รักวุ่นวายของ Cool Guy สายเนี้ยบ - ตอนพิเศษ 2
“ผมกลัวว่าแหวนจะสะท้อนแสงรบกวนผู้ชมก็เลยถอดก่อนอัดรายการครับ ถ้าทำให้เข้าใจผิดเพราะเรื่องนี้ก็ต้องขอโทษด้วย ถ้าไม่ติดว่าผมแต่งงานแล้ว จะไปทานมื้อเย็นด้วยกันก็ได้นะครับ เดี๋ยวผมเลี้ยงเอง”
ใบหน้าซีดๆ ของหญิงสาวตกใจและผิดหวังชัดเจน
“เอ่อ ขะ ขอโทษนะคะ พอดีฉันมีนัดด่วน…”
หญิงสาวรีบบอก จีฮวันพยักหน้า เทียบกับประวัติการทำงานโทรทัศน์ที่ยังไม่นาน คิดว่าเป็นพิธีกรที่มีฝีมือและรักษาความนิ่งได้เป็นอย่างดี ก็เพิ่งเคยเห็นท่าทางเลิ่กลั่กอย่างนี้
เป็นจริงตามคำทำนายของอึนคัง สำหรับจีฮวัน เธอก็เข้ามาใกล้ชิดมากกว่าฐานะเพื่อนร่วมงาน พอรู้ว่าเขาแต่งงานแล้ว ก็ล้มเลิกเรื่องมื้อเย็นทันที
“เข้าใจแล้วครับ ถ้างั้นเจอกันอาทิตย์หน้านะครับ”
“ค่ะ จะ เจอกันอาทิตย์หน้าค่ะ”
จีฮวันมองด้านหลังของหญิงสาวที่รีบออกไปจากสตูดิโอ ไม่รู้จะได้ทำงานตรงนี้ไปถึงเมื่อไหร่ แต่อย่างไรก็อย่าให้งานต้องมาติดขัดเพราะเรื่องของวันนี้เลย
จีฮวันโทรหาอึนคังทันทีที่ขึ้นรถที่ลานจอดรถ คันปากยุบยิบอยากบอกให้รู้ว่าเธอเดาถูก
อึนคังคงจะดีใจมาก นึกถึงภาพอึนคังทับถมความซื่อบื้อของเขาแล้วจีฮวันก็หัวเราะออกมา
เรื่องอื่นนี่ทั้งช้าทั้งทึ่มและไร้สาระอย่างเหลื่อเชื่อ แต่พอเป็น ‘เรื่องรักๆ ของชายหญิง’ นี่รู้ดีเลยเชียว สมกับที่เป็นนักเขียนนิยายโรแมนซ์ ดีนะที่ไม่ได้พนันเงินกัน ไม่งั้นแย่แน่
ต่อไปถ้าอึนคังคำนวณแล้วบอกว่า ‘ดาราคนไหนชอบใคร’ เขาจะไม่เถียงและยอมเชื่อแต่โดยดี
สัญญาณดังสักครู่ อึนคังก็รับสาย
“เสร็จแล้วเหรอคะ”
“เสร็จแล้วครับ ตอนนี้อยู่ลานจอดรถ กำลังจะกลับ”
“เหนื่อยแย่เลยนะคะ”
ในเวลาปกติ บางทีอึนคังก็ใช้คำพูดสุภาพผสมกับการพูดธรรมดากับจีฮวันตามแต่โอกาส อย่างวันนี้รู้สึกได้ว่าพูดเพราะและมีมารยาทเป็นพิเศษ
“ไม่ได้อยู่บ้านเหรอครับ ออกมาข้างนอกเหรอ”
“ค่ะ ฉันออกมาข้างนอกค่ะ มีนัดเรื่องงาน… แล้วจะโทรกลับไปนะคะ”
“อ้า ครับ เสร็จแล้วโทรมานะครับ”
จีฮวันวางสายแล้วเอียงคอสงสัย เรื่องงานงั้นเหรอ ไม่เห็นบอกว่ามีนัด… เพิ่งแต่งนิยายเสร็จได้ไม่ถึงสิบห้าวัน มีสัญญาเรื่องใหม่มาอีกแล้วเหรอ ไม่เคยได้ว่างเลยจริงๆ ชีวิตของนักเขียนดัง
จีฮวันยักไหล่ รีบขับรถออกไป อยากรีบกลับไปทำงานบ้านโน่นนี่ก่อนอึนคังจะกลับมา
* * *
พออึนคังวางสาย ชายที่นั่งตรงกันข้ามก็ถามขึ้น
“จีฮวันเหรอครับ”
“ค่ะ”
ท่ามกลางสายตาแหลมคมของทนายรยู มือของอึนคังที่ถือท์มือถืออยู่ถึงกับต้องออกแรงเพิ่มขึ้น อึนคังจ้องตอบเขา พยายามไม่เสียกำลังใจ
พอมานั่งเผขิญหน้ากันอย่างนี้ จีฮวันคล้ายพ่อมากจริงๆ อึนคังรู้สึกแปลกๆ อย่างไรชอบกล รู้สึกเหมือนขึ้นไทม์แมชชีนไปในอีกสามสิบปีข้างหน้า มานั่งจ้องหน้ากับจีฮวันตอนแก่
อึนคังได้รับโทรศัพท์จากทนายรยูเมื่อสองชั่วโมงก่อน ฝ่ายตรงข้ามบอกชื่อทันที
‘ผม รยูจองมยองนะครับ’
ตอนแรกอึนคังฟังไม่รู้เรื่อง เธอกำลังหวีขนให้จีองอยู่ในห้องรับแขก
‘คะ? ใครนะคะ’
‘พ่อของรยูจีฮวันครับ’
มือที่กำลังแปรงขนหยุดชะงัก จีองหันมามองเหมือนจะบอกว่า มัวทำอะไรอยู่ หวีต่อสิ! จีองเอาหางตีพื้นอย่างไม่พอใจ
จีองจะยอมให้อึนคังจับเฉพาะตอนให้อาหารว่างกับตอนหวีขน อึนคังเลยหวีขนให้เพื่อหวังจะสนิทกับจีองมากขึ้นจนแขนกล้ามแทบขึ้น
‘จำผมได้ไหมครับ’
อึนคังลุกขึ้น
‘จำได้ค่ะ สวัส…ดีค่ะ’
น้ำเสียงเย่อหยิ่งของทนายรยู ทำเอาอึนคังหลังตรงโดยอัตโนมัติ
‘คุยได้ไหมครับ’
‘ได้ค่ะ’
หลังจากเจอกันที่อนุสรณ์สถานเก็บอัฐิแม่ของจีฮวัน นี่ก็ผ่านมาเกือบหกเดือนแล้ว แค่ได้ยินเสียง ท่าทางของทนายรยูก็ค่อยๆ แจ่มชัดขึ้น ผมหงอกขาว สันกรามคมชัด และสายตาแหลมคมที่จ้องมองอึนคัง
‘ยังไปได้ดีกับจีฮวันใช่ไหมครับ’
คำถามรวบรัด อึนคังเองก็ตอบตามตรงอย่างไม่ปิดบัง
‘ค่ะ’
‘ผมโทรมาเพราะมีเรื่องอยากจะถามเกี่ยวกับจีฮวัน หลายวันก่อนผมบังเอิญไปเจอคลิปคลิปนึงเข้า แล้วมันติดค้างอยู่ในใจ’
‘คลิปเหรอคะ’
‘เป็นคลิปออนไลน์เมื่อหลายเดือนก่อน ในคลิปนั่นเหมือนจีฮวัน… มีคนถ่ายไว้ตอนผู้ชายคนนึงเกือบจะถูกโดสะตัวใหญ่กัดที่สวนสาธารณะริมทะเลสาบแถวอิลซาน แต่มีหมาตัวเล็กถูกกัดแทน เขาเบลอหน้าเลยเห็นไม่ชัด แต่ดูแล้วเหมือนจีฮวันมาก… มีอะไรเกิดขึ้นกับจีฮวันหรือเปล่าครับ’
อ้า… ถึงจะตัดความสัมพันธ์ต่างคนต่างอยู่มานาน และต่อให้โกรธเกลียดกันขนาดไหน พ่อแม่ก็ยังเป็นพ่อแม่อยู่วันยังค่ำ
ไม่รู้ว่าใครเป็นคนถ่ายคลิป ถ่ายตอนไหน เอาลงเมื่อไหร่ แต่ตัวเอกในเรื่องของทนายรยูคือจีฮวันกับจากูแน่ๆ
‘คุณจีฮวันเคยเกือบจะโดนหมากัดค่ะ ถ้าถามว่าเรื่องเป็นยังไง’
‘มาเจอกันหน่อยได้ไหมครับ วันนี้เป็นยังไง ผมจะขอนัดเจอคุณหน่อย จะไปหาที่ที่คุณโกอึนคังสะดวก’
แล้วอึนคังกับทนายรยูก็มาเจอกันที่คอฟฟี่ช็อปในอิลซาน ตอนเจอกันจีฮวันก็โทรมาพอดี ทำเอาอึนคังลุกลี้ลุกลน แต่การให้รับโทรศัพท์และจับตามองของทนายรยู ทำให้คุยได้ไม่กี่คำก็วางสาย
การที่ต้องมาเห็นภาพลูกชายที่ให้ตายก็ไม่ยอมรับโทรศัพท์พ่อ ตอนยังอยู่ก็ไม่โทรหา โทรคุยหัวเราะต่อกระซิกกับผู้หญิงนั้นทำร้ายจิตใจไม่น้อย แต่ทนายรยูพยายามไม่แสดงความรู้สึกและแกล้งทำเป็นดื่มชาแทน
“อยากรู้เรื่องคลิปสักหน่อย เรื่องเป็นยังไงครับ”
“ถ้าถามว่าเกิดขึ้นเมื่อไหร่…”
อึนคังอธิบายเหตุการณ์ที่ถูกโดสะจู่โจมเมื่อใบไม้ร่วงปีที่แล้วอย่างสงบและรวบรัด
“หมาถูกกัดแผลใหญ่ช่วงระหว่างคอกับไหล่ เป็นสถานการณ์ที่อันตราย เพราะเลือดออกเยอะมาก โชคดีพาไปโรงพยาบาลทัน ปัจจุบันทั้งคุณจีฮวันและหมาตัวนั้นปลอดภัยและแข็งแรงดีทั้งคู่ค่ะ”
“เฮ้อ… คนสิ้นคิดขนาดไหน พาหมาดุแบบนั้นออกไปในที่สาธารณะ… เจ้าของโดสะถูกลงโทษแล้วใช่ไหมครับ แล้วหมาตัวนั้นเป็นยังไงบ้าง”
สีหน้าสงบ แต่เสียงของทนายรยูสั่นเล็กน้อยด้วยความโกรธ
“หมาไม่ได้กัดคน ไม่ต้องรับโทษค่ะ เขามาขอโทษคุณจีฮวัน แล้วก็จ่ายค่ารักษากับค่านอนโรงพยาบาลให้หมา”
“แค่ไม่ถูกกัดก็ไม่เป็นไรงั้นเหรอ แล้วถ้าถูกกัดจะทำยังไง! ไหนจะบาดทะยัก ไหนจะพิษสุนัขบ้า ถ้าติดขึ้นมาล่ะ!”
เสียงทนายรยูตวาดดังราวกับอึนคังเป็นเจ้าของโดสะตัวนั้น
อึนคังมองทนายรยูที่สติแตกกับสถานการณ์หวาดเสียวที่เฉียดลูกตัวเองอย่างไม่เคยประสบพบเจอมาก่อน
ใช่คนเดียวกับที่ปล่อยโดเบอร์แมนมาขู่โดยอ้างว่าจะดัดนิสัยลูกชายวัยสิบขวบที่ไม่ฟังตัวเองพูดแน่เหรอ ท่าทางจะจำไม่ได้ว่าตัวเองนั่นแหละที่เป็นคนสร้างความกลัวนี้ให้จีฮวันเมื่อหลายสิบปีก่อน
คนเรานี่ลืมง่ายจัง ใช้ชีวิตอยู่มาโดยไม่ได้สนใจเลยว่าการกระทำของตัวเองสร้างบาดแผลให้คนอื่น
สายตาของอึนคังมองราวกับทะลุไปข้างใน ทนายรยูกระแอมไอพลางสงบสติอารมณ์
“อืม ยังไงหนูก็ไม่ใช่ผู้เกี่ยวข้อง อย่าพูดอะไรจะดีกว่า รู้ไหมว่าเจ้าของหมาตัวที่ช่วยจีฮวันเอาไว้เป็นใคร ควรต้องไปตอนแทนเสียหน่อย…”
“ไม่เป็นไรไม่ต้องตอบแทนก็ได้ค่ะ เรื่องมันจบไปแล้ว”
“นั่นมันต้องเป็นคำพูดของเจ้าของหมาไม่ใช่รึ”
อึนคังตอบกลับคำว่ากล่าวที่ว่าอย่ายุ่งเรื่องที่ไม่ใช่ของตัวเองเสียงใส
“ใช่ค่ะ ถึงได้บอกว่าไม่จำเป็นต้องตอบแทน เจ้าของหมาตัวนั้นคือฉันเองค่ะ”
ทนายรยูนิ่งอึ้ง ความตกใจฉายวาบในแววตาแวบหนึ่ง
“คุณจีฮวันตอบแทนมาพอแล้วค่ะ หมาของฉันชื่อจากู คุณจีฮวันบอกว่าจะรับผิดชอบค่าขนมของจากูไปชั่วชีวิต แล้วก็รับหน้าที่พาไปเดินเล่นด้วย”
ถึงจะมีบุญคุณอย่างไร แต่ถึงขนาดอาสารับหน้าที่พาหมาของคนอื่นไปเดินเล่น? ไอ้ทึ่มนี่
“แล้วทำไมเดี๋ยวนี้ถึงได้ออกทีวีบ่อยๆ”
เห็นทนายรยูเขินแล้วทำเป็นเปลี่ยนเรื่อง อึนคังก็ได้แต่ขำในใจ พูดแต่จะตอบแทนสองรอบ แต่ไม่มีขอบคุณสักคำ ยังขี้งกคำพูดที่เป็นมารยาทอย่างขอบคุณหรือขอโทษเหมือนเดิม อยู่แบบนี้มาทั้งชีวิต คงจะยากเกินเปลี่ยนแปลงตัวเองแล้ว
“สามเดือนก่อน หนึ่งในลูกค้าที่มาที่ธนาคารเป็นโปรดิวเซอร์สถานีโทรทัศน์ พอดีเขาขาดคน ก็เลยมาขอร้องคุณจีฮวันอย่างเร่งด่วน เพราะใกล้จะต้องอัดแล้ว แต่ผลตอบรับดีมากอย่างไม่คาดคิดเลยนะคะ มีคำชมส่งเข้ามาจากที่นู่นที่นี่ ทุกครั้งที่ไปออก กระแสตอบรับก็ดีตลอด เลยทำรายการให้คุณจีฮวันมาเป็นพิธีกรหลัก”
“มันเป็นอาชีพก็ควรจะทำได้ดีอยู่แล้ว จิ๊ ว่าแต่หนูนี่รู้ดีเหมือนคนข้างบ้านจีฮวันเหมือนเคยนะ”
ทนายรยูพูดตัดบท การที่อึนคังรู้เรื่องของจีฮวันเป็นอย่างดีนั้นบาดความรู้สึกเป็นอย่างยิ่ง
“เราอยู่ด้วยกันค่ะ”