รักวุ่นวายของ Cool Guy สายเนี้ยบ - บทที่ 75-2 ผมชอบผู้หญิงคนนั้นจากใจจริง / บทที่ 76-1 ความเข้าใจผิดที่คาดไม่ถึงทำให้หึงจนหน้ามืด
- Home
- รักวุ่นวายของ Cool Guy สายเนี้ยบ
- บทที่ 75-2 ผมชอบผู้หญิงคนนั้นจากใจจริง / บทที่ 76-1 ความเข้าใจผิดที่คาดไม่ถึงทำให้หึงจนหน้ามืด
บทที่ 75-2 ผมชอบผู้หญิงคนนั้นจากใจจริง
เบียร์กระป๋องใหญ่สองกระป๋องและกับแกล้มต่างๆ ทั้งหนวดหมึก เนื้อปู ปลาโชวี ถูกซื้อมาเพียบ อึนคังออกมาจากร้านสะดวกซื้อ
อากาศหนาว ขณะที่อึนคังยืนคิดว่าจะไปดื่มที่สวนริมทะเลสาบก่อนพระอาทิตย์ตกดีหรือไม่ ก็มีใครบางคนมาตบไหล่เธอเบาๆ
“อ๊ะ คุณหมอ!”
อึนคังยิ้มกว้างเมื่อเจอยองอู
“คุณนักเขียน มาเจอกันที่นี่ได้ยังไงกันครับ”
“นั่นสิคะ! ยังไม่เลิกตรวจไม่ใช่เหรอคะ”
“ครับ นี่ก็เป็นทางผ่านไปโรงพยาบาล พอดีออกมาทำธุระก่อนธนาคารจะปิด คุณนักเขียน นั่นเหล้าเหรอครับ”
อึนคังเขินรีบซ่อนถุงมินิมาร์ทไว้ข้างหลัง
“แหะๆ ค่ะ”
“ยังไม่ห้าโมงเย็นเลยนะครับ”
“แหม คุณหมอไม่รู้อะไรสินะคะ เหล้าที่กินก่อนพระอาทิตย์ตกนี่สุดยอด!”
“ฮ่าๆ ครับ”
“อ่อ คุณหมอจะไปชองพยองอีกเมื่อไหร่คะ ฉันอยากรู้ว่าพวกลูกๆ นาบีสบายดีไหม งื้อ เจ้าตัวน้อยพวกนั้นคงจะลืมตาแล้วแน่ๆ”
“อ๋อ ผมกะว่าไว้เจอคุณนักเขียนเมื่อไหร่จะเอาให้ดู…”
ยองอูหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋าเสื้อแจ็คเก็ต
“เมื่อวานคุณป้าส่งคลิปมาให้ครับ พวกเด็กๆ ลืมตากันแล้ว”
“จริงเหรอคะ”
อึนคังดูคลิปลูกแมวสามตัวตัวเท่าฝ่ามือคลานดุ๊กดิ๊กบนผ้าห่มลายดอกที่ปูให้ในคอก แล้วแทบเสียสติไปกับความน่ารักอย่างรุนแรงนั้น
“กรี๊ด! ทำไงดี! ทำไงดี! น่ารักมากๆ เลย!”
อึนคังวี้ดว้ายจับแขนยองอูเขย่าโดยไม่รู้ตัว ยองอูยิ้มด้วยความดีใจกับปฏิกิริยาชื่นชอบของอึนคัง
ขณะนั้นมีบางคนกำลังอึ้งมองพวกเขาทั้งสองที่กำลังหัวเราะหัวแทบจะชนกัน คนคนนั้นก็คือจีฮวันที่เพิ่งลงมาจากรถของราฮี
บทที่ 76-1 ความเข้าใจผิดที่คาดไม่ถึงทำให้หึงจนหน้ามืด
“แม่เจ้า ขอดูเจ้าตัวสีส้มนี่หน่อยสิคะ เจ้านี่ที่ออกมาตัวแรกเลยใช่ไหมคะ”
“ครับ รีบออกมาก่อนตัวอื่นตั้งชั่วโมง ตัวก็จะใหญ่กว่าคนอื่นเค้าหน่อย ลายก็ชัดขึ้นด้วย”
“อ๊าย น่ารักทั้งสามตัวเลย โอ๊ยยย ตายแล้ว!”
อยู่ๆ ก็รู้สึกถึงความเย็นยะเยือกที่พุ่งมา อึนคังที่กำลังลูบเจ้าพวกตัวเล็กในจอมือถือหันไปมอง
“เฮือก!”
ชายคนหนึ่งที่ยืนห่างออกไปไม่กี่เมตรกำลังปล่อยเลเซอร์ออกมาจากตา จีฮวันมองมาด้วยสายตาเย็นชา
“พ่อจีอง สวัสดีครับ”
ยองอูก็หันไปเจอจีฮวันและชิงทักทาย จีฮวันทักทายอย่างไม่เต็มใจนัก
“อ้า สวัสดีครับ คุณหมอ”
ทักทายยองอูแต่สายตาของจีฮวันจับจ้องอึนคัง อึนคังเองก็ยิงเลเซอร์ใส่จีฮวันอย่างไม่ยอมแพ้
ยองอูพยายามไกล่เกลี่ย รู้สึกถึงบรรยากาศที่ไม่ธรรมดาของทั้งคู่ที่เอาแต่จ้องกันไม่ทักทาย
“ทั้งสองคนรู้จักกันดีใช่ไหมครับ พ่อจีองก็เป็นที่ปรึกษาให้ด้วย”
จีฮวันฉวยเอาคำพูดของยองอูมาใช้อย่างรวดเร็ว
“คุณหมอรู้ได้ยังไงครับ”
จีฮวันตำหนิอย่างรุนแรง ยองอูขยับตัวเล็กน้อย
“ดะ ได้ยินจาก คุณนักเขียนน่ะครับ”
“ไปคุยกันเมื่อไหร่ครับ อะไร ยังไง บอกว่าอะไรบ้างครับ”
ยองอูถูกกดดันด้วยท่าทางของจีฮวันที่พุ่งเข้าใส่ราวกับจะจับกิน หันไปมองอึนคัง ทำหน้าขอความช่วยเหลือ
“ทำไมคะ ฉันเล่าเรื่องคุณพีบีให้คุณหมอฟังไม่ได้หรือไง คุณพีบีไม่ใช่เจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับซะหน่อย ถึงได้เล่าให้ใครฟังไม่ได้!”
“ผมไม่ชอบให้ใครพูดถึงลับหลัง การพูดเรื่องคนอื่น เป็นการกระทำของพวกที่ไม่ได้รับการอบรม”
“อะไรนะ หาว่าฉันไม่ได้รับการอบรมงั้นเหรอคะ”
อึนคังฉุนเฉียว ยองอูเองถึงกับตกใจ
“เอ่อ พ่อจีอง อย่าเข้าใจผิดนะครับ เรื่องที่เราคุยกัน….”
“ตอบมาสิคะ! ฉันถามว่าว่าฉันว่าไม่ได้รับการอบรมใช่ไหม!”
“เงียบๆ หน่อยครับ! คุณหมอยังพูดไม่จบ! แล้วยังไงครับคุณหมอ คุยถึงผมกันว่ายังไง ที่ไหน”
พยายามรักษาความสงบ แต่ในใจของจีฮวันยังเต้นแรง สัญชาตญาณบอกว่าในที่สุดโอกาสสำคัญที่เขาจะได้คลายความสงสัยที่ทำให้ทุกข์ใจมาตลอดอาทิตย์ว่า ‘อึนคังกับยองอูมีความสัมพันธ์กันยังไง!’ ก็มาถึง
“รู้แล้วจะทำไมคะ!”
“รู้แล้วจะทำยังไง ผมจะตัดสินเอง คุณนักเขียนอยู่เฉยๆ เถอะครับ!”
“เมื่ออาทิตย์ที่แล้วผมยังเอิญเจอคุณนักเขียนบนรถไฟที่กำลังจะไปชองพยอง ที่นั่งผมอยู่ข้างหลัง แต่คุณนักเขียนบอกว่าที่นั่งว่างเพราะคนที่มาด้วยไม่มา ผมก็เลยนั่งข้างๆ…”
“คะ คุณหมอ ไม่จำเป็นต้องเล่าเรื่องแบบนั้น”
อึนคังยกมือจะห้ามยองอู แต่จีฮวันจับมือเธอเอาไว้ ไม่มีใครทันสังเกตที่เขาจับมือเธอ ท่าทางที่กำลังจับมือนั้นเป็นธรรมชาติมาก
“แล้วยังไงอีกครับ นั่งรถไฟไปด้วยกันแล้วยังไงต่อ คุณโกอึนคังว่าผมว่ายังไงบ้าง”
“เปล่านะ คุณนี่มันจริงๆ เลย! ทำไมฉันต้องว่าคุณพีบีด้วย! เห็นฉันเป็นพวกชอบด่าหรือไง”
“เอ่อ เปล่านะครับ แค่พูดถึงเฉยๆ คุณนักเขียนไม่ใช่คนแบบนั้น”
ผมรู้ดีกว่าคุณอีกคุณหมอ ว่าเธอไม่ใช่คนแบบนั้น
“เราคุยกันนู่นนี่ แล้วผมก็ถามถึงผลงานเรื่องต่อไปว่าจะออกเมื่อไหร่ คุณนักเขียนบอกว่าใบไม้ผลิปีหน้า พระเอกเป็นที่ปรึกษาด้านการเงิน…”
“คุณหมอ! ไม่ต้องรายงานทั้งหมดแบบนั้นก็ได้มั้งคะ ใช่ค่ะ ฉันด่าคุณพีบีว่าไม่ได้เรื่อง! โอเคไหมคะ”
อึนคังสะบัดมือจีฮวันเดินฟึดฟัดไป ยองอูเลิ่กลั่กอยู่ตรงกลางทำอะไรไม่ถูก
ถึงจะตั้งใจ แต่ก็รู้สึกผิดที่ใช้ยองอู จีฮวันเลยเอ่ยปากขอโทษออกมา
“ขอโทษนะครับ ผมพูดแรงไปหน่อย วงการธุรกิจที่ผมทำงานเป็นที่ที่รับรู้เรื่องนินทาได้เร็ว ผมก็เลยอารมณ์ร้อนเหมือนเป็นโรคกลัวคนนินทา คงจะให้อภัยผมนะครับ”
“ไม่เป็นไรครับ มันเป็นกันได้ ยังไงก็อย่างที่ผมเล่า พอบอกว่าพระเอกเป็นที่ปรึกษาด้านการเงิน ผมก็นึกถึงพ่อจีอง และบอกว่าคุณเป็นหนึ่งในลูกค้า เธอเลยเล่าว่าคุณช่วยเป็นที่ปรึกษาให้…”
“เรื่องเป็นอย่างนี้นี่เอง เข้าใจแล้วครับ”
แม้จะโล่งอกขึ้นเล็กน้อย แต่จีฮวันก็ยังไม่ลืมเรื่องคาใจสุดท้าย
“แล้วได้ยินว่า ดื่มแชมเปญด้วยกันที่เพนชั่น…”
จีฮวันพูดออกไปด้วยความตื่นเต้น ถ้ายองอูไม่ยอมเล่าจะทำอย่างไรดี
“อ๋อ เรื่องนั้น คือวันนั้นผมจะไปศูนย์พักพิงสัตว์ที่เคยไปทำอาสาน่ะครับ ก็แพลนว่าจะกลับตอนเย็น คุณนักเขียนก็อยากช่วยเลยไปด้วยกัน แล้วจู่ๆ แม่แมวเกิดคลอดกะทันหันต้องอยู่เฝ้าเลยตกรถไฟ ก็เลยไปเพนชั่นที่คุณนักเขียนจองไว้ โชคดีนะครับที่ยังมีห้องว่าง ได้ห้องข้างๆ กัน คุณนักเขียนให้ช่วยเปิดขวดแชมเปญให้ ก็เลยได้ดื่มด้วยกัน วันรุ่งขึ้นผมก็เกือบไปโรงพยาบาลสาย โชคดีที่คุณนักเขียนมาเคาะปลุกแต่เช้า…”
เอ๊ะ? ทำไมเราต้องมาเล่าอะไรละเอียดขนาดนี้ ยองอูมาคิดว่ามันออกจะแปลกๆ หลังจากที่เล่าออกไป
“อย่างนั้นเองเหรอครับ! เยี่ยมมาก!”
จีฮวันจับมือทั้งสองข้างของยองอูพร้อมกับยิ้มกว้าง
“ครับ? เยี่ยมอะไร…”
ยองอูงง จีฮวันไม่อาจเอาชนะความพอใจ ตบไหล่ของยองอู ประหนึ่งให้กำลังใจลูกน้องที่ปฏิบัติงานใหญ่ได้สำเร็จ
“ทั้งหมดเลยครับ! ไปทำงานอาสา ทำคลอดแมว เยี่ยมหมดเลยคุณหมอ! คราวหน้าผมขอเลี้ยงข้าวสักมื้อนะครับ!”
แล้วจีฮวันก็วิ่งเข้าคอนโดไป ทิ้งยองอูให้พึมพำอย่างไม่รู้สาเหตุเพียงลำพัง
“ครับ อะ โอเคครับ”
* * *
“บ้าชะมัด เหลือเชื่อเลย ไม่ชอบถูกพูดลับหลังเนี่ยนะ แล้วมีใครชอบด้วยหรือไง ตอนผมไม่อยู่ช่วยด่าหน่อยงี้! แล้วถ้าด่าไม่ได้หรือไง พระราชายังถูกด่า แล้วชาวบ้านธรรมดาถูกด่านิดด่าหน่อยมันไปทำลายศักดิ์ศรีอะไรนัก! มาทำหน้าถมึงทึงต่อหน้าคนอื่นแบบนั้น ทำยังกะจะไล่จับหนูหรือไง”
เสียงของอึนคังที่ขึ้นบันไดไปบ่นไปดังก้องบันไดหนีไป
“รยูจีฮวัน พ่อคนดี! ดีเหลือเกิน!”
“โอ๊ย หนวกหู!”
อึนคังตกใจหยุดเดิน ที่พักบันไดจากชั้นสิบสี่ไปชั้นสิบห้าอีกแล้ว อาทิตย์ก่อนก็ที่นี่
อึนคังจ้องจีฮวันที่ขึ้นมา
“มาทำอะไรที่บันไดครับ”
“ไม่มีใครซะหน่อย! ฉันจะเต้นจะร้องเพลง เกี่ยวอะไรด้วย”
อึนคังที่ทำปากยื่นน่ารักจนอยากจะยื่นมือออกไป แต่จีฮวันพยายามอดกลั้นอย่างยากเย็น
“ทำไมจะไม่เกี่ยวครับ ผมเองก็เป็นผู้พักอาศัยที่นี่”
“อ๋อ งั้นเหรอคะ งั้นก็ไปแจ้งส่วนกลางสิ”
“แอลกอฮอล์ลิซึ่มเหรอครับ ซื้อเหล้าตั้งแต่หัววัน…”
“ไม่ใช่หัววัน แล้วก็ไม่ได้เป็นแอลกอฮอล์ลิซึ่มด้วย! ที่ฉันต้องไปซื้อมากินแบบนี้ก็เพราะใคร…”
อึนคังที่โมโหเดือดหุบปากฉับ จีฮวันไม่ปล่อยโอกาส
“เพราะใครงั้นเหรอ เพราะผมหรือเปล่า”
อึนคังปะทะสายตาตวาดแว้ดด้วยสีหน้าที่รู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม
“ฉันไม่ตรงไปตรงมาเมื่อไหร่กัน! ฉันได้ยินแล้วนอนไม่หลับมาทั้งอาทิตย์ จริงๆ เลย!”
“ขอโทษนะครับ ผมเข้าใจผิด”
“อะไรนะ เข้าใจผิด? ดูสิดู คนอะไร ตบหัวคนอื่นแล้วมาขอโทษ บอกเข้าใจผิด?”
“ความจริง… เมื่อเช้าวันจันทร์ ผมเห็นคุณนักเขียนลงมาจากแท็กซี่ด้วยกันกับคุณหมอ”
“เอ๋?”
ชื่อที่ปรากฏโดยไม่คาดคิดทำเอาอึนคังทำหน้างง
“คุณหมอลงแท็กซี่มากับฉัน แล้วมันเกี่ยวกับฉันเป็นคนไม่ตรงไปตรงมายังไง”
“ก็ทั้งสองคน อยู่ด้วยกันเมื่อคืน…”
“ใช่ค่ะ เราอยู่ด้วยกัน ก็เจอกันที่รถไฟ แล้วฉันก็ตามไปที่ศูนย์พักพิงสัตว์ที่ชองพยอง…”
“แล้วก็อยู่ช่วยแมวคลอดลูก คุณหมอตกรถไฟเลยไปค้างห้องข้างๆ ที่เพนชั่นเดียวกัน ผมรู้หมดแล้ว”
“แล้ว มีอะไรให้เข้าใจผิดจากเรื่องนั้น…”
แล้วความเข้าใจก็แล่นมาเหมือนสายฟ้าฟาด อึนคังเบิกตาโพลง
“หรือคิดว่าฉันกับคุณหมอ ถึงได้ถามซ้ำๆ เรื่องแชมเปญ คิดว่าเราสองคนนอนด้วยกันงั้นเหรอ”
“มันไร้สาะระ แต่แวบนึงก็อดคิดไม่ได้”