รักวุ่นวายของ Cool Guy สายเนี้ยบ - บทที่ 29-2 ไส้พุงของแฟนเก่า / บทที่ 30-1 เธอ,ฉัน ทำไมรุ่มร้อนกันอย่างนี้
- Home
- รักวุ่นวายของ Cool Guy สายเนี้ยบ
- บทที่ 29-2 ไส้พุงของแฟนเก่า / บทที่ 30-1 เธอ,ฉัน ทำไมรุ่มร้อนกันอย่างนี้
บทที่ 29-2 ไส้พุงของแฟนเก่า
อึนคังยื่นมือจะไปหยิบผลไม้ ก็โดนจีฮวันตีเข้าให้ที่หลังมือ
“ฮึ่ย! ไปล้างมือก่อนแล้วค่อยมากิน”
“ฮือ”
อึนคังบ่นอู้อี้ รีบไปล้างมือมาด้วยความไวแสง
“คุณพีบีไม่ล้างเหรอคะ”
“ผมล้างที่ซิงค์มาแล้ว”
“อนามัยจัด”
“โน! แค่รักษาความสะอาด”
หัวเราะคิกแล้วชนกระป๋องเบียร์ หลังจากร้านแรกที่ร้านแฮจังกุกที่จงโน ก็ข้ามกลับมาที่อิลซาน ไปต่อที่ร้านเบียร์กับร้านไส้ย่าง ทั้งคู่ดื่มกันไปเยอะพอสมควร สภาพในตอนนี้จึงตาตกหน่อยๆ ลิ้นเปลี้ยเป็นบางครั้ง และก็ยังมาต่อยกที่สี่
“อ้า อร่อย”
อึนคังดื่มเบียร์อึกๆ แล้วหยิบชีสกินตาม เคี้ยวตุ้ยๆ จนแก้มตุ่ย จีฮวันคิดว่าเหมือนหนูแฮมสเตอร์อมเมล็ดทานตะวันไว้เต็มแก้ม
“ว่าแต่ทำไมถึงชวนมากินที่บ้านล่ะครับ นึกว่าจะซื้อเบียร์ดื่มที่ซูเปอร์สักกระป๋องแล้วเลิก”
“ก็มันหนาว แล้วก็มืดแล้วด้วย อยากนั่งหย่อนก้นดื่มสบายๆ ฉันรู้ค่ะว่าคุณพีบีเป็นโรคคลั่งความสะอาด ไม่ชอบมาเปิดปาร์ตี้ดื่มเหล้าที่บ้าน”
“ผมไม่ได้คลั่งความสะอาด”
“เนี่ย เนี่ย”
จีฮวันจ้องอึนคังนิ่งๆ แล้วพูดออกมา
“วันนี้ขอบคุณนะครับ”
“เรื่องอะไรคะ”
“ก็เรื่องโน้นเรื่องนี้”
“ที่ซื้อเสื้อผ้าให้ แล้วก็ไปเป็นเพื่อนกินเหล้าหลังจากเจอแฟนเก่าสิบชั่วโมงน่ะเหรอคะ”
“นั่นแหละครับ ยังไงก็ขอบคุณนะครับ”
“ขอถามอะไรอย่างนึงได้ไหมคะ”
“ไม่ได้ครับ”
“เชอะ รู้เหรอคะว่าฉันจะถามอะไร”
“ดูทรงแล้ว น่าจะไม่พ้นเรื่องแฟนเก่าผม”
“เจอกันได้ยังไงคะ”
“คุยเรื่องอื่นเถอะ”
“งั้นจะเล่าเรื่องแฟนเก่าฉันให้ฟังนะคะ”
“ไม่ได้อยากรู้สักนิด”
“ไม่อยากรู้บ้างเลยเหรอคะ จะเอาเวอร์ชั่นไหน ซีรีย์แฟนเก่าฉันมีเพียบเลยนะ ทั้งจับปลาสองมือ, ค้ำประกันหนี้, ดำน้ำหนีหาย!”
จีฮวันหัวเราะอย่างไร้สาระ
“ผมไม่สนใจซีรีย์แฟนเก่าของคนอื่น แล้วก็ไม่อยากเล่าเรื่องแฟนเก่าตัวเองด้วยครับ”
“แหม คนเรา ไม่ให้ต่อรองอะไรเลย ถ้างั้นขออย่างนึงนะคะ”
คำที่ไม่เคยคิดกระเด็นออกมาจากปากของอึนคัง
“ขอ? อะไร”
“มาเล่นยาจาไทม์[1]กัน”
“อะไรนะครับ”
“ฉันบอกว่าอยากเล่นยาจาไทม์ไงค่ะ”
จีฮวันหัวเราะขำ
“แม่หนูนี่ท่าจะเมาแล้ว เมาแล้วใช่ไหม นี่ไม่ใช่มาท่องเที่ยวสมัยมหาลัยซะหน่อย ยาจาไทม์อะไรกัน”
“นะคะ ฉันอยากเล่น! ฉันขอร้องขนาดนี้แล้ว ไหนว่าขอบคุณฉันไง แค่นี้ก็เล่นด้วยไม่ได้เหรอคะ”
“ให้ตายเถอะ ตื๊อชะมัด อยากเลิกพูดสุภาพแล้วก็ปีนเกลียวผมสินะ”
“จะเล่นไม่เล่นคะ ถ้าไม่เล่นจะกลับแล้ว”
อึนคังทำเป็นขยับก้น จีฮวันเลยรีบรับคำ
“ก็ได้ มาเล่นกัน”
“จริงนะ ไม่มีเบี้ยวนะ”
“แต่ห้ามใช้คำด่า คำหยาบคาย เล่นได้แต่ต้องรักษาความไพเราะของคำพูดด้วย”
“โอเค๊”
“อ้อ แล้วก็ไม่ใช้ภาษาวิบัติในเน็ตด้วยได้ไหม อย่าง สวดยอด อะไรพวกนั้น คุณเป็นนักเขียนไม่ใช่หรือไง”
“อ้า ไม่ชอบคำแสลง?”
“คำแสลง?”
“ท่าทางจะเป็นพวกเด็กเรียน ชอบขวางไปหมด เอิ๊กกก”
“ใครกันขวางไปหมด ผมไปขวางอะไรตรงไหนกัน”
“ออกนอกลู่นอกทางบ้างก็ได้นะคะ อะไรกัน คนอะไรชอบความสมบูรณ์แบบเสียขนาดนี้ ไอ้หน้าตาดีก็ดีอยู่หรอก แต่นิสัยไม่อ่อนโยนเลย”
“เฮอะ! เธอนั่นแหละหน้าตาตลก”
“อะไร ใครตลก!”
“ก็เธอไงเธอ เธอนี่ตลกจริงๆ โกอึนคัง! คนอะไรขี้เหร่ชะมัด”
แต่มือกับคำพูดนั้นทำตรงกันข้ามกัน ปากก็ว่าขี้เหร่ไปพลางเอานิ้วก็จิ้มแก้มอึนคังไป พอจิ้มแล้วก็ได้รู้ ว่าอยากจิ้มแก้มป่องๆ นี้มาตลอด ตั้งแต่ตอนที่เจอกันอีกครั้งที่คาเฟ่ ก็ลองอยากจับแก้มดึงไปมา
“โอ๊ย ขี้เหร่ ขี้เหร่ ฉันขี้เหร่ขนาดนั้นเลยหรือไง”
จีฮวันจับแก้มทั้งสองของของอึนคัง หัวเราะพลางดึงไปมา แล้วสติที่เคยประคองอย่างยากเย็นก็พังทลายลงในพริบตาขณะที่เล่นยาจาไทม์
บทที่ 30-1 เธอ,ฉัน ทำไมรุ่มร้อนกันอย่างนี้
“หยุดนะ”
อึนคังบ่นทั้งที่แก้มทั้งสองยังถูกจีฮวันดึงอยู่
“ไม่ชอบเหรอ”
จีฮวันจับแก้มทั้งสองข้างของอึนคังดึงไปมา แก้มนุ่มนิ่มเด้งดึ๋งเหมือนเยลลี่ให้สัมผัสดีไม่ใช่เล่น
“บอกให้หยุดไง ถ้าเมาก็เมาให้มันดีๆ หน่อย!”
อึนคังปัดมือจีฮวันทิ้ง
“โอ๊ะ คนขี้เหร่เกรี้ยวกราดเหรอ”
“นึกว่าหล่อนักหรือไง ขาวยังกะแป้งสาลีที่นวดนิ่มแล้ว”
“ฮ่าๆ!”
จีฮวันระเบิดหัวเราะ ลากนิ้วขึ้นไปลูบผมช้าๆ ราวกับจะยั่วยวน
“ตาไม่ดีแบบนี้เป็นนักเขียนได้ไง ดูให้ดีๆ สิ หน้าแบบนี้น่ะเหรอเหมือนแป้งสาลี คิดแบบนั้นจริงๆ เหรอ จากใจจริง?”
จีฮวันเอาหน้ายื่นมาหาอึนคัง เธอแอบหันหนี
“อย่าหันไปสิ มองให้ชัดๆ เช็คดูด้วยตัวเองว่าเป็นแป้งสาสีหรือแป้งข้าวเหนียว”
จีฮวันดึงมืออึนคังมาวางบนหน้าของตัวเอง อึนคังเขินจัดถึงกับสะบัดมือออก
“กะ ก็ได้ หล่อก็ได้! บอกว่าหล่อไงเล่า!”
เมื่อได้คำตอบที่ต้องการ จีฮวันก็หัวเราะอย่างพอใจ ดื่มเบียร์อึกๆ นิ้วยาวขาวๆ ที่จับกระป๋องเบียร์, สันจมูกที่โด่งเหมือนเทือกเขาชารยอง, สันกรามคมราวกับตัด, ลำคอยาวที่ทอดลงมาจากสันกราม ดูเหนียวหนึบเหมือนแป้งข้าวเหนียวตามที่จีฮวันบอก อึนคังเผลอกลืนน้ำลายไม่รู้ตัว
อึนคังสบสายตากับจีฮวันแล้วก็เบนหลบพลางบ่น
“ภายนอกอาจจะเพอร์เฟกต์ แต่ไม่อาจรู้ข้างในได้…”
“มีสุภาษิตละตินกล่าวไว้ว่า หน้าตาดีเป็นใบรับรองที่ไม่มีคำพูด ของฝรั่งเศสก็มีว่า รูปร่างหน้าตาที่ดีก็เหมือนอาหารฟูลคอร์ส ตั้งแต่ยุคประวัติศาสตร์แล้ว ที่มักจะตีค่าว่ารูปโฉมภายนอกดูดีเท่าไหร่ก็มีค่าเท่านั้น”
“ถึงได้มีคำพูดที่ว่า รถลากเปล่าๆ ยิ่งส่งเสียงดังวุ่นวาย[2]”
“ใช่นักเขียนเปล่าเนี่ย จะใช้ก็ยังเอามาใช้เปรียบเทียบผิดๆ แล้วฉันเคยไปทำเสียงดังวุ่นวายอะไร”
ที่จีฮวันพูดก็ถูก อึนคังเลยยิ่งหงุดหงิด
“ความเฉลียวฉลาดของบรรพบุรุษที่บอกว่าจะประเมินค่าคนเราจากภายนอกไม่ได้ ถึงได้มีสำนวนสุภาษิตที่ว่า ข้างนอกสุกใส ข้างในเป็นโพรงไงล่ะ!”
“แล้วที่บรรพบุรุษว่าต๊อกสวยจะกินอร่อยล่ะ”
“อันนั้นพวกคนขายต๊อกเขาพูดเพื่อจะได้ขายต๊อกได้เยอะๆ! พวกที่ภายนอกดูน่าเกลียดจะอร่อยมาก จากที่เห็นในธรรมชาติ พวกที่อร่อยมักจะทำให้ตัวเองดูน่าเกลียด”
“อืม งั้นเหรอ”
“ใช่ค่ะ รู้จักการปรับตัวให้กลมกลืนกับสภาพแวดล้อมไหมคะ พวกที่สร้างหนามแหลม สีสันน่าเกลียด อย่างพวกสัตว์ในทะเล เช่น ปลิง, หอยเม่น, กระจู๋ทะเล ถึงหน้าตาน่าเกลียด แต่รสชาติอร่อยเลยใช่ไหมล่ะ”
“พวกที่ไม่สวยเป็นแบบนั้น ถ้างั้นโกอึนคังก็คงจะอร่อยสินะ”
จู่ๆ ก็เจอคำพูดแบบนี้ทำเอาอึนคังพูดไม่ออก จีฮวันที่อดใจไม่ไหวกุมหมับเข้าที่แก้มทั้งสองข้างของอึนคังที่ได้แต่อ้าปากค้างตาโต และโฉบริมฝีปากลงไป ครั้งนี้สถานการณ์จริงไม่ใช่จินตนาการ
จีฮวันที่ชิมริมฝีปากของอึนคังอย่างเอร็ดอร่อยผละริมฝีปากออก อึนคังถึงกับพ่นลมหายใจที่กลั้นไว้ออกมา
“จริงด้วย”
จีฮวันลูบไล้ริมฝีปากชื้นแดงของอึนคังจากการจู่โจมอย่างกะทันหัน
“หวาน อะไรอย่างนี้”
อึนคังได้แต่ทำตาปริบๆ ไม่อยากจะเชื่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับริมฝีปากตัวเอง
“ทะ ทำอะไรน่ะ”
“จูบ”
“ทำไม”
“ก็จะลองชิมว่าอร่อยจริงไหม”
“ปะ ปากฉันเป็นเกี๊ยวให้ลองชิมฟรีในซูเปอร์รหรือไง ทำไมถึงมาลองชิมโดยไม่ได้รับอนุญาต”
“ไม่เก่งสุภาษิต แต่ช่างเปรียบจริง เป็นนักเขียนจริงหรือเปล่า”
“อย่ามาเฉไฉ! ชอบฉันใช่ไหม”
“ก็บอกตั้งหลายครั้งแล้ว ว่าไม่ใช่สเปก”
“งั้นมีอารมณ์? ความใคร่มันทะลักทะล้น?”
“นั่นก็ไม่ใช่”
“นู่นก็ไม่ใช่ นี่ก็ไม่ใช่ แล้วเพราะอะไร จะ จูบฉันทำไม”
“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าทำไมถึงทำแบบนั้น”
“ดูดปากคนอื่นโดยที่ไม่รู้เนี่ยนะ”
อึนคังฉุนเฉียว ส่วนจีฮวันหัวเราะคิก
“แต่ที่รู้แน่ๆ คือ ครั้งเดียวไม่พอ และไม่มีเหตุผล”
……………………………………..
[1] ยาจาไทม์ การพูดจากันโดยไม่ต้องคำนึงถึงอายุและใช้ภาษาแบบเป็นกันเองในเวลาที่กำหนด ซึ่งสามารถใช้คำพูดได้โดยไม่ต้องเกรงใจกัน เป็นเกมเพื่อสร้างความสนุกสนานและความสนิทสนม ลดความเกร็งระหว่างผู้น้อยกับผู้ที่อาวุโสกว่า
[2] รถลากเปล่าๆ ยิ่งส่งเสียงดังวุ่นวาย เป็นสำนวนเกาหลีหมายถึง คนโง่มักพูดมาก