รักครั้งแรกของคุณชายปีศาจ - ตอนที่ 86 ประตูใหญ่ของคฤหาสน์จื่อเวย
บทที่86 ประตูใหญ่ของคฤหาสน์จื่อเวย
ใต้ท้องฟ้าที่เป็นอมตะ แสงอาทิตย์ที่สวยงามก็ถูกกลืนหายไปด้วยแสงสีฟ้า
ทั้งสี่คนนั่งอยู่ในรถ สีหน้าบนใบหน้าดูไกลสุดลูกหูลูกตา อึมครึมเหมือนกับพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว ดวงสองสามดวงกระจัดกระจาย ลมพัดมา เสียงสัตว์ร้อง กลัดกลุ้ม!
มู่อี้เจ๋อพยายามจัดการกับความคิดของตัวเอง มองหน้ามู่เทียนซิง “เทียนซิง เรื่องสองวันก่อนที่ลูกอยู่ที่คฤหาสน์จื่อเวย พ่อไม่เคยถามลูกเลย สรุปแล้วลูกได้ไปรู้จักคนพิเศษเข้ารึเปล่า หรือว่าเจอเรื่องอะไรที่พิเศษรึเปล่า? ”
สายตาหลายคู่มองไปที่ดวงตาที่สวยงามที่ดูไม่เข้าท่า และก็สีหน้าที่ซับซ้อนของเธอ
เหมือนกับว่าเธอพยายามคิดอย่างจริงจัง แล้วก็มองหน้ามู่อี้เจ๋ออย่างระมัดระวัง “พ่อ จำเรื่องที่ตอนเที่ยงที่หนูไปกินหม้อไฟกับพี่หย่าจูนกับซือซ่าวได้มั้ย? ”
“อืม” มู่อี้เจ๋อพยักหน้า
เธอพูดต่อ “ตอนนั้น พี่เสี่ยวหลงไปเป็นเพื่อนหนู แต่ว่าโดนพี่หย่าจูนไล่ไป หนูคิดว่า เพราะว่าเรื่องนี้รึเปล่า พี่หย่าจูนรู้เรื่องแล้ว ก็เลย……”
ในรถนั้นเงียบมาก แต่ว่าเมิ่งอี้หลั่งก็นั่งไม่นิ่งแล้ว เขาไม่เข้าใจเลย อยากให้ใครก็ได้รับอธิบายให้เขาเข้าใจหน่อย!
“หย่าจูนอะไรกัน? เขาคือใคร? ไล่เสี่ยวหลงของพวกเราไปหมายความว่ายังไง? ฉันไม่เข้าใจ! ”
มู่เทียนซิงรีบอธิบาย “ พี่หย่าจูนคือหลานชายของคุณหญิงเยว่หยา! เขาเคยช่วยหนูมาแล้วสองครั้ง เพราะฉะนั้นหนูก็เลยชวนเขาไปกินหม้อไฟเพื่อเป็นการขอบคุณ แต่ว่าพี่เสี่ยวหลงจะไปด้วยให้ได้ หลังจากไปแล้ว พี่เสี่ยวหลงพูดว่าพี่หย่าจูนไม่ได้รับการสั่งสอน แล้วก็เหน็บแนมว่าพี่หย่าจูนเสแสร้งทำเป็นญาติกับกษัตริย์ เพราะฉะนั้นตอนนั้นพี่หย่าจูนก็เลยโกรธมาก!
เจี่ยงซินเบิกตาโพลงด้วยความหวาดกลัว “คนที่ลูกหมายถึงก็คือคุณชายหนีงั้นหรอ? คุณชายหนีที่คนเขาพูดกันนั่นหรอ? ”
พระราชาไม่มีทายาท แล้วก็รักหลานชายของคุณหญิงเยว่หยามาก พระราชาเองก็ไม่ได้แต่งงาน คุณหญิงเยว่หยาก็ตัวคนเดียวเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีข่าวลือในหมู่ประชาชน ว่าถ้าเกิดว่าพระราชาแต่งงานกับคุณหญิงเยว่หยา คุณชายหนีก็น่าจะกลายเป็นรัชทายาท ที่ได้รับช่วงต่อ
เพราะว่าปัจจุบันนอกจากพระราชาแล้ว ตระกูลโล่ก็ไม่มีผู้ชายอีกแล้ว พระราชาก็เป็นลูกชายเพียงคนเดียวของพระบรมวงศานุวงศ์ ถึงแม้ว่าอยากจะให้ผู้ชายคนอื่นในตระกูลโล่มาสืบราชวงศ์ต่อ ก็ไม่มีแล้ว!
เมิ่งอี้หลั่งรู้สึกไม่ไหวแล้ว
เขาหลับตา เอนไปด้านหลังแล้วถอนหายใจออกมาอย่างรุนแรง มือหนึ่งวางใจที่หัวใจของตัวเอง เหมือนกับว่าจะตายไปเมื่อไหร่ได้!
สีหน้าของมู่อี้เจ๋อก็ดูไม่ดีเหมือนกัน
ก่อนหน้านี้ก็เคยได้ยินแค่ว่าซือซ่าวกับคุณชายหนีมีมิตรภาพที่ดีต่อกัน คุณชายทั้งสองคนไปกินข้าวกับคุณผู้หญิงตระกูลมู่ เขาก็ยังโทรหาลูกสาวของตัวเองเพื่อยืนยัน แต่ว่าไม่เคยคิดเลยว่า ตอนอาหารกลางวันจะเกิดเหตุการณ์ใหญ่โตอะไรแบบนี้ขึ้นด้วย!
เจี่ยงซินลูบปาก เหมือนกับไม่เห็นว่าเมิ่งอี้หลั่งกำลังจะขาดอากาศหายใจตายอยู่แล้ว เธอพูดสะอึกสะอื้นออกมา “ถ้ายังงั้นก็คงจะใช่แล้วแหละ เพราะว่าบ้านของเรา ไม่เคยมีความสัมพันธ์อะไรแบบนั้นอยู่แล้ว มีแค่ลูกกับคุณชายหนี ฮือๆ ~เสี่ยวหลงไปทำผิดต่อคุณชายหนี เพราะฉะนั้นตอนนี้ก็เลยเจอหายนะ! ”
“ไม่ต้องพูดแล้ว! ”
มู่อี้เจ๋อรีบหยุดเธอ “เธอดูเหล่าเมิ่ง เป็นสภาพนี้แล้ว เธอก็พูดให้มันน้อยๆ หน่อย! ”
เจี่ยงซินเองก็เครียดเหมือนกัน แต่ว่าตอนที่เธอเครียดนั้นไม่เหมือนกับคนอื่น คนอื่นบ้างก็เงียบ บ้างก็คิดวิธี แต่ว่านิสัยของเธอก็เป็นแบบนี้ เมื่อไหร่ที่เครียดหรือกังวลแล้วจะพูดไม่หยุด!
“แล้วมันจะมีวิธีอะไรได้อีก มันเป็นขนาดนี้แล้ว ยังจะคิดวิธีอะไรอีก! ตอนแรกฉันก็คิดว่าเจ้าเด็กเสี่ยวหลงนั่นจะมั่นคง บุคลิกดี แล้วก็เป็นผู้ใหญ่ ไม่คิดว่าไปเรียนโรงเรียนทหารมาสามปี สมองยิ่งเล็กกว่าเดิม! คุณชายหนีเป็นคนที่เขาจะไปล่วงเกินได้ยังงั้นหรอ? ปลูกแตงก็ได้แตง ปลูกถั่วก็ได้ถั่ว ที่เสี่ยวหลงเป็นแบบนี้ก็เพราะว่าเขาเลือกเองทั้งนั้น! ”
มู่อี้เจ๋อ:“……”
เขาไม่แก้ข้อเท็จจริงอะไรกับภรรยาของตัวเองอีกต่อไป ยิ่งพูดไปเธอก็ยิ่งไม่หยุด แต่งงานกันมาหลายปีแบบนี้ เขาเข้าใจเธอดี!
หลังจากลงรถแล้วก็หยิบน้ำแร่มาขวดหนึ่ง มู่อี้เจ๋อส่งให้เมิ่งอี้หลั่ง “เหล่าเมิ่ง อย่าพึ่งเครียดนะ ดื่มน้ำหน่อย เดี๋ยวพวกเราช่วยกันคิดวิธี”
“ฮือๆ ~ น้องสะใภ้พูดถูกแล้ว ไปล่วงเกินคุณชายหนี แล้วจะมีวิธีอื่นอีกได้ยังไง? ฮือๆๆ ~”
เมิ่งอี้หลั่งรับน้ำแร่ไป แต่ว่าไม่ได้ดื่ม กลับร้องไห้ฟูมฟายออกมา
นึกภาพออกมั้ย?
เมื่อชายวัยกลางคนที่ประสบความสำเร็จในอาชีพการงาน แต่กลับร้องไห้ฟูมฟายเพราะชีวิตของลูกชายตัวเองอยู่บนรถ ภาพนี้ ทิ่มแทงหัวใจผู้คนมาก!
มู่เทียนซิงมองภาพตรงหน้าก็รู้สึกเสียใจเหมือนกัน ความใจดีทำให้เธอลืมเรื่องที่เมิ่งเสี่ยวหลงทำกับเธอโดยสมบูรณ์ แต่กลับคิดว่าตัวเองไม่ควรจะโทรเรียกรถพยาบาลตั้งแต่แรก ไม่ยังงั้นโรงพยาบาลก็คงจะไม่แจ้งตำรวจหรอก!
ความสำนึกผิดในหัวใจของเธอค่อยๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เธอพูดออกมาอย่างดิ้นรน “ไม่ยังงั้น ให้หนูไปขอร้องพี่หย่าจูนดูมั้ยคะ? ”
พอพูดออกมา ทุกคนก็เงียบลงทันที!
เมิ่งอี้หลั่งเองก็ไม่ร้องไห้แล้ว เขาก็หันหน้ามา มองหน้ามู่เทียนซิง “หนู หนูบอกว่าคุณชายหนีหรอ? หนูรู้จักเขาหรอ? จะหาเขาเจอหรอ? เขา……เขาจะฟังหนูใช่มั้ย? เสี่ยวหลงจะไม่เป็นไรใช่มั้ย? ”
มู่เทียนซิงรู้สึกทุกข์ใจจนไม่รู้จะพูดออกมายังไง
แต่เธอคิดว่า พี่หย่าจูนคนนั้น น่าจะเป็นคนที่ใจดีอยู่นะ
มู่อี้เจ๋อเองก็รู้สึกว่า ดูจากตัวตนของหนีหย่าจูน แล้วเรื่องของเมิ่งเสี่ยวหลงอยู่ในมือของเขาแล้ว แค่ปืนนัดเดียวก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย!
ถ้าเกิดว่าจะทำ ขอแค่เขาขยับมือ ก็สามารถเติมเต็มความฝันของเราได้แล้ว
เจี่ยงซินรู้ว่าเรื่องนี้มันใหญ่เกินไปแล้ว ยังไงนี่มันก็เกี่ยวกับเรื่องชีวิต เธอก็รีบดึงหลังของลูกสาวตัวเอง มองหน้าเมิ่งอี้หลั่ง แล้วก็พูดอย่างจริงจังมากๆ ว่า “เหล่าเมิ่ง เรื่องทั้งหมดนี้มันล้วนเกิดจากเสี่ยวหลงของนาย เทียนซิงของเราไม่คิดแค้นแถมจะไปช่วยขอร้องกับคุณชายหนีให้อีก เพราะฉะนั้น เธอเป็นแค่ผู้หญิงตัวน้อยๆ ก็ถือว่าพยายามสุดความสามารถแล้ว นายเองก็อย่าไปดุด่าอะไรเธอเลยนะ สำเร็จหรือไม่สำเร็จ นายก็ห้ามผลักความรับผิดชอบมาที่เทียนซิงของพวกเรา! ”
ถ้าเกิดว่าหนีหย่าจูนไม่ยอม หรืออาจจะไม่สามารถช่วยชีวิตของเมิ่งเสี่ยวหลงได้ แล้วถ้าเกิดว่าตระกูลเมิ่งจะมาหาเรื่องคนของตระกูลมู่อย่างบ้าครั้ง มันก็คงจะเป็นเรื่องไร้สาระมากเกินไปหน่อยรึเปล่า?
เพื่อมิตรภาพแล้ว เจี่ยงซินรู้สึกว่า เรื่องบางเรื่องก็ควรพูดให้เคลียร์ก่อนดีกว่า!
ครั้งนี้มู่อี้เจ๋อไม่ได้ห้ามภรรยาของตัวเอง วันปกติเวลาทำธุรกิจ เรื่องจัดการคนที่ทำผิดเป็นหน้าที่ของภรรยาเขาอยู่แล้ว ทั้งคู่อยู่ด้วยกันมาหลายปีแล้ว คนหนึ่งเล่นไม้อ่อนอีกคนก็ต้องเล่นไม้แข็ง อยู่ด้วยกันอย่างเข้ากันดี
เมิ่งอี้หลั่งได้ยินดังนั้น ก็พยักหน้าหลายครั้ง แล้วก็มองหน้ามู่เทียนซิงอย่างร้อนรน “ลูกสาว คุณชายหนีอยู่ที่ไหนหรอ พวกเรารีบไปกันเถอะ! ”
ไม่นานหลังจากนั้น——
รถของมู่อี้เจ๋อ ก็จอดอยู่ใต้ต้นไม้ต้นไมร์เทิลเครปที่โรแมนติก
มู่เทียนซิงหยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วก็ส่งข้อความหาหนีหย่าจูน “พี่หย่าจูน พี่อยู่ที่คฤหาสน์จื่อเวยมั้ยคะ? ฉันมีเรื่องอยากคุยกับพี่หน่อย”
หลังจากส่งไป หัวใจดวงเล็กๆ ของเธอก็เต้นรัว
เหงื่อออกเต็มมือไปหมด เธอเองก็กังวลเหมือนกัน เพราะยังไง เธอกับหนีหย่าจูนก็พึ่งรู้จักกันได้ไม่นาน และก็ไม่ได้สนิทสนมกันขนาดนั้น เธอไม่สามารถรับปากได้ว่าจะสามารถช่วยเมิ่งเสี่ยวหลงออกมาได้มั้ย
หลังจากนั้นหนึ่งนาที สิ่งที่ตอบเธอไม่ใช่ข้อความ แต่ว่าเป็นแสงไฟของคฤหาสน์จื่อเวยต่างหาก