รักวุ่นวายของ Cool Guy สายเนี้ยบ - บทที่ 56 วันที่บาดแผลที่เก็บซ่อนไว้มานานเผยออกมา
เสียงของจีฮวันที่ดังก้องล็อบบี้ทำเอาอึนคังสะดุ้งตกใจ
สายตาของจีฮวันที่พุ่งตรงไปยังชายที่สันนิษฐานว่าเป็นพ่อของเขาเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและชิงชัง สายตาที่น่ากลัวที่เพิ่งเคยเห็น และเสียงดังลั่นที่เพิ่งเคยได้ยินของจีฮวันทำเอาอึนคังแทบหยุดหายใจ
“ทำไม คิดว่าจะเอาไปซ่อนได้งั้นเหรอ ถึงทั่วประเทศจะมีที่เก็บกระดูกหลายร้อยหลายพันแห่ง แต่ด้วยคอนเนคชั่นของฉัน ทำไมจะหาเถ้ากระดูกแค่อันเดียวไม่เจอ แกมันโง่ ไอ้ความคิดที่มันดีเลิศ…”
“แม่เป็นสิ่งของหรือไง เอาไปซ่อนอะไรกัน!”
จีฮวันตวาดลั่นอีกครั้ง อึนคังสะดุ้งอีกรอบ จีฮวันไม่สามารถควบคุมความโกรธได้ เขากำหมัดเข้าไปหาชายคนนั้น ท่าทางเหมือนจะชกถ้าจำเป็น
แต่ชายคนนั้นไม่ตกใจแม้แต่น้อย สายตาจ้องจีฮวันเหมือนสิ่งที่เขาทำนั้นน่าขัน ยกมุมปากบางยิ้มเยาะ
“ท่านผู้พิพากษาไม่ได้ทำค่ะ! ฉัน ฉันเป็นคนสืบหาเอง เมื่อสามปีก่อน ฉันอยากมาเคารพอัฐิคุณผู้หญิง”
ผู้หญิงคนนั้นรีบเข้ามาขวางหน้า ราวกับปกป้องชายวัยกลางคน
“ท่านผู้พิพากษาก็ไม่ได้สบายใจ แต่ฉันยืนกรานจะตามหาเองค่ะ ที่วัดที่เคยไว้ป้ายชื่อจารึกก็ไม่รู้ แล้วก็ไม่มีวิธีติดต่อคุณจีฮวัน รู้ว่าควรต้องลองถามคุณจีฮวันก่อน แต่เพราะอยากเจอคุณนาย เลยทำตามอำเภอใจไป…ขอโทษจริงๆ นะคะ คุณจีฮวัน”
ผู้หญิงคนนั้นน้ำตาคลอ แต่สายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธของจีฮวันกลับมองมาราวกับนี่ช่างเป็นเรื่องไร้สาระ
“สามปีแล้ว? สามปีที่ผมไม่รู้ แอบวิ่งเข้าออกที่นี่เหมือนพวกหนู แล้วตอนนี้?”
“ระวังคำพูดด้วย”
“ทำไมครับ ถ้าไม่ระวังแล้วจะยังไง ทำอย่างที่เคยน่ะเหรอ ไม่มีใครมอง เชิญทำตามใจเลยครับ”
จีฮวันยกมือขึ้น
“ทำไมครับ ทำไมอยู่เฉยๆ ล่ะครับ ไม่เห็นหรือไงว่าผมทำตัวไร้มารยาทน่ะ เชิญสั่งสอนได้เลย เอาสิครับ”
“อย่าเสียมารยาท”
“แต่ก่อนที่ผมทำผิด ชอบใจดีแก้ไขให้ไม่ใช่หรือครับ น่าเสียดาย ตอนนี้กำลังวังชาไม่พลุ่งพล่านเหมือนเก่า อ้อ ท่าทางผมจะเข้าใจผิดไปเอง ลืมไปว่าที่นี่มีกล้องวงจรปิด คงกำลังอดทนอยู่สินะครับ คงคันไม้คันมือน่าดู ท่านผู้พิพากษาของเราลำบากแย่เลย จะทำยังไงดีล่ะครับ”
“หุบปากไม่เป็นใช่ไหม พูดจาหยาบคายสิ้นดี โดนเขาขับไล่ไสส่งออกจากที่งาน แล้วยังทำตัวไม่มีเกียรติแบบนี้อีกเหรอ จับมือถือแขนผู้หญิงในห้องเก็บอัฐิที่เขาให้มาเคารพคนตาย ไปเอานิสัยอย่างนี้มาจากไหน!”
“จะเอามาจากไหน ลูกก็เป็นกระจกของพ่อแม่ไม่ใช่หรือครับ ถึงแม้กระจกจะแตกไปแล้ว ก็ยังเป็นกระจก”
ความโกรธทวีคูณ จีฮวันยังคงเหน็บแนมอย่างเผ็ดร้อนราวราวกับจงใจ และท่าทางแบบนี้ก็ไม่คุ้นสำหรับอึนคังอีกเช่นกัน
“คุณจีฮวัน! พอเถอะค่ะ ตั้งแต่ปีหน้าเราจะไม่มาที่นี่อีก เพราะฉะนั้นเลิกโมโห…”
“เลขาคิม ถ้าต้องการทนายบอกนะครับ”
“คะ?”
“ผมรู้จักทนายที่เชี่ยวชาญเรื่องหย่าเก่งๆ เยอะ อย่าลืมไปขอใบรับรองแพทย์ไว้ด้วยนะครับ ถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐานก่อนที่รอยช้ำจะหายไป จะได้ไม่เสียแม้แต่แดงเดียว”
ผู้หญิงคนนั้นตกใจจนพูดจาติดๆ ขัดๆ
“ฉะ ฉันไม่รู้ว่าคุณจีฮวันพูดถึงอะไร”
จีฮวันจับแขนซ้ายของผู้หญิงคนนั้นและถลกแขนเสื้อโค้ตขึ้น ที่ข้อมือขาวบางของเธอเป็นรอยยาวสีม่วงชัด ราวกับไส้เดือนคลานรอบ
รอยที่เหมือนไส้เดือนพันรอบนั่น ขนาดอยู่ไกลยังเห็นได้อย่างชัดเจน อึนคังถึงกับขมวดคิ้ว
“แม่ผมเป็นคนถนัดซ้าย ที่แขนขวาก็มีรอยแบบนี้มาตลอดชีวิต ส่วนใหญ่ข้างที่ใช้บ่อยๆ จะไม่โดน เป็นการเอาใจใส่สุดท้ายของสุภาพบุรุษจอมปลอม ใช่ไหมครับท่านผู้พิพากษา”
จีฮวันมองตรงไปที่พ่อพร้อมกับกระแนะกระแหน
“มีคำโบราณว่าไว้ สันดอนขุดง่าย สันดานขุดยาก”
“แกเสียสติไปแล้วใช่ไหม แกมันบ้าไปแล้ว! ไปเอาเลือดชั่วๆ นั่นมาจากไหน”
ดวงตาของจีฮวันดูแปลกไป อึนคังส่ายหน้าโดยไม่รู้ตัว อ้า อย่านะคุณพีบี ตั้งสติเอาไว้
“มีเลือดของคนบ้า ยังดีกว่ามีเลือดของฆาตกรนะครับ”
ผู้ชายคนนั้นถึงกับหมดความอดทนเงื้อมือใส่จีฮวัน อึนคังกำลังจะพุ่งออกไป แต่ผู้หญิงคนนั้นเข้ามากันจีฮวันก่อน ฝ่ามือของผู้ชายคนนั้นเลยฟาดลงบนหลังเธอ
จีฮวันคว้าผู้หญิงที่เซจนเกือบล้มเอาไว้พลางจ้องผู้ชายคนนั้นราวกับจะฆ่า เป็นชั่วขณะที่วิกฤตแทบหยุดหายใจ
“คะ คุณจีฮวัน ออกไปกับฉันหน่อยนะคะ นะคะ?”
ผู้หญิงดึงสองแขนจีฮวันตรงไปยังประตูใหญ่ ทำอย่างไรก็ได้เพื่อแยกผู้ชายสองคนออกจากกัน
หลังจากทั้งสองคนออกไปจากประตูแล้ว อึนคังที่แอบอยู่หลังเสาก็ระบายลมหายใจออกมาช้าๆ หัวใจเต้นแรงและดังมาก จนกลัวว่าจีฮวันจะได้ยิน
รู้สึกไม่ดีที่แอบมาได้ยินเรื่องภายในครอบครัวของจีฮวันเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ อยากอุดหู ปิดตา จะได้ไม่ต้องได้ยินได้เห็นอะไร ถ้าจีฮวันรู้เรื่องนี้ จะยิ่งรู้สึกเสียหน้าแค่ไหน
โกอึนคัง เธอมันแย่จริงๆ อึนคังเดินไหล่ตกออกไปยังประตู
“เดี๋ยว หยุดอยู่ตรงนั้นก่อน”
เสียงทุ้มต่ำออกคำสั่งของผู้ชายคนนั้นรั้งอึนคังเอาไว้ ออกไปเลยไม่ต้องสนใจ ทำเป็นไม่ได้ยินแล้วออกไปซะ! อย่าไปข้องเกี่ยวเด็ดขาด คุณพีบีจะต้องไม่ชอบแน่
อึนคังค่อยๆ หันกลับไป ผู้ชายคนนั้นเดินตรงเข้ามา สายตาไม่เป็นมิตรเหมือนเจาะทะลุเข้ามาในหัว
“สนุกสินะ”
“…”
“แอบดูครอบครัวคนอื่นเขาทะเลาะกัน”
อึนคังโค้งตัวให้
“คงจะเดาได้แล้วว่าผมเป็นพ่อของรยูจีฮวัน คุณเป็นอะไรกับรยูจีฮวัน”
น้ำเสียงไม่ชอบใจถามราวกับสอบสวน สีหน้าของเขาก็เช่นกัน
ถามว่าเป็นอะไรกับ ‘รยูจีฮวัน’ ไม่ใช่ ‘ลูกชายของผม’ หรือ ‘ลูกชายของเรา’ พ่อแม่เรียกชื่อลูกพร้อมนามสกุลแบบนั้นฟังดูแปลกๆ สำหรับอึนคัง อย่างกับข้าราชการอ่านเอกสาร
“เป็นเพื่อนบ้านอยู่ตึกเดียวกัน แล้วก็เป็นเพื่อนร่วมงานด้วยค่ะ”
“เพื่อนร่วมงาน? เป็นพนักงานธนาคาร?”
สีหน้าเหนือความคาดหมายปรากฏขึ้นมาแวบหนึ่ง สายตาที่กวาดมองตั้งแต่หัวจรดเท้าเต็มไปด้วยความสงสัย น้ำหน้าอย่างเธอน่ะเหรอเป็นพนักงานธนาคาร?
“ไม่ใช่ค่ะ ฉันทำงานคนละด้าน แต่ต้องการที่ปรึกษาเกี่ยวกับธนาคาร เลยได้คุณพีบีรยูจีฮวันมาช่วยค่ะ”
อึนคังตอบอย่างสงบนิ่ง
“สุดท้ายก็ไม่ได้เป็นอะไรกัน ให้ช่วยเรื่องที่ปรึกษา แต่ไม่แยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว การมาจับมือถือแขนกันแบบนี้มีความสัมพันธ์ยังไง เดี๋ยวนี้เพื่อนบ้านเขาใกล้ชิดกันขนาดนี้แล้วเหรอ หรือสาวๆ สมัยนี้คิดน้อยกันขนาดนั้น”
สายตาของเขาที่จ้องอึนคัง ทั้งไม่ดีและชวนให้อารมณ์เสีย แถมคำพูดที่กดฝ่ายตรงข้าม ยังบาดหู
อึนคังสะกดคำว่า อดทนอยู่ในใจ เขาเป็นพ่อของจีฮวัน ถึงจะเฮงซวยแต่ก็เป็นพ่อของจีฮวัน ถึงจะไร้มารยาท แต่ก็เป็นพ่อของจีฮวัน อาจจะไม่มีเรื่องให้เจอกันอีก แต่อย่างไรเขาก็เป็นพ่อของจีฮวัน ต้องมีมารยาทให้ถึงที่สุด อย่างนั้นใช่ไหม
“ใกล้ชิดกันเกินไปหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องที่คนนอกจะมาตัดสิน ฉันคิดว่าการที่เพื่อนบ้านสนิทกันไม่ใช่เรื่องไม่ดีอะไร รู้ไหมคะว่าสังคมประเทศเราสมัยนี้ มีคนตายอย่างโดดเดี่ยวเยอะมาก การอาศัยอยู่ในยุคสมัยที่ครอบครัวตัวคนเดียวมีมากกว่าห้าล้านคน มีเพื่อนบ้านช่วยดูแลกัน ออกจะเป็นเรื่องที่โชคดีไม่ใช่เหรอคะ”
อึนคังตอบอย่างใจเย็นด้วยเสียงฉะฉาน สีหน้าของชายที่เคยไม่ชอบใจเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“ชื่ออะไร”
“โกอึนคังค่ะ”
“งานที่ทำล่ะ”
“เขียนหนังสือเลี้ยงปากท้องค่ะ”
ถ้างั้น ก็ไม่ใช่สังคมที่ออกไปทำงานเลิกงานกลับบ้านตามปกติสินะ
ต่อหน้าผู้ใหญ่ถึงได้ต่อปากต่อคำไม่ลดละ ทำตัวไม่มีมารยาท จับมือถือแขนผู้ชายในที่สาธารณะ แถมยังเถียงข้างๆ คูๆ ด้วยเหตุผลไม่เอาไหน ทนายรยูคิดว่านักเขียนเป็นสิ่งไร้ค่า เหมือนน้ำเต้าที่รั่ว
แต่น้อยมากที่ลูกชายจะยอมให้ใครอยู่ข้างๆ และพาคนอื่นมาที่เก็บอัฐิของแม่ มองอย่างไรก็ไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่ธรรมดา
สภาพจับมือสาวหน้ารูปของแม่ มันคือผู้ชายที่กำลังจะสารภาพรักไม่ผิดเพี้ยน ตาที่จ้องมองผู้หญิงมันใช่อย่างนั้น
อีกฝ่ายที่ลูกชายสารภาพรักช่างเป็นผู้หญิงที่ไม่ได้ ลูกชายของเขานั้นดูภายนอกอาจจะเหมือนตัวเอง แต่ข้างในมาทางฝั่งแม่ที่ไม่ได้เรื่อง อ่อนแอ เซนซิทีฟ ไม่เข้มแข็ง เป็นยีนด้อยที่รวมตัวกันอยู่ข้างใน
แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้าย ที่ผู้หญิงเหมือนจะไม่ได้มีใจให้ลูกชายมากไปกว่าเพื่อนบ้าน ไม่มีเซ้นส์ ไม่รู้จักเกรงใจผู้ใหญ่ แถมยังพูดมากเหมือนคนป่า
ท่าทางจังหวะที่ลูกเขาโดนไล่ออกจากบริษัทสติอาจจะล่องลอยไปทั่ว จิตใจคงอ่อนแอ เลยไปมีความรักไร้สาระแบบนี้
ดูแล้วไม่น่าเป็นห่วง ไม่น่าจะไปกันได้นาน แต่ไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น อย่างไรก็เตรียมตัวไว้ก่อนดีกว่า
ทนายรยูหยิบนามบัตรจากกระเป๋ายื่นให้อึนคัง
“คุณโกอึนคัง เป็นเพื่อนบ้านที่มีความสัมพันธ์อันดีกับจีฮวัน ผมคงต้องขอร้องบางอย่างในฐานะพ่อของเพื่อนบ้าน”
อึนคังจ้องมองนามบัตรของทนายรยูที่ยื่นมาให้พร้อมรับด้วยสองมือ
“พูดตามตรง จีฮวันไม่รับโทรศัพท์ทุกสายจากผม คุณโกอึนคังเองก็มีพ่อแม่ น่าจะเข้าใจความไม่ลงรอยกันระหว่างพ่อแม่ลูกที่คนอื่นไม่เข้าใจ เป็นนักเขียนน่าจะเข้าใจความขัดแย้งที่มีระหว่างพ่อกับลูกชาย ไม่ว่าดีหรือไม่ดียังไง พ่อแม่ก็ยังเป็นห่วงลูกเสมอ จีฮวันแยกไปอยู่คนเดียว ในฐานะพ่อก็อดห่วงไม่ได้ ถ้ามีเรื่องฉุกเฉินแล้วติดต่อจีฮวันไม่ได้ จะขอรบกวนคุณโกอึนคังได้ไหมครับ”
อึนคังที่ก่อนหน้านี้จ้องนามบัตรที่เขียนว่า ‘ทนายรยูจองมยอน’ หันมากะพริบตาปริบๆ มองทนายรยู
“ที่พูดหมายความว่า…”
“ผมให้เบอร์ติดต่อคุณโกอึนคังไปแล้ว ถ้าคุณโกอึนคังจะให้ผมบ้างก็คงดี เกิดมีอะไรเกิดขึ้นกับจีฮวัน หรือติดต่อจีฮวันไม่ได้ ก็ยังสามารถติดต่อคุณโกอึนคังได้”
“หมายความว่าจะให้ฉันแอบทำเรื่องไม่ดี สอดแนมคุณจีฮวันงั้นเหรอคะ”
อึนคังถามอย่างไร้เดียงสานัยตาวาววับ ทนายรยูถึงกับตกใจอ้าปากค้างเล็กน้อยมองอึนคังอย่างอึ้งๆ ใบหน้าที่มักไร้ความรู้สึกถูกทำให้สั่นไหว ทนายรยูยังคงอึ้งไม่เข้าใจ