รักครั้งแรกของคุณชายปีศาจ - ตอนที่ 90 ซาบซึ้งใจอย่างมากที่ได้พบคุณ
บทที่90 ซาบซึ้งใจอย่างมากที่ได้พบคุณ
“สรุปแล้วลูกตื่นรึยัง? พ่อกับคุณลุงเมิ่งยังรอคำตอบอยู่ที่ห้องทำงานข้างๆ นะ! ”
เจี่ยงซินรีบร้อนจริงๆ แต่ว่าเห็นท่าทีอึ้งๆ ของลูกสาวแล้ว ก็นึกว่าลูกสาวยังคงงัวเงียอยู่ ยังไม่ตื่น!
ไม่ยังงั้น เมื่อถามเธอเกี่ยวกับของที่ซือซ่าวชอบกิน เธอจะพูดแต่สิ่งที่ตัวเองชอบกินออกมาได้ยังไงกัน?
ลูกสาวที่ตัวเองเลี้ยงมา ชอบกินอะไร เธอเป็นแม่จะไม่รู้รึยังไง?
มู่เทียนซิงตาแดงขึ้นมาในทันที เพราะว่ารู้สึกซาบซึ้งกับความอบอุ่นของหลิงเล่
คนบ้า ดึกขนาดนี้แล้ว เธอยังรู้สึกซาบซึ้งในตัวเขาอยู่เลย คืนนี้ไม่ต้องนอนแล้วรึยังไง?
“เทียนซิง! ” เจี่ยงซินพูดอีกครั้ง “แล้วคุณชายหนีล่ะ? คุณชายหนีชอบกินอะไร? ”
“เขา หนูก็แค่เคยไปกินหม้อไฟกับเขา ก็เห็นว่าเขาชอบกินลูกชิ้นกุ้งสดเป็นพิเศษ กินคนเดียวไปถาดหนึ่ง แล้วก็ผักกาดแก้วด้วย วันนี้อาซือทำเมนูผักกาดแก้วผัดซอสหอยนางรม หนูชอบกินผักกาดแก้วมาก แต่ว่าไม่ชอบซอสหอยนางรม เขากับคุณอาก็เลยกินจนหมดเลย”
มู่เทียนซิงยิ่งพูด เสียงก็ยิ่งเบา
ตอนนี้เธอมีเหตุผลที่จะเชื่อว่า หลิงเล่สั่งให้ฉวีซือเหวินทำเมนูผักกาดแก้ว เพราะว่าตอนที่กินหม้อไฟเมื่อตอนกลางวันนั้น ผักสีเขียวอย่างเดียวที่เธอกินก็คือผักกาดแก้ว!
เขาคงสังเกตเห็น ก็เลยสั่งฉวีซือเหวิน
ฉวีซือเหวินกลับไม่รู้ว่าเธอไม่ชอบกินซอสหอยนางรม เพราะฉะนั้นก็เลยผัดผักกาดแก้วกับซอสหอยนางรมมา ผลก็คืออะไรที่วางบนโต๊ะแล้วเธอไม่ชอบกิน หลิงเล่และหนีหย่าจูนก็จะกินของที่เธอไม่ชอบจนหมด!
พระเจ้า!
ยิ่งมู่เทียนซิงคิดอย่างถี่ถ้วน ยิ่งรู้สึกว่าหลิงเย่ที่ดูภายนอกเย็นชามาก ที่จริงก็อบอุ่นมากเหมือนกัน!
เจี่ยงซินจดอย่างละเอียด แล้วก็รีบเดินออกไป ก่อนจะปิดประตูนั้นก็พูดออกมาอีกครั้ง “รีบนอนเถอะ! ฝันดี! ”
ตอนที่ในห้องเหลือแค่มู่เทียนซิงเพียงคนเดียว เธอนั่งกอดเข่า แล้วก็จ้องมองไปที่ป้ายโฆษณาด้านนอกเงียบๆ รู้สึกแสบจมูก ในใจรู้สึกเต็มอิ่ม
เด็กที่ขาดความรักมาตั้งแต่เด็ก พอได้มีผู้หญิงที่ตัวเองรัก ก็ใช้วิธีที่ประณีตและละเอียดอ่อนในการดูแลความรักของเขา
พอคิดถึงตรงนี้ มู่เทียนซิงก็ตัดสินใจ การที่เธอได้อยู่กับคุณอา เหมือนกับว่าเธอได้พบสมบัติแล้ว!
เธอไม่ได้สนใจว่าเขาจะสามารถยืนขึ้นได้หรือไม่ ขอแค่เขาอยู่กับเธอแบบนี้ตลอดชีวิตได้ก็ยิ่งดี เธอยอมที่จะเข็นเขาแบบนี้ไปเรื่อยๆ ยอมจริงๆ!
ดวงใจของเธอพลุกพล่านเหมือนมีคลื่นเล็กๆ มู่เทียนซิงนอนไม่หลับแล้ว
ตั้งแต่ความทรงจำที่อ่างเก็บน้ำที่เมืองชิงเฉิง และก็ได้ไปมาหาสู่หลิงเล่แต่ละครั้ง ภาพพวกนั้นปรากฏขึ้นมาในหัวของเธอ เธอก็รู้ทันทีว่า ที่จริงเขารักเธอมาตั้งนานแล้ว!
แต่ว่า เธอที่พึ่งมารู้ตัว ไม่เคยรู้มาก่อนเลย!
ฉวีซือเหวินพูดถูก เขารักเธอมากจริงๆ!
การที่เคยทะเลาะกันอย่างทุกใจนั้น ตอนนี้มาคิดกลับไป มันกลับกลายเป็นความทรงจำที่หอมหวานและมีค่า
มู่เทียนซิงคิเหลวไหลไปเรื่อย คิดย้อนกลับไปแล้วก็วิเคราะห์ดู เธอก็อารมณ์ดีมีชีวิตชีวาขึ้นมาก
หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เธอดูเวลา มันเป็นเวลาตีหนึ่งครึ่งแล้ว
ถ้าจะโทรไปตอนนี้ก็คงจะไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่
ถ้ายังงั้น……ส่งข้อความไปก็ได้!
“คุณอา หนูโชคดีมากที่ได้เจอคุณ! ”
หลังจากส่งเสร็จ เธอก็โยนโทรศัพท์ไปทางอื่น ลุกขึ้นใส่รองเท้าแตะแล้วไปเข้าห้องน้ำ ตอนที่กลับมาอีกครั้ง ก็เห็นว่าหน้าจอโทรศัพท์มีแสงปรากฏขึ้นมา เธอหยิบขึ้นมาดู ก็เห็นว่าเขาส่งข้อความกลับมาหาเธอ
“เด็กน้อย ฉันรู้สึกซึ้งใจมากที่ได้เจอเธอ! ”
เธอไม่รู้เลยว่าเธอเป็นอะไรสำหรับหลิงเล่
เขาเคยบอกว่า ขอแค่เธอมอบแสงแดดให้กับเขา เขาก็จะทำให้โลกทั้งใบสว่างขึ้นเพื่อเธอ
ความหมายของประโยคนี้ลึกซึ้ง เธอซึ้งใจ แต่ว่าไม่ได้คิดให้ถี่ถ้วน
และในโลกของหลิงเล่ เธอสำหรับหลิงเล่แล้วนั้น หมายความว่าแสงสว่าง แสงสว่างที่สามารถทำให้ทั้งโลกของเขาสว่างขึ้นมาได้
มู่เทียนซิงกอดโทรศัพท์อยู่แบบนั้นแล้วหลับไป
ในความฝัน มีดอกยี่เข่ง มีบ้านทะเลสีคราม มีเจินเจิน แล้วก็มีเขาด้วย!
—— ฉันเป็นแนวแบ่งแห่งความรักที่แท้จริง——
วันใหม่ สำหรับตระกูลมู่แล้วนั้นเป็นวันที่น่ากังวลและยุ่งเหยิงมาก
ปิดหน้าต่าง เพียงแค่เปิดผ้าม่านเท่านั้น แต่ว่ามู่เทียนซิงกลับตื่นเพราะว่าเสียงเครื่องตัดหญิง เสียงตัดแต่งกิ่งไม้ แล้วก็เสียงเครื่องดูดฝุ่นและอีกมากมาย!
เธอขยี้ตา กระดกก้นขึ้น ทำปากมุ่ย แล้วก็ดึงหมอนมาปิดหน้าของตัวเองไว้ แล้วกลับต่อ!
ความจริงแล้ว ตระกูลมู่ก็เริ่มยุ่งตั้งแต่รุ่งสางแล้ว
คนใช้ทั้งหมดมาถูพื้น ถูทางเดิน เปลี่ยนผ้าม่านเป็นต้น
เช้าวันนี้ พวกคนใช้พักผ่อนครึ่งวัน ส่วนคนในครัวและพ่อบ้านก็ไปซื้อวัตถุดิบที่ซูเปอร์มาร์เก็ตเพื่อทำตามเมนูที่มู่อี้เจ๋อเขียนเมนูไว้
คู่สามีภรรยามู่อี้เจ๋อก็ออกจากบ้านไปแล้ว แต่ว่าไม่ได้ไปที่บริษัท แต่กลับไปที่ห้างสรรพสินค้า เลือกซื้อชุดน้ำชาใหม่ จานชามใหม่ แม้แต่แก้วไวน์ใหม่
เมิ่งอี้หลั่งเองก็ไม่ได้สบาย ตามคำแนะนำของมู่อี้เจ๋อ เขาโทรหาหลิงหยวน แล้วก็เชิญให้หลิงหยวนมากินข้าวเย็นที่บ้านตระกูลมู่ด้วยกัน
พวกเขาคิดว่า ในเมื่อคุณชายหนีชอบซือซ่าว อะไรก็ให้ซือซ่าวเป็นใหญ่ แล้วซือซ่าวก็เชื่อฟังหลิงหยวน ถ้าเกิดว่าหลิงหยวนมา ทุกอย่างน่าจะเจรจากันได้ง่ายขึ้น
แต่ว่า ในสายนั้น หลิงหยวนกลับปฏิเสธเมิ่งอี้หลั่ง
เขาบอกว่า “คุณหวังว่าให้ผมยกเลิกงานหมั้นกับตระกูลมู่ ตอนนี้งานหมั้นนั้นก็ได้ยกเลิกไปแล้ว สิ่งที่รับปากคุณไว้ผมก็ทำให้เรียบร้อยแล้ว เรื่องที่เหลือ เสี่ยวสื้อจะทำอะไรก็ไม่ได้อยู่ในขอบเขตที่ผมควบคุมได้แล้ว ลูกโตแล้ว ไม่ฟังพ่อแล้ว ประธานเมิ่งยกโทษให้ผมด้วย! ”
คำตอบของหลิงหยวน ทำให้เมิ่งอี้หลั่งนึกไม่ถึงเลยจริงๆ
เขานั่งอยู่บนรถ เตรียมจะไปกินข้าวเที่ยงกับหลิงหยวนก่อน แต่พอได้ยินดังนั้น ก็คือเขาไม่ต้องการเจอเขาแล้ว!
เมิ่งอี้หลั่งร้อนรน ขับรถไปโรงพยาบาล แต่ว่าไม่สามารถพบภรรยากับลูกชายได้ แต่ได้มองห้องผู้ป่วยสีแดงอยู่ไกลๆ หลังจากมองอยู่สักพัก ก็แอบร้องไห้อยู่ในรถ รู้สึกเสียใจที่สองปีมานี้เอาแต่ยุ่งอยู่กับการทำธุรกิจ ก็เลยละเลยที่จะสั่งสอนเมิ่งเสี่ยวหลง ในความทรงจำของเขานั้น เด็กคนนี้เป็นเด็กที่รู้เรื่องมาโดยตลอด!
มู่เทียนซิงหลับตลอด หลับจนถึงตอนที่นาฬิกาปลุก หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ก็ลุกขึ้นอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลงมาชั้นล่าง!
เที่ยวบินของเมิ่งเสี่ยวหวีมาถึงตอน10.40นาที เธอออกมาจากบ้านตระกูลมู่ ถึงได้พบว่ารถยนต์ทั้งสามคันของบ้านเธอไม่อยู่เลย เธอก็เลยเรียกแท็กซี่ไปสนามบิน ตอนที่ไปถึงสนามบินนั้น ก็เป็นเวลา10.30นาทีพอดี
รออยู่หน้าประตูเกตไม่นาน ร่างของเมิ่งเสี่ยวหวีที่ตาแดงก็เดินออกมา
มู่เทียนซิงโบกมือให้เธอ “เสี่ยวหวี! เสี่ยวหวี! ”
เธอเห็นแล้ว ก็รีบวิ่งเข้าไปทันที เสียงของเธอยังแหบแห้งอยู่นิดหน่อย “เทียนซิง พี่ชายฉันเป็นยังไงบ้าง? ”
“เธอรู้เรื่องแล้วหรอ? ” มู่เทียนซิงอึ้งไป เห็นว่าเธอร้องไห้จนเป็นสภาพนี้ ก็รู้สึกปวดใจ
เมิ่งเสี่ยวหวีเม้มปาก อดทนที่จะไม่ร้องไห้ต่อหน้าคนเยอะๆ แบบนี้ สะอื้นเบาๆ ว่า “เมื่อคืนแม่โทรหาฉัน พูดไปด้วยร้องไห้ไปด้วย แต่ว่าพูดไปครึ่งเดียว ตำรวจก็ยึดโทรศัพท์เธอไป จนถึงตอนนี้ยังโทรไม่ติดเลย พี่ชายของฉันก็เหมือนกัน ฮือๆๆ ~เทียนซิง พี่ชายฉันทำไม่ดีต่อเธอ แต่ว่าเขาก็ชอบเธอมากจริงๆนะ เธอเองก็ชอบพี่ชายฉันมากเหมือนกันไม่ใช่หรอ? ”
มู่เทียนซิงหยิบทิชชูมาเช็ดน้ำตาให้เธอ แล้วปลอบออกมาอย่างอ่อนโยน “ไปกันเถอะ เรื่องราวมันซับซ้อนมากแล้ว พวกเราขึ้นรถก่อน แล้วฉันจะค่อยๆ เล่าให้เธอฟัง! ”