รักครั้งแรกของคุณชายปีศาจ - ตอนที่ 76 แค่ไล่แมลงวันออกไปก็พอแล้ว
บทที่ 76 แค่ไล่แมลงวันออกไปก็พอแล้ว
แม้ว่าคำพูดของหนีหย่าจูนนั้นจะหยิ่งผยองไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้โกหกแต่อย่างใด
หนีจื่อหยางปู่ของหนีหย่าจูน เป็นคนที่อ่อนโยนและสง่างามอย่างยิ่ง เป็นปูชนียบุคคลของทั้งเมืองและประเทศ ส่วนยีทึงตาของหนีหย่าจูนกลับเป็นชาวญี่ปุ่น ที่ทั้งดื้อรั้นและเย่อหยิ่ง ดูถูกคนทั้งโลก
เขาสืบทอดความรับผิดชอบและหน้าที่จากปู่ของเขา แต่กลับได้รับนิสัยอันผิดแปลกนี้จากยีทึงตาของเขามาด้วยเช่นเดียวกัน
หากมองแล้วรื่นตา เขาอะไรก็ล้วนดี
แต่ถ้ามองแล้วขัดลูกตาเข้า เขาก็ไม่ละเว้นง่ายๆ!
เมิ่งเสี่ยวหลงไม่รู้ว่าสถานะของหนีหย่าจูนนั้นสูงส่ง จนกระทั่งไม่อาจสูงไปว่านี้ได้แล้ว
ในเมืองชิงเฉิงเขาเป็นคุณชายของตระกูลเมิ่งที่แสนร่ำรวย ตั้งแต่เล็กจนโต ล้วนเป็นที่อิจฉาของผู้คนรอบตัว แต่ว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้า
เขารู้ความจริงนี้ แต่ไม่ยอมรับมัน!
เขาต้องการให้คนอย่างหนีหย่าจูนมากระตุ้นเขา เพื่อให้เขาได้ค่อยเข้าใจว่าตัวเขาจริงๆนั้นเล็กกระจ้อยร่อยมากแค่ไหน ซ้ำบนโลกนี้ยังใหญ่โตมากขนาดไหน!
คำพูดของหนีหย่าจูน เห็นได้ชัดว่าไม่เปิดทางให้เมิ่งเสี่ยวหลงได้ลงเวทีแน่แล้ว!
มู่เทียนซิงรีบเข้ามาอธิบายอย่างรวดเร็ว “พี่หย่าจูน คุณอย่าได้โมโห เขาเป็นคนพูดไม่ค่อยเก่ง”
หนีหย่าจูนหยิบเมนูขึ้นบนโต๊ะขึ้นมาดู และไม่สนใจใครอีกเลย
มู่เทียนชิงประหม่าอยู่บ้าง เธอเห็นหนีหย่าจูนดูโกรธ จึงรีบมองที่เมิ่งเสี่ยวหลงและเสียงเบา “คุณรับปากว่าจะไม่พูดจาไร้สาระไม่ใช่หรือ? ตอนนี้คุณทำให้บรรยากาศน่าอึดอัดขนาดนี้ คุณคิดว่าตอนนี้ควรทำยังไง?”
เมิ่งเสี่ยวหลงไม่คิดเช่นนั้น “เธออย่าได้ไปฟังเขาโอ้อวด ก่อนหน้านั้นตอนฉันอยู่ในกองทัพ พวกเด็กผู้ชายก็ชอบขี้โม้ ซ้ำยังบอกอีกด้วยว่าตัวเองเป็นลูกชายนอกกฎหมายของพระมหากษัตริย์ผลที่ตามมาจากการโกหกก็คือเขาก็ถูกจับเข้าสู่สำนักงานความมั่นคงทางทหารและเขาถูกตัดสินให้มีโทษทางทหาร!”
ดูเหมือนว่าเมิ่งเสี่ยวหลงตั้งใจจะทำให้หนีหย่าจูนเกรงกลัว ดังนั้นจึงจงใจเอ่ยเสียงดัง
คราวนี้ มู่เทียนซิ่งอยากจะตายขึ้นมาจริงๆ!
เมิ่งเสี่ยวหลงกล่าวต่อหน้าหลิงเล่ว่าเธอเป็นคู่หมั้นของเขา หนีหย่าจูนเรียกหลิงเล่ว่าพี่ ย่อมต้องโกรธแทนหลิงเล่ ดังนั้นความประทับใจครั้งแรกของเขาต่อเมิ่งเสี่ยวหลงนั้นก็ไม่ดีแล้ว
ซ้ำเมิ่งเสี่ยวหลงยังเหน็บแนมหนีหย่าจูนว่าไม่ได้รับการสั่งสอนจากครอบครัว แม้กระทั่งตระกูลหนียังถูกดึงเข้าไปด้วย หากหนีหย่าจูนไม่โกรธต่างหากถึงผิดปกติ
มาตอนนี้ เมิ่งเสี่ยวหลงยังกล่าวอีกว่า หนีหย่าจูนนั้นโอ้อวดและเสแสร้งทำตัวเป็นเชื้อพระวงศ์ นี่ไม่ได้เป็นการบีบบังคับให้หนีหย่าจูนโกรธหรอกหรือ?
หากยังสามารถทนได้ หนีหย่าจูนก็ไม่ใช่ผู้ชายแล้ว!
มู่เทียนซิงกำลังคิกพยายามแก้ไขปัญหา แต่หนีหย่าจูนกลับยกมุมปากขึ้นมาอย่างเย็นชาและจ้องมองที่เมิ่งเสี่ยวหลง “หนูน้อย ฉันเห็นแก่หน้าของเธอครั้งนี้ไม่เอาเรื่องเขา แต่ทางที่ทีเธอควรทำให้เขาหายไปจากสายตาของฉันซะในตอนนี้ ไม่งั้น ผลที่ตามมา เขาต้องรับผิดชอบเอง!”
“พี่เสี่ยวหลง คุณกลับไปเถอะ!” มู่เทียนชิงดึงตัวเขาไปที่ประตู!
เมิ่งเสี่ยวหลงไหนเลยจะเต็มใจ?
มีซือซ่าวคนนึงก็แล้วไป ตอนนี้ยังมีหนีหย่าจูนที่หน้าตาหล่อเหลาเสียจนไม่เกรงใจฟ้าดินเพิ่มขึ้นมาอีก เขาจะวางใจทิ้งมู่เทียนซิง ที่มีเสน่ห์อยู่ที่นี่คนเดียวได้อย่างไร?
“เทียนซิง! เธอปล่อยให้ฉันอยู่ต่อเถอะ! ฉันสัญญาว่าจะไม่พูดไร้สาระอีกต่อไป!”
“ไม่ได้! คุณรีบไปเถอะ พี่หย่าจูนโกรธแล้ว คุณอย่าทำให้ฉันลำบาก!”
“ทำไมเธอถึงต้องกลัวเขาขนาดนั้น?”
“ฉันไม่ได้กลัว แต่เดิมใจฉันอยากคิดจะขอบคุณเขา แต่ผลคือทำให้เขาไม่พอใจแทน! นอกจากนี้ เขายังเป็นหลานชายของคุณหญิงเยว่หยา! วันก่อนฉันพบเขาที่ตระกูลหนี เป็นแขกของบ้านเขา เขาเป็น คุณชายหนีตัวจริง!”
“เอ่อ”
เมิ่งเสี่ยวหลงโง่งมขึ้นมาทันที
คุณชายหนีที่เป็นตำนานอันเลื่องลือว่าเป็นที่รักของคนทั้งโลกก็คือ หนีหย่าจูนผู้ชั่วร้ายต่อหน้าเขาคนนี้?
หนีซีมู่พ่อของหนีหย่าจูน เคยเป็นเพื่อนร่วมเป็นร่วมตายของพระมหากษัตริย์ คุณปู่ของหนีหย่าจูน หนีจื่อหยางก็เคยผ่านการร่วมทุกข์ร่วมสุขมากับพระมหากษัตริย์เทียนหลิง
ไม่ต้องพูดไกล แค่ใกล้ๆ หนีหย่าจูนเป็นหลานชายของคุณหญิงเยว่หยา พระมหากษัตริย์ก็ปฏิบัติต่อเธอราวกับว่าเขาเป็นพี่น้องแท้ๆของตน
ดังนั้น เขาทำผิดต่อราชวงศ์จริงๆหรือนี่?
“รีบไปเถอะ!”
มู่เทียนชิงเปิดประตูห้อง และเห็นจั๋วซีและจั๋วหรันที่ยืนอยู่ซ้ายขวาของประตู พวกเขาทั้งคู่เมื่อเห็นว่ามู่เทียนซิงกำลังลากเมิ่งเสี่ยวหลงออกมาจึงรีบเข้าไปช่วยทันที
แม้ว่าเมิ่งเสี่ยวหลงจะเคยได้รับการฝึกฝนในกองทัพ แต่เขาก็ไม่มีทางหยุดจั๋วหรันกับจั๋วซีลงได้ แม้กระทั่งคำพูดก็ยังไม่ทันได้เอ่ย ทนก็ถูกทิ้งลงพื้นและลากออกไปอย่างโหดร้าย!
เหลือเพียงคนสามคนภายในห้อง เงียบอย่างยิ่ง
มู่เทียนซิงเข็นหลิงเล่ไปยังห้องอาหาร และหยุดลงข้างๆตัวของหนีหย่าจูน “พี่หย่าจูน ฉันขอโทษค่ะ”
หนีหย่าจูนได้รับคำเยินยอคนเคยชิน ดังนั้นเมื่อเขาพบกับเมิ่งเสี่ยวหลง เขาจึงรู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมาเป็นธรรมดา
เขาเหลือบมองเธอ กำลังจะเอ่ยพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับได้รับสายตาคมปลาบส่งมาจากหลิงเล่ ทันใดนั้นเขาจึงซื่อสัตย์ขึ้นมาทันที!
หนีหย่าจูนยิ้มน้อยๆ จากนั้นจึงเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร “ไม่เป็นไร ไล่แมลงวันออกไปก็พอแล้ว ไม่ต้องไปพูดถึงมันอีก พวกเราเริ่มทานกันเถอะ!
มู่เทียนซิงเบาใจลงมา จากนั้นใบหน้าเล็กๆที่มีท่าทีประหม่าจึงค่อยเผยรอยยิ้มขึ้น
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เธอไม่รู้ก็คือ หนีหย่าจูนนั้นไม่ได้ดูไร้พิษภัยเช่นหน้าตาของเขา การที่หนีจื่อหยางสามารถวางใจปล่อยให้หลานชายวัย 22 ปีของเขาออกมาจากการฝึกซ้อม แน่นอนว่านี่ถือเป็นการรับประกันแบบหนึ่ง
ในสถานที่ที่มู่เทียนซิงไม่สามารถมองเห็น เมิ่งเสี่ยวหลงตัวก่อเรื่องคนนั้น หนีหย่าจูนไม่มีทางปล่อยเขาไปแน่!
เธอหยิบดินสอเล็กๆขึ้นมา มู่เทียนซิงสั่งอาหารแต่ละประเภทให้พวกเขา “มันฝรั่ง มันฝรั่ง มันฝรั่งทานไหม? มันเทศ มันเทศ มันเทศทานหรือเปล่า? ผักโขม ผักโขมทานไหมคะ?”
ในตอนแรกหนีหย่าจูนยังคงส่งเสียงตอบรับสิ่งที่ตัวเองชอบ แต่ในภายหลังเขาก็หัวเราะลั่นขึ้นมา!
เขามองดูหลิงเล่ด้วยสายตามีเลศนัยโดยไม่รู้ตัว
ราวกับกำลังถามว่า “ซือซ่าว,นายไปตกสมบัติมีชีวิตอันนี้มาจากที่ไหนกัน แม้กระทั่งสั่งอาหารยังเต็มไปด้วยความสุขขนาดนี้!
หลิงเล่ก็ยกมือข้างหนึ่งขึ้นมากุมขมับและนั่งนิ่งๆ หลังจากฟังไปครู่หนึ่ง เขาก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ จากนั้นจึงยื่นมือใหญ่ออกไปหยิบเมนูอาหารในมือของเธอมา รวมถึงดินสอด้วย
เธอยังคงประหลาดใจ “คุณอา มีอะไรเหรอคะ?”
หลิงเล่ไม่สนใจเธอ
นัยน์ตาดำสนิทกวาดมองดูเมนูอาหาร จากนั้นจึงเขียนลงไปอย่างรวดเร็วแล้วส่งไปยังหนีหย่าจูน
หนีหย่าจูนรับมา ดวงตาสีเหลืองอำพันแสนมีเสน่ห์กะพริบปริบๆ ก่อนจะเพิ่มอาหารอีกไม่กี่อย่างลงไปอย่างรวดเร็ว และส่งมันให้กับมู่เทียนซิง “หนูน้อย เสร็จแล้ว!”
ถ้าเธออ่านชื่ออาหารแต่ละอย่างอีกครั้ง อาหารมื้อนี้ไม่ต้องทานมันแล้ว!
เธอเรียกบริกรมาสั่งอาหาร เธอนั่งอยู่ระหว่างหนีหย่าจูนและหลิงเล่ด้วยท่าทีนั่งไม่ติดเธออยู่บ้าง ในสมองเล็กๆคิดถึงเรื่องราวมากมาย แต่ละเรื่องล้วนทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องที่เมิ่งเสี่ยวหลงขโมยโทรศัพท์ของเธอและเกือบจะค้นพบว่าหลิงเล่สามารถพูดได้ “คุณอา สายเมื่อตอนเช้า ฉันขอโทษ”
หลิงเล่มองเธอ และไม่แสดงท่าทีอะไร
เธอเข้าไปใกล้เขา และเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “ตอนที่ฉันกำลังออกมา เขาดึงดันที่จะมาให้ได้ ไม่อย่างนั้นฉันจะออกจากบ้านไม่ได้”
คราวนี้ แม้กระทั่งสายตาหลิงเล่ยังขี้เกียจจะเหลือบมอง!
มู่เทียนชิงเป็นกังวลขึ้นมา เธอคว้าแขนของเขาเอาไว้แล้วขยับร่างเล็กทั้งร่างเข้าไปหาเขา “คุณอา ~ ขอ”
ก่อนที่เธอจะพูดจบ ท่อนแขนอันแสนจะเย็นชานั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นมีพลังขึ้นมา เขาคว้าเอวของเธอเอาไว้และดึงเธอเข้ามานั่งบนตัก จากนั้นมืออีกข้างที่ดูเหมือนจะเตรียมการเอาไว้ล่วงหน้าแล้วของเขาก็หยิบสายสีเงินสายหนึ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงโอบเข้าไปที่รอบคอของเธอ