รักครั้งแรกของคุณชายปีศาจ - ตอนที่ 65 เธอใจเต้นเพราะเขาแล้วใช่ไหม
บทที่65 เธอใจเต้นเพราะเขาแล้วใช่ไหม?
เพราะคิดไม่ถึงว่าเธอจะยอมรับ ดวงตาสีเข้มของหลิงเล่ยังดูเข้มลึกขึ้นได้อีก เขากอดเธอแน่นขึ้นแรงขึ้น
เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเรื่องราวความรักระหว่างชายหญิงจะทำให้รู้สึกเป็นกังวลได้มากขนาดนี้ ภายในใจลึกๆของเขาความรักเดียวที่เขาต้องการก็คงจะเป็นรักจากแม่ เขาเองก็เคยบ่นว่าทำไมตัวเองถึงไม่มีพ่อที่ยิ่งใหญ่ที่ทำให้เขาอยากเคารพได้
ปิดใจตัวเองเอาไว้และคิดว่าจะเป็นแบบนี้ไปจนตาย จนตัวเองได้มาพบกับเธอเขาถึงได้รู้ว่าในโลกของเขาก็ยังสามารถมีอีกความรู้สึกนึงที่ทำให้โลกมันสว่างขึ้นมาได้
และนั่นคือความรัก
รอบตัวของหลิงเล่ไม่มีเพื่อน คนที่เขารู้จักก็ไม่มาก ไม่เคยมีใครสอนเขาว่ารักคนๆหนึ่งต้องทำยังไงและไม่มีใครบอกเขาว่าบนโลกใบนี้มีคู่รักอีกกี่คู่ที่เลิกกัน อีกทั้งเรื่องพวกนี้ก็ไม่ได้อยู่ในขอบเขตความสนใจของเขา
เพราะว่าเขาเคยพูดแล้วว่าเขาต้องการเพียงแสงเล็กๆเท่านั้น ต้องการเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นที่ทำให้เขาอุ่นใจ
ในตอนนี้เขากอดตัวอุ่นๆของมู่เทียนซิงเอาไว้ ใจจริงอยากจะถามเธอว่า ‘ฉันรักเธอเหมือนคนบ้าขนาดนี้ เธอจะคิดว่าฉันน่าขำไหม?’
ยิ้มหยันให้ตัวเอง ท้ายที่สุดเขาก็ไม่ได้ถามออกไป เขารู้ว่าตัวเองกำลังถลำลึกลงไปเหมือนที่หนีหย่าจูนเคยพูด
ตอนที่รถหยุดอยู่หน้าบ้านตระกูลมู่ หลิงเล่ปล่อยเธอ “กลับไปได้แล้ว!”
น้ำเสียงอ่อนโยน เหมือนกับแววตาของเขาในตอนนี้
มู่เทียนซิงหมุนตัวออกมาจากอกเขา บ่นเขาน้ำเสียงติดตลก “รอให้ฉันลงไปจากรถไม่ไหวแล้วล่ะสิ?”
เขาฝืนยิ้ม “ใครว่ากัน ฉันทนไม่ไหวที่จะเก็บเธอกลับบ้านต่างหาก จะแค่ทะเลาะกันเฉยๆก็ดี จะทะเลาะกันจนลั่นบ้านก็ดี หรือว่าจะรักกันหวานจนมดขึ้น ขอแค่เธออยู่ข้างๆฉัน”
จั๋วหรันสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอด
เขาก็เป็นผู้ชาย แถมยังเป็นผู้ช่วยของ ซือซ่าว ทำให้ซือซ่าวพูดอะไรแบบนี้ออกมาได้ เห็นได้ว่าซือซ่าวใส่ใจคุณหนูมู่มากจริงๆ !
มู่เทียนซิงยิ้มให้กับหลิงเล่ “คุณอา รอฉันโทรหานะคะ~!”
เธอเปิดประตูรถอย่างคล่องแคล่วไม่ยืดเยื้อ แถมเธอยังลงจากรถอย่างสดใสราวกับเป็นลูกกวางในหุบเขาอีก
ปากของเขาเม้มแน่นมองทะลุหน้าต่างสีทึบของรถออกไป เขามองเห็นเธอที่กำลังเดินเข้าไปในบริเวณบ้านด้วยความสดใส ตอนที่เดินผ่านชิงช้าเธอยังเดินไปเตะมันอย่างซนๆ
ที่แกว่งสูงๆไปมานั่นน่ะไม่ใช่ชิงช้าหรอก แต่เป็นสายของเขาที่มองตามตั้งแต่ต้นจนจบ
“ยังมาพูดว่าคิดถึงฉัน นี่แค่เดินเข้าบ้านไปยังไม่ยอมมองหันหน้ามาดูฉันสักนิด”
เขาบ่นอุบอิบเหมือนเด็ก มองอยู่ครู่หนึ่งจนชิงช้าค่อยๆหยุดแกว่ง เขาถึงได้เคาะกระจกรถเบาๆ “ไป”
หลังจากที่จั๋วหรันออกรถไปได้ไม่นาน ฉวีซือเหวินจึงค่อยๆเอากล่องเล็กๆออกมา
หลิงเล่ที่นั่งอยู่ด้านหลังเห็นเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ แค่คิดว่ามันดูคุ้นๆ “นั่นอะไร?”
ฉวีซือเหวินหันมายิ้ม “เมื่อเช้าที่โรงแรมตอนกำลังเก็บของกลับบ้านคุณหนูมู่ให้ฉันมาค่ะ สั่งว่าตอนที่ฉันกลับไปแล้วให้ฉันสวมให้เจินเจิน ก็แค่ปลอกคอที่เธอให้เจินเจินน่ะค่ะ”
จั๋วหรันมองฉวีซือเหวิน “ตอนที่เธอออกมา ได้ฝากใครเลี้ยงเจินเจินหรือเปล่า?”
“ค่ะ ฉันสั่งกับคนรับใช้ในบ้านเอาไว้ค่ะ ทุกวันต้องทำความสะอาดกระบะทรายแมวหนึ่งครั้ง ทุกๆสี่ชั่วโมงจะต้องให้นม”
คฤหาสน์จื่อเวยใหญ่ขนาดนั้น ฉวีซือเหวินคือผู้ดูแลแต่ก็ไม่ได้มีเธอลงมือทำเองในทุกๆเรื่อง หลิงเล่ไม่ชอบคนแปลกหน้า เพราะฉะนั้นพวกคนที่รับผิดชอบเรื่องทำความสะอาด ซื้อสิ่งของในชีวิตประจำวัน ซื้อของทำอาหาร หรือว่าคนรับใช้ในหน้าที่อื่นๆก็จะเลือกตอนที่เจ้าของบ้านกำลังอยู่ในห้องหนังสือหรือว่าตอนหลับ ไม่ก็ตอนที่ไม่อยู่บ้านมาทำงาน
ฉวีซือเหวินพูดไป มือก็ยกสร้อยในกล่องมาส่องกับแสงแดดเล่น
ดวงตาของหลิงเล่ จู่ๆก็หดลง
นี่ไม่ใช่ของขวัญชิ้นแรกที่แม่เด็กน้อยนั่นให้เขาหรือไง หรือว่าของขวัญเทศกาลชีซี?
เขาโน้มตัวไปข้างหน้า แขนยาวยืดออกไปหยิบสร้อยที่อยู่ในมือของฉวีซือเหวิน!
ท่าทางที่ไม่ต่างอะไรจากลมพายุของเขา ทำให้จั๋วหรันตกใจจนไม่กล้าเปล่งเสียง แม้แต่ลมหายใจก็ค่อยๆผ่อนออกมาอย่างระมัดระวัง
กึก!
กึก!
กึก!
อยู่ๆก็มีเสียงหักข้อนิ้วดังขึ้น!
หลิ่งเล่จ้องอยู่ที่สร้อยคอในมือ สังเกตเห็นว่าจี้ดูเล็กกว่าของตัวเองอยู่ประมาณนึง ส่วนอย่างอื่นเหมือนกันราวกับแกะ!
นี่มันเป็นสร้อยผู้หญิง สร้อยผู้ชายเขาสวมมันอยู่บนคอตอนนี้ แต่เธอกลับเอาสร้อยผู้หญิงไปทำเป็นปลอกคอแมวแทน!
ดี
ดีมาก
“มู่เทียนซิง~!”
หลิงเล่ตะโกนชื่อเธอดังลั่น ตอนนี้ดูท่าทางเขาไม่โอเคมากๆ!
ตระกูลมู่
คุณและคุณนายมู่อี้เจ๋อยังไม่กลับมา ในบ้านมีแต่คนรับใช้ที่สนิทๆอยู่เท่านั้น
เห็นมู่เทียนซิงกลับมาบ้านอารมณ์ดี ทุกๆคนก็ดีใจรีบเข้าไปทักทาย ครู่ใหญ่ อาหารที่เธอชอบกินเครื่องดื่มที่เธอชอบดื่มก็โดนยกขึ้นมาจนเต็มโต๊ะน้ำชา
มู่เทียนซิงขึ้นไปชั้นบน กระโดดโลดเต้นอยู่ในห้องตัวเองอยู่รอบหนึ่ง
เธอนอนแผ่อยู่บนเตียงหลังใหญ่อย่างสบาย เธอหรี่ตามองไฟสีชมพูอ่อนกับฟ้าอ่อนที่หัวเตียง ภาพภายในหัวมีแต่วิวที่คฤหาสน์จื่อเวย
ทั้งๆที่เธอไม่ได้นอนอยู่ในห้องนี้ไม่กี่วันแท้ๆ
แต่กลับมีความรู้สึกเหมือนเธอไม่ได้อยู่ห้องนี้มาตั้งนาน นานราวกับว่ามันคือชาติที่แล้วอย่างนั้น
“เทียนซิงกลับมาแล้วหรอ?”
น้ำเสียงไพเราะที่เธอไม่ได้ยินมานานดังขึ้น เธอรีบลุกขึ้นนั่ง มองไปทางประตู เป็นเมิ่งเสี่ยวหลง
“พี่เสี่ยวหลง!”
เธอยิ้มบางๆ เพิ่งจะยืนได้ดีๆ เขาก็เดินมาหาแล้ว จัดการรวบเธอเข้าไปไว้ในอ้อมกอด
จูบบนหน้าผากเธอเบาๆ เสียงของเขาสั่นเล็กน้อย “ฉันนึกว่าเธอกลับมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว”
มู่เทียนซิงเลิกคิ้ว เมื่อวานหรอ?
เมื่อวานเป็นวันครบรอบของคุณแม่หลิงเล่
“ต่างหูนี่เขาให้เธอหรอ?”
เขาค่อยๆคลายอ้อมกอด ดวงตาก็จับจ้องอยู่ที่ต่างหูที่เธอใส่อยู่ ยังไงเขาก็ต้องรู้อยู่แล้ว ครั้งก่อนที่หลิงเล่พาเธอไป เธอก็อยู่ตัวคนเดียว
“เธอสวมสิ่งของที่เขาให้ หมายความว่าเขาทำให้เธอใจเต้นแรงแล้วใช่ไหม?”
เมิ่งเสี่ยวหลงจ้องเธอ จูบที่ละเมียดละไมของเขาทำให้คำพูดมากมายที่มู่เทียนซิงตั้งใจจะบอก โดนกลืนกลับเข้าไปอย่างเดิม ไม่กล้าเอ่ยปาก
“อันนี้ อันนี้คุณหญิงเยว่หยาให้ฉันมา เมื่อวานเป็นวันครบรอบของคุณแม่คุณอา พวกเราไปทำความหลุมศพ พอทำความสะอาดเสร็จ คุณพ่อคุณแม่ของคุณหญิงเยว่หยาก็ชวนฉันไปทานข้าวที่บ้าน คุณหญิงหนีบอกว่าคุณหญิงเยว่หยาสั่งมาว่าต้องเอามุกทองเม็ดนี้มาให้ฉันให้ได้”
เธอค่อยๆพูดออกมา แววตาก็ดูจริงจัง
แต่เมิ่งเสี่ยวหลงกลับไม่ยอมพูดสักคำ
เธอยังไปทำความสะอาดหลุมศพกับหลิงเล่ ถ้าเดาไม่ผิด เมื่อวานหลิงเล่ควรจะได้ข่าวที่คุณปู่หลิงยกเลิกงานแต่งแล้วสิ แต่เขายังพาเธอไปทำความสะอาดหลุมศพ เธอเองก็ยังตามไปด้วย ไปไหว้แม่ของหลิงเล่
โดยเฉพาะคุณหญิงเยว่หยาเป็นใคร?
นั่นน่ะอีกเพียงนิดเดียวก็จะได้เป็นแม่ของประเทศนี้แล้วนะ ที่พระราชายังไม่มีพระมเหสีในตอนนี้ ไม่ยอมมีลูกสาวหรือลูกชาย ข่าวลือก็ว่าเป็นเพราะคุณหญิงเยว่หยา
ใจของเขาหนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ
ไม่กี่วันมานี้ที่เธอไม่อยู่บ้าน เมิ่งเสี่ยวหลงก็คิดไปแล้วต่างๆนานา
เขารับได้ที่ถ้าสุดท้ายแล้วเธอจะไม่กลับมาหาตัวเอง แต่ว่าเขารับไม่ได้ที่มู่เทียนซิงที่เพียบพร้อมจะต้องไปแต่งงานกับคนพิการ
“เทียนซิง ถึงเขาจะหล่อแต่ก็สู้แจกันดอกไม้ไม่ได้ เธอห้ามเอาความรู้สึกไปวางไว้กับเขาเด็ดขาด ถ้าเป็นอย่างนี้ ไม่ใช่แค่ฉันที่จะเสียใจแล้วก็เป็นห่วงเธอ แค่พูดถึงพ่อกับแม่ของเธอคงจะใจร้อนจนแทบบ้า พวกเขามีเธอแค่คนเดียวเท่านั้น เธอทนได้หรอ?”