว
มู่เทียนซิงฉีกยิ้มมุมปาก แล้วมองหนีหย่าจูน“พี่หย่าจูน คุณ 22 ปี?”
หนีหย่าจูนพยักหน้าพร้อมยิ้มออกมา “ใช่แล้ว ดังนั้นปู่บอกว่าผมยังเป็นวัยรุ่น พรุ่งนี้จึงให้ผมไปด้วยกันกับพวกคุณ ไปเมือง M ฝึกฝนประสบการณ์สองปี แล้วค่อยกลับมา เรื่องนี้เคยบอกซื่อซ่าวไปแล้วด้วย”
หลิงเล่คิดตามทันที แล้วยกมือขึ้นกางออกอย่างงดงามเพื่อทำตามความคิดในสมองเขา
มู่เทียนซิงจ้องเขา แล้วอยากจะยิ้ม
ผู้ชายคนนี้ ตอนอยู่เงียบไม่พูดไม่จา เขาก็จะใช้เวลาช่วงนั้นในการPose
คิดว่าตัวเองเป็นนายแบบ แต่งตัวเท่ๆ หล่อๆ!
“22 ปีจริงๆเหรอเนี่ย อายุมากกว่าฉันแค่ 4 ปีเอง!” มู่เทียนซิงเพิ่งจะพูดสิ่งที่อยู่ในหัวออกไป แล้วมือเล็กๆก็ถูกบีบอย่างแรงมากๆและเจ็บมากๆ!
เธอหันกลับมา แล้วมองหลิงเล่“อา คุณจะทำอะไร!”
หลิงเล่ก็จ้องเธอ!
ดูเหมือนเขาจะให้อภัยเธอได้ตลอด แต่ก็ไม่นานก็อารมณ์ร้อนขึ้นมาอีก ซึ่งความไม่แน่นอนนี้ทำให้มู่เทียนซิงงงงวยได้จริงๆ
หนีหย่าจูนยิ้มอย่างเข้าใจ และถอยหลังไปหนึ่งก้าว เพื่อรักษาระยะห่างกับมู่เทียนซิงไว้ เห็นหลิงเล่ขมวดคิ้วแวบหนึ่ง แล้วท้ายที่สุดก็เริ่มคลายออก
หนีหย่าจูนส่ายหัวอย่างจนปัญญาแล้วพูดว่า“ไปกันเถอะ ปู่กับย่ารออยู่ด้านบน”
มู่เทียนซิงมองเขาอย่างประหลาดใจ“พี่หย่าจูน พ่อแม่ของคุณล่ะ?”
“พวกเขาเดินทางไปนิวยอร์กกับอิตาลีทั้งสองที่ เพราะปู่ฉันมีอุตสาหกรรมอยู่ที่นิวยอร์กและให้พ่อของฉันเป็นคนดูแล แล้วตาของฉันมีอุตสาหกรรมอยู่ที่อิตาลีและให้แม่ของฉันเป็นคนดูแล ดังนั้นหลังจากที่พวกเขาคลอดฉันออกมาแล้ว ก็ยกฉันให้ปู่กับย่าดูแล แล้วหนึ่งปีกลับมาสองหรือสามเดือน มาอยู่เป็นเพื่อนกันพวกฉัน เท่านี้”
“อ้อ~”มู่เทียนซิงมองเขา และพูดอีกว่า“คิดไม่ถึงเลยว่าจริงๆคุณหณิงเยว่หยาคือป้าของคุณ”
“ใช่แล้ว”
มู่เทียนซิงมองไปทางเขาทันที ซึ่งสายตานั้นระยิบระยับ และเต็มไปดูความอยากรู้อยากเห็น“งั้น ความสัมพันธ์ของพวกคุณกับคุณอาล่ะ?”
หนีหย่าจูนมองหลิงเล่อย่างคิดอะไรแวบหนึ่ง และไม่สบายอกสบายใจอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรไป
ในขณะนี้ มู่เทียนซิงรู้สึกแปลกใจมากๆ “เป็นญาติกัน? หรือเป็นลูกของเพื่อน?”
“เหอๆ”หนีหย่าจูนยิ้มแล้วนำทางพวกเขาเข้าลิฟต์ และเปลี่ยนเรื่องคุย“คุณดื่มเหล้าได้ไหม? ย่าฉันทำสาโท ซึ่งดีกรีก็ไม่ได้ต่ำนะ ตอนดื่มไปจะมีรสชาติหวานๆ แต่หลังจากดื่มเสร็จ ก็จะค่อยๆแรงขึ้น ถ้าไม่ใช่คนที่ดื่มได้ ก็จะเมาง่ายมาก”
มู่เทียนซิงไม่ได้โง่
เมื่อเห็นอีกฝ่ายเปลี่ยนเรื่องคุย เธอจึงจับมือของหลิงเล่ไว้แน่น
หลิงเล่ที่นั่งอยู่บนรถเข็นก็เงยหน้ามองเธอ
เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก เห็นจั๋วซีเข็นหลิงเล่ออกไปก่อน แล้วมู่เทียนซิงก็พูดออกมา“การดื่มเหล้าฉันก็ดี สาโทไม่น่าจะทำอะไรฉันได้”
ได้ยินแบบนี้ หนีหย่าจูนหัวเราะออกมา“ใช่ ตอนอยู่ที่บาร์ แค่ไวน์ผลไม้ออสเตรเลียหนึ่งแก้วเท่านั้น ก็เมาหัวราน้ำแล้ว การดื่มเหล้าของคุณดีมากจริงๆ”
มู่เทียนซิงแลบลิ้นออกมา แล้วเดินตามออกไปอย่างเขินอายเล็กน้อย
พื้นด้านล่างเท้าคืออิฐคริสตัลสี่เหลี่ยมจัตุรัสสีขาวใสดั่งก้อนเมฆ ทั้งสว่างพร่างพราวมากๆ เมื่อเดินเข้ามา ก็เหมือนมาส่องกระจกเลย มู่เทียนซิงใส่ชุดเดรสกระโปรง จึงรู้สึกเขินวางตัวไม่ถูกเล็กน้อย แล้วเท้าก็เล็กด้วย จึงกลัวว่าอิฐคริสตัลนี้จะสะท้อนออกมาแล้วเห็นกางเกงใน
เงยหน้าขึ้นมอง โคมไฟคริสตัลที่สวยงามและกำลังสั่นไหวอยู่ ซึ่งทั้งหมดคือดอกไม้สีม่วง ที่แต่ละอันได้ผ่านการเจียระไนอย่างละเอียดและประณีตมากๆ แล้วยังเบ่งบานส่องแสงสว่างสดใสอย่างสวยงามวิจิตรตระการตาอีกด้วย และจากความสว่างพร่างพราวนั้นได้สะท้อนลวดลายสีม่วงลงบนพื้นอิฐนั้น ทำให้ดูสวยและงดงามมากๆ
หนีหย่าจูนยังคงยิ้มออกมาอย่างสุภาพบุรุษแล้วอธิบาย“นี่คือดอกคาซาบลังก้า เป็นดอกไม้ที่แสดงถึงความรักของปู่กับย่าผมในตอนนั้น ส่วนสีม่วงเป็นสีที่พวกเขาชอบที่สุด ดังนั้นคุณอย่างตำหนิในส่วนนี้ ภายในบ้านของพวกเรามีของที่เกี่ยวข้องกับดอกไม้ประเภทนี้และสีแบบนี้อยู่เยอะมากเป็นพิเศษด้วย”
มู่เทียนซิงพยักหน้าอย่างเข้าใจ“ฉันเข้าใจ!ก็เหมือนในบ้านของฉันและอาที่ทั้งหมดเป็นสีฟ้า เพราะว่าฉันชอบสีฟ้า!”
ในมุมที่มู่เทียนซิงมองไม่เห็น หลิงเล่กำลังเม้มปาก และแววตาที่สว่างขึ้นอย่างชัดเจน
นับวันเด็กน้อยก็ยิ่งปากหวานขึ้น เพราะคำพูดเมื่อกี้มีคำบางคำ ที่โดนใจเขาอีกครั้งแล้ว
เมื่อมาถึงประตูที่จะเข้าสู่ห้องโถงก็มีม่านอัญมณีสีม่วงกั้นอยู่ แล้วสาวใช้ทั้งซ้ายและขวาก็เปิดม่านอัญมณีออก และก็เห็นห้องอาหารเล็กๆที่ทั้งงดงามแบบมีระดับ หอมและอบอุ่น
มีพื้นที่สำหรับการพักผ่อนอยู่ด้านหน้าของโต๊ะอาหาร โซฟาตรงนั้นก็เป็นสีม่วง และโต๊ะชาที่ทั้งสวยงามก็เต็มไปด้วยน้ำชาผลไม้ใหม่ๆมากมาย ซึ่งบนโต๊ะอาหารแบบหมุนนั้นก็มีออร์เดิร์ฟหลากหลายอย่างที่ตกแต่งสวยงามและเอร็ดอร่อย
“หลิงเล่!”
เมื่อได้ยินเสียงผู้หญิง ทุกคนจึงหันไปมองทางนั้นพร้อมกัน
ผู้หญิงคนนั้นใส่ชุดเดรสกระโปรงลายพระจันทร์เสี้ยวสีขาว ผมยาวสีดำ และถูกเธอหมัดขึ้นสูงๆเป็นหางม้า และข้อเท้าซ้ายใส่สร้อยข้อเท้าคริสตัลอยู่หนึ่งเส้น เมื่อมู่เทียนซิงหรี่ตามอง บนสร้องข้อเท้านั้นมีการแกะสลักคริสตัลเล็กๆด้วย และดูเหมือนว่าจะเป็นดอกคาซาบลังก้าด้วย
“ย่า ผมกลับมาแล้ว”
หลิงเล่ที่นั่งอยู่บนรถเข็น และยิ้มให้กับผู้หญิงคนนั้นเล็กน้อย ซึ่งภายในสายตานั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ทั้งอ่อนโยนและอบอุ่น
มู่เทียนซิงมองหนีหย่าจูนอย่างไม่อยากจะเชื่อ“นี้คือย่าคุณหรือว่าแม่คุณ?”
ดูแลสุขภาพดีเกินไปไหม?
หนีหย่าจูนยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า“ตอนป้าฉันกับย่าฉันไปข้างนอกด้วยกัน ก็ถูกคนอื่นจำผิดว่าเป็นพี่น้องกัน”
เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นก็จับมือใหญ่ๆของหลิงเล่ได้แน่น และมู่เทียนซิงก็กล่าวทักทายไปอย่างมีมารยาทและสุภาพเรียบร้อย “คุณหณิงหนี สวัสดีค่ะ!”
คุณหณิงหนีมองไปทางเธอ แล้วมองหลิงเล่อย่างเข้าใจเล็กน้อย “นี้คือเด็กผู้หญิงที่คุณไปหาเมื่อคืน?”
หลิงเล่หูแดงเล็กน้อย“ทำให้ย่าหัวเราะแล้วนะ”
“ไม่หัวเราะ ไม่หัวเราะ!” คุณหณิงหนีก้มลงแล้วเข้ามาโอบกอดหลิงเลไว้ในอ้อมอก แล้วปล่อยออกอย่างไม่เต็มใจ และเอามือทั้งสองข้างจับหน้าของเขาแล้วดูอย่างละเอียด“หล่อขึ้นมากแล้วนิ แต่เหมือนจะผอมกว่าครั้งก่อนนิดหน่อยนะ”
หลิงเล่แค่ยิ้มแต่ไม่พูดอะไร
หลายปีที่ผ่านมา เขาชินที่ทุกๆครั้ง เมื่อกลับมาทำความสะอาดสุสาน และตนเองจะต้องมารับประทานอาหารด้วยกันกับคนในตระกูลหนี ซึ่งเมื่อเจอกันครั้งหนึ่งก็ต้องแสดงความใกล้ชิดสนิทสนมกันครั้งหนึ่งด้วย
เขาไม่เข้าถึงสาเหตุ แต่ซาบซึ้งจากจริงใจ
สำหรับเขาครอบครัวตระกูลหนีสำคัญและใกล้ชิดกันมากกว่าพ่อแท้ๆที่อาศัยอยู่ที่วิลล่าซานติ่งนั้นอีก
คุณหณิงหนีกลั้นน้ำตาเอาไว้ แล้วปล่อยหลิงเล่ทันที แต่ก็ไปจับมือเล็กๆของมู่เทียนซิงไว้ แล้วมองจากหัวจรดเท้าอย่างละเอียด พร้อมพูดว่า“ผู้หญิงคนนี้สวยจริงๆ ถึงว่าล่ะหลิงเล่ของพวกเราถึงชอบ”
ใบหน้าเล็กๆของมู่เทียนซิงแดงเล็กน้อย และไม่รู้ว่าต้องพูดอะไร
ในขณะนี้ จู่ๆจั๋วซีก็บ่นออกมาเหมือนเด็ก“คุณนาย จริงๆแล้วคุณปู่หลิงทำเกินไป! คิดไม่ถึงว่าเขารวมตัวกับคนอื่นแล้วยกเลิกงานแต่งงานระหว่างสองตระกูลและทำให้ซื่อซ่าวเจ็บปวดใจอย่างมาก แถมบอกไม่ให้ซื่อซ่าวขอแต่งงานแล้ว คิดว่าซื่อซ่าวของพวกเราเป็นอะไร! ทำเกินไปจริงๆ!”