รักหวานอมเปรี้ยว - บทที่ 106 เยี่ยมบุญถูกจับ
“ไม่ใช่ครับ” เปปเปอร์เดินตรงไปนั่งลงที่โซฟา
ทีมวิศวกรก่อสร้างที่จัดให้สร้างโรงงานของมายมิ้นท์เป็นทีมวิศวกรที่จะส่งมาจากทางภาครัฐ ดังนั้นทางรัฐจะมีการจัดการเอง เขาไม่ต้องยุ่งเกี่ยวแต่อย่างใด
สีหน้าของเยี่ยมบุญจึงได้ดูดีขึ้นมาเล็กน้อยแล้วเดินตามไปเอ่ยถามว่า “แล้วคุณถามเรื่องนี้ทำไม?”
“คุณลุงลืมเรื่องชายเจ้าเล่ห์ไปแล้วเหรอครับ?” เปปเปอร์เงยหน้ามองไปทางเขา
แววตาของเยี่ยมบุญปรากฏความเคียดแค้นขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะกัดฟันแล้วพูดว่า “แน่นอนว่าผมจำได้ แล้วยังไงล่ะ? ครั้งนี้ ผมปิดบังความลับไว้ได้อย่างดี และไม่ได้ทิ้งร่องรอยใดไว้บนอินเทอร์เน็ต รับรองว่าสืบมาไม่ถึงผมหรอก”
“ไม่มีอะไรแน่นอนหรอกนะครับ” เปปเปอร์เอื้อมมือไปหยิบถ้วยน้ำชาขึ้นมาใบหนึ่งแล้วรินน้ำให้กับตนเอง “เพียงแค่ต้องการจะตรวจสอบ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็สามารถตรวจสอบออกมาได้ทั้งนั้นแหละครับ”
“เอาล่ะพอได้แล้ว คุณเดินทางมาเพื่อจะอบรมสั่งสอนผมหรือไง?” เยี่ยมบุญรู้สึกว่าไม่ค่อยพอใจเท่าไรนัก
เขารู้สึกว่าตนเป็นผู้ใหญ่ อีกทั้งจะกลายเป็นพ่อตาของเปปเปอร์ในอนาคต ดังนั้นจึงไม่ชอบท่าทางที่เปปเปอร์พูดจากับเขาเช่นนี้สักเท่าไหร่ เนื่องจากค่อนข้างจะเย่อหยิ่งดูไม่เคารพเขา ในความคิดของเขานั้นเปปเปอร์ควรจะให้ความเคารพนอบน้อมต่อเขา
แต่เนื่องจากว่า ฐานะตัวตนและอิทธิพลของเปปเปอร์นั้นมากกว่าเขามากมายเหลือเกิน ต่อให้เขาคิดเช่นนี้ก็ไม่กล้าจะพูดมันออกไปตรงๆ
เมื่อเปปเปอร์พบว่าเยี่ยมบุญดูหมดความอดทนแล้ว เขาจึงไม่ได้เอ่ยเตือนอะไรอีก ได้แต่จิบน้ำชาเข้าไปอึกหนึ่งแล้ว วางถ้วยน้ำชาลง “การที่ผมเดินมาที่นี่ก็เพื่อต้องการปรึกษาถึงความร่วมมือครั้งก่อนที่เราเคยได้คุยกันไว้ ผมได้เห็นแผนของโครงการแล้ว ยังมีบางส่วนที่ต้องแก้ไข”
ผู้ช่วยเหมันต์ที่ยืนอยู่ข้างหลังยื่นเอกสารให้แก่เขา
เขาเปิดมันออกดูจากนั้นวางลงบนโต๊ะน้ำชา ก่อนจะหันเอกสารกลับไปทางเยี่ยมบุญพูดว่า “ในส่วนของตรงนี้ ผมได้ทำการ แก้ไขและชี้แจงไว้ให้แล้ว คุณลุงลองดูนะครับ”
“ได้ครับ ขอผมดูก่อน” จากนั้นเยี่ยมบุญก็รับเอกสารขึ้นไปอ่านดู
หลังจากที่เขาอ่านจบแล้วก็นิ่งเงียบไปสักพัก “อืม ดีกว่าที่ผมวางแผนไว้มากทีเดียว เดี๋ยวผมจะสั่งให้คนไปแก้ไข หลังจากแก้ไขเสร็จแล้วผมจะส่งไปให้ดู”
“ได้ครับ” เปปเปอร์ลุกขึ้นยืน “คุณลุงครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อน”
เมื่อพูดจบเขาก็พาผู้ช่วยเดินทางจากไป
เมื่อขึ้นรถ ผู้ช่วยเหมันต์ก็ได้เหล่มองไปทางกระจกหลังแล้วพูดว่า “ประธานเปปเปอร์ครับ รู้สึกหรือไม่ว่าประธานเยี่ยมดูเย่อหยิ่งไปหน่อย เขาคิดว่าหากไม่ทิ้งร่องรอยใดไว้บนอินเทอร์เน็ตก็ไม่อาจตรวจสอบเรื่องที่เขาทำได้อย่างนั้นหรือ?”
เปปเปอร์บีบไปบริเวณสันจมูกของตนเองแล้วตอบว่า “ช่วงนี้เขารู้สึกทุกข์ทรมานมาหลายต่อหลายครั้งจากนั้นมือของมายมิ้นท์และชายเจ้าเล่ห์ ดังนั้นจึงทำให้รู้สึกร้อนใจที่จะให้บทเรียนแก่มายมิ้นท์เขาจึงได้เลือกวิธีการที่ไม่ค่อยฉลาดนัก”
“ก็จริงอยู่ครับ” ผู้ช่วยเห็นมันพยักหน้าตอบรับ จากนั้นดูเหมือนจะเหลืออะไรขึ้นมาได้จึงเอ่ยถามว่า “จริงสิครับประธานเปปเปอร์ ทำไมท่านถึงไม่เตือนประธานเยี่ยมสักหน่อยว่าทีมวิศวกรที่ก่อสร้างโรงงานของคุณมายมิ้นท์คือวิศวกรที่ทางการส่งไป การที่ประธานเยี่ยมจะไปทำลาย คาดว่าคงถูกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจับแน่นอน”
เปปเปอร์ก้มหน้าลงเพื่อปกปิดความมืดมิดในใจของเขา “ไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้นหรอกครับ คุณเยี่ยมบุญอยากจะต่อสู้กับมายมิ้นท์ อีกทั้งใช้วิธีอันดุเดือด ถือเสียว่าเราให้บทเรียนแก่เขาก็แล้วกัน เพื่อที่จะได้สงบลงเสียบ้าง”
“แค่นี้จริงๆหรือครับ?” เลขาเหมันต์เอ่ยถาม ดูเหมือนไม่เชื่อสักเท่าไหร่
เปปเปอร์ก้มหน้าลง “แล้วคุณคิดว่ายังไงล่ะ?”
เขาคิดว่าเปปเปอร์ต้องการจะช่วยคุณมายมิ้นท์จัดการประธานเยี่ยมเสียอีก
แม้ว่าในใจจะคิดเช่นนั้น แต่เลขาเหมันต์ก็ไม่กล้าพูดออกมา เขารีบทำท่าทางดูจริงจังแล้วตอบกลับไปว่า “ไม่มีอะไรครับ”
เปปเปอร์ส่งเสียงหึๆ ออกมาในลำคอแล้วปล่อยเขาไป
เวลาบ่ายสองโมง ในที่สุดมายมิ้นท์ก็ได้ยินเรื่องการทุบโครงสร้างพิพิธภัณฑ์ เป็นนักเลงกลุ่มหนึ่งที่ลงมือจัดการ พวกเขาทุบโครงร่างพิพิธภัณฑ์ที่เพิ่งจะวางรากฐานเสร็จเสียจนพังไปหมด
จากนั้น ได้ยินมาว่าหัวหน้านักเลงอ้างว่าที่ดินผืนนั้นพวกเขาเป็นคนคุ้มครองอยู่ แต่ที่ไซต์งานไม่มีคนยอมจ่ายค่าคุ้มครอง ดังนั้นจึงได้ทุบทำลายทิ้ง
ต่อมาพวกเขาก็ถูกจับ
“สมน้ำหน้า!” ซินดี้พูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มอันเยาะเย้ย “คิดว่าพิพิธภัณฑ์จะสามารถทุบได้ง่ายอย่างนั้นเหรอ?”
แม้ว่าทีมวิศวกรที่ก่อสร้างพิพิธภัณฑ์จะเป็นทีมเดียวกันกับทีมวิศวกรที่สร้างโรงงานของพวกเธอ
แต่เนื่องจากผู้วานจ้างไม่เหมือนกัน ดังนั้นทีมวิศวกรที่รับผิดชอบสร้างโรงงานของพวกเธอจึงไม่กล้าจับผู้หญิงสองคนนั้น นอกเสียจากว่าพวกเธอออกคำสั่ง แต่สำหรับทีมวิศวกรที่ก่อสร้างพิพิธภัณฑ์นั้นแตกต่างกันไป สามารถจับกุมได้โดยตรง
“ตอนนี้นักเลงพวกนั้นเป็นอย่างไรบ้าง?”มายมิ้นท์ถาม
ซินดี้รีบจัดการกับความรู้สึกบนใบหน้าของตนเองเมื่อสักครู่ แล้วตอบกลับไปว่า “ตอนนี้ถูกส่งตัวไปที่สถานีตำรวจเรียบร้อยแล้วค่ะ เบื้องบนให้ความสำคัญกับเหตุการณ์ในครั้งนี้มาก คาดว่าจะให้การสืบสวนอย่างเข้มงวด แต่ไม่รู้ว่าบรรดานักเลงเหล่านั้นจะยอมรับสารภาพหรือเปล่า”
“เข้าใจแล้วค่ะ รบกวนส่งคนไปจับตามองที่สถานีตำรวจด้วย ถ้ามีข่าวคราวเคลื่อนไหวอะไรให้รีบแจ้งฉันได้เลย”มายมิ้นท์พยักหน้า
“ค่ะ” ซินดี้หันหลังเดินจากไป
ณ สถานีตำรวจ ขณะนี้บรรดานักเลงได้แต่พากันหวาดกลัว
พวกเขารู้ดีว่าจะต้องถูกจับอย่างแน่นอน แต่สิ่งที่พวกเขาคิดไม่ถึงก็คือคนที่มาให้การสืบสวนพวกเขานั้นไม่ใช่ตำรวจธรรมดา แต่เป็นตำรวจพิเศษ
และในมือของตำรวจเหล่านั้นเต็มไปด้วยอาวุธพร้อมครบ ที่เอวมีกระบองไฟฟ้าห้อยอยู่ด้วย มองไปช่างน่ากลัวเหลือเกิน
พวกเขาไม่เคยเจอกับเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน!
ดังนั้น ในตอนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการสืบสวน กลุ่มนักเลงเหล่านี้จึงไม่กล้าที่จะเอ่ยความเท็จ แต่ละคนตอบรับไป ตามความเป็นจริงว่ามีคนสั่งให้พวกเขาทำเช่นนี้
เจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยพิเศษจึงได้สืบสวนข้อมูลต่อไปตามที่นักเลงเหล่านั้นให้คำยอมรับสารภาพมา ในไม่ช้าก็สืบไปถึงตัวเยี่ยมบุญ
ต่อมาเยี่ยมบุญก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจมาพาตัวไปทั้งในที่ประชุม
ขณะที่เขาถูกจับตัวไปนั้น สีหน้าดูท่าทางเหลือเชื่อ แววตารู้สึกสับสน
เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเหตุใดจึงถูกเปิดโปงขึ้นมาได้
เรื่องที่เยี่ยมบุญถูกจับนั้นในไม่ช้าก็ถูกนำไปเผยแพร่บนอินเทอร์เน็ต
บนโลกอินเทอร์เน็ต ชาวเน็ตพากันวิพากษ์วิจารณ์และเดาไปต่างๆนานาว่าเหตุใดประธานกรรมการของเอสซีกรุ๊ปจึงถูกจับ
ชั่วพริบตาเดียว กราฟหุ้นของเอสซีกรุ๊ปก็ร่วงลงหลายจุด ทำให้บรรดาผู้ถือหุ้นปวดหัววุ่นวายใจ
ณ เทนเดอร์กรุ๊ป เมื่อมายมิ้นท์และลาเต้เห็นข่าวบนอินเทอร์เน็ตเช่นนั้นก็รู้สึกอารมณ์ดีเป็นที่สุด
ด้านของลาเต้ดีใจเสียจนหยิบไวน์ขึ้นมาเปิดฉลอง ในครั้งนี้ที่เยี่ยมบุญก่อเรื่องขึ้นมา บรรดาผู้ถือหุ้นเก่าแก่คงจะต้องสงสัยในอำนาจการบริหารจัดการของเขาไม่มากก็น้อย
มายมิ้นท์เขย่าแก้วไวน์ไปมา “น่าเสียดายเหลือเกินที่ฉันมีเงินไม่เพียงพอ ไม่อย่างนั้นคงจะใช้โอกาสนี้เข้าซื้อหุ้นของเอสซีกรุ๊ปแน่ๆ”
ในเวลานี้ ตลาดหุ้นของเอสซีกรุ๊ปกำลังอยู่ในความสับสนวุ่นวาย เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการซื้อหุ้น
ลาเต้เดินเข้ามาหาเธอด้วยรอยยิ้ม “ผมให้คุณเอง”
“ช่างมันเถอะค่ะ ต่อให้ฉันจะซื้อตอนนี้มันก็ไม่ได้มีประโยชน์เท่าไหร่”มายมิ้นท์ยักไหล่
“เอาเถออะครับ” ลาเต้นั่งลงอย่างผิดหวัง “ยังไงก็ตาม หากว่าเพื่อนชาวเน็ตของคุณไม่ได้ขอให้คุณเข้าไปร่วมมือกับแผนกที่เกี่ยวข้อง คราวนี้คงไม่ทำให้เยี่ยมบุญล้มลงง่ายๆ แบบนี้”
“ขอบคุณที่เตือนฉันนะคะ”มายมิ้นท์หยิบโทรศัพท์ออกมา
ลาเต้มองดูเธอ “อะไรเหรอครับ?”
“จะบอกขอบคุณเขาหน่อยน่ะค่ะ”มายมิ้นท์ยิ้มแล้วกดเขาไปในกล่องข้อความชื่อ Z-H พิมพ์คำว่า “ขอบคุณ”
เปปเปอร์กำลังอยู่ในที่ประชุม ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือที่วางไว้ข้างๆ ก็ดังขึ้น
เสียงไม่ได้ดังมาก แต่ในห้องประชุมที่เงียบสงบมันจึงกลายเป็นจุดเด่น
ทุกคนมองมาที่เขา
ดวงตาของเขาสั่นไหวเล็กน้อย ก่อนจะพูดออกมาเบาๆ ว่า “รายงานต่อไป”
“ครับ” ทุกคนตอบรับและก้มหน้าลง
เปปเปอร์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและเปิดหน้าจอดู เมื่อเห็นมายมิ้นท์เอ่ยขอบคุณ เขาก็เข้าใจได้ทันทีว่าเธอขอบคุณเขาเรื่องอะไร แต่แสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ ถามว่า “ขอบคุณเรื่องอะไร?!”
มายมิ้นท์ตอบกลับว่า “ขอบคุณสำหรับความคิดดีๆ ที่คุณแนะนำแก่ฉันเมื่อครั้งก่อน ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่สามารถจัดการกับเยี่ยมบุญได้แบบนี้”
Z-H “อ้อ เรื่องนี้นี่เอง คุณไม่จำเป็นต้องขอบคุณผมหรอก ครั้งก่อนคุณเคยขอบคุณผมแล้ว”
มายมิ้นท์ยิ้ม “ถึงอย่างไรฉันก็ยังต้องขอบคุณคุณค่ะ คุณจะกลับมาจีนเมื่อไหร่?”
กลับจีน?
เปปเปอร์ขมวดคิ้วอย่างสงสัย
แม้ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงคิดว่าเขาอยู่ต่างประเทศ แต่เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธ เขาตอบเธอไปตามคำที่เธอบอกว่า “ตอนนี้ผมยังบอกไม่ได้
มายมิ้นท์รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย “ถ้าคุณกลับมาแล้วบอกฉันด้วยนะคะ ฉันจะเลี้ยงอาหารเย็นคุณ เพื่อขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของคุณตั้งหลายครั้งก่อนหน้านี้”
ริมฝีปากของเปปเปอร์เผยอขึ้นเล็กน้อย “โอเค”