รักหวานอมเปรี้ยว - บทที่ 108 คุณยายล้มบาดเจ็บ
จมูกของปีโป้เกือบชนเข้าให้ที่แผงประตู แต่โชคดีที่เขาหยุดฝีเท้าได้ทันเวลา
หลังจากนั้นเขาก็ถอนหายใจและเดินจากไปอย่างเศร้าใจ
……
วันรุ่งขึ้นมายมิ้นท์และลาเต้กำลังอ่านเอกสารอยู่ในห้องทำงาน เลขาซินดี้รีบตรงเข้าไปรายงานว่า “ประธานมายมิ้นท์คะ แย่แล้ว คุณเยี่ยมบุญได้รับการปล่อยตัวออกมาแล้ว”
“อะไรนะ!?” สีหน้าของมายมิ้นท์เปลี่ยนไปทันที “เขาได้รับการปล่อยตัวแล้วเหรอ?”
“ตั้งแต่เมื่อไหร่?” ลาเต้ก็ถามเช่นกัน
ซินดี้มองไปทางเขาอย่างรวดเร็วและตอบด้วยความเคารพว่า “เมื่อเช้านี้ค่ะ อีกทั้งเอสซีกรุ๊ปได้โพสต์ข่าวบนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ โดยบอกว่าตำรวจพาตัวเขาไปไม่ใช่เพราะละเมิดในกฎหมาย แต่ให้ความร่วมมือสำหรับการสอบสวนคดีเท่านั้น ตอนนี้ตลาดหุ้นของเอสซีกรุ๊ปก็เสถียรภาพขึ้นด้วยเช่นกัน”
“มันเป็นแบบนี้ได้ยังไง!” ลาเต้ขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างแน่นหนา
มายมิ้นท์กัดริมฝีปากของเธอ “ต้องมีอะไรปิดปกติแน่ๆ ไม่อย่างนั้นเยี่ยมบุญจะถูกปล่อยออกมาได้ยังไง”
“เดี๋ยวผมให้คนไปสืบถามเรื่องนี้เอง” ลาเต้พูดแล้วเดินถือโทรศัพท์มือถือไปที่ระเบียง
มายมิ้นท์หลับตาลง สีหน้าของเธอแย่มาก อารมณ์ก็หงุดหงิดไปตามๆกัน
เดิมทีเธอคิดว่าเยี่ยมบุญจะต้องติดคุกแน่ จากนั้นเธอก็จะสามารถโค่นล้มเอสซีกรุ๊ปได้เร็วยิ่งขึ้น
เนื่องจากว่าหากไม่มีเยี่ยมบุญตาจิ้งจอกเฒ่านั่นอยู่ในเอสซีกรุ๊ป ก็เหมือนกับเสือที่ถูกถอนฟันและเขี้ยวเล็บ ความแข็งแกร่งจะไม่เทียบเท่าเมื่อก่อน แต่ไม่คาดคิดว่าเยี่ยมบุญจะออกมาเร็วขนาดนี้ ทำให้แผนของเธอหยุดชะงักลงอย่างสมบูรณ์
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้มายมิ้นท์ก็เอามือกุมขมับอย่างไม่เต็มใจ
ทันใดนั้น ประตูห้องทำงานก็ถูกเคาะดังขึ้น
มายมิ้นท์วางมือลงตอบว่า “เข้ามาค่ะ”
ผู้ที่อยู่ภายนอกเดินเข้ามา เป็นเลขานุการของเตชิตประธานเทนเดอร์กรุ๊ป
ทำไมเลขาของเขาจึงเดินทางมาที่นี่ได้?
“มีเรื่องอะไรเหรอคะ?”มายมิ้นท์มองมาที่เขาและเอ่ยถามอย่างแผ่วเบา
เลขานุการยิ้มให้มายมิ้นท์และตอบว่า “รองประธานมายมินท์ ประธานเตชิตต้องการให้คุณไปที่ห้องประชุมเพื่อเข้าร่วมการประชุม”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ รูม่านตาของมายมิ้นท์ก็หดตัวลงทันที
เตชิตกลับมาแล้ว!
เขากลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่?
มายมิ้นท์มองไปที่ซินดี้ซึ่งรออยู่ด้านข้าง
ซินดี้ก็ส่ายหัวด้วยความประหลาดใจ เป็นความหมายว่าเธอเองก็ไม่รู้ ไม่เคยได้ยินว่าประธานเตชิตกลับมาแล้ว
มายมิ้นท์เม้มริมฝีปาก อารมณ์ของเธอรู้สึกหนักอึ้ง แต่รอยยิ้มจางๆ ยังปรากฏขึ้นบนใบหน้า “ทราบแล้วค่ะ รบกวนบอกประธานเตชิตว่าอีกสักครู่ฉันจะไป”
“ครับ” เลขาคนนั้นตอบแล้วเดินออกไป
เมื่อลาเต้เดินเข้ามา เขาก็รู้สึกว่าบรรยากาศในห้องทำงานดูผิดปกติไป ท่าทางของมายมิ้นท์ก็ดูไม่ดีเช่นกัน เขาอดไม่ได้ที่จะถามซินดี้ว่า “ที่รักของผมเป็นอะไรไป?”
แม้ว่าเธอจะคุ้นเคยกับการได้ยินเขาเรียกประธานมายมิ้นท์ว่าที่รักมานานแล้ว แต่ทุกครั้งที่ได้ยินเธอก็รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
ซินดี้ก้มหน้าลงเพื่อซ่อนรอยแผลในดวงตาของเธอไว้ พยายามทำให้เสียงของเธอดูเป็นธรรมชาติและตอบว่า “ประธานเตชิตกลับมาแล้วค่ะ”
“หือ? เขากลับมาเมื่อไหร่ ทำไมผมไม่เห็นรู้เรื่องเลย” ลาเต้เหล่มอง
มายมิ้นท์เม้มปากพูดว่า “ดูเหมือนว่าเขาจะจงใจไม่แจ้งให้เราทราบว่าเขากลับมาแล้วนะคะ คงเพราะกลัวว่าเราจะหยุดเขา”
ในเทนเดอร์กรุ๊ปนั้น หากพูดถึงใครที่ไม่อยากต้อนรับเธอที่สุดก็คงเป็น เตชิต อย่างไม่ต้องสงสัย เตชิตเป็นคนกลุ่มแรกที่ติดตามพ่อของเธอมา หลังจากที่พ่อเธอเสียชีวิต เทนเดอร์กรุ๊ปก็ตกไปอยู่ในมือของ เตชิต
เมื่อเดือนที่แล้ว หากไม่ใช่เพราะเตชิต เดินทางไปเจรจาทางธุรกิจละก็ ต่อให้เธอจะเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของเทนเดอร์กรุ๊ป เธอก็คงไม่มีสิทธิ์ในการจัดการของเทนเดอร์กรุ๊ปแน่ คาดว่าเตชิต กลัวเธอจะหาวิธีไม่ให้เขากลับมาเพื่อกีดกันอำนาจในการจัดการ ดังนั้นจึงได้ดินทางกลับมาอย่างเงียบๆ
“เขาเป็นโรคคิดมากและหวาดกลัวเหรอ?” ลาเต้กลอกตามอง
มายมิ้นท์ถอนหายใจออกมาแล้วลุกขึ้นยืน “เอาละค่ะ เราไปที่ห้องประชุมก่อนเถอะ”
ลาเต้ไม่ได้พูดอะไร เขาพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้องประชุมกับเธอ
ขณะที่ทั้งสองกำลังจะเดินไปยังห้องประชุมมายมิ้นท์ก็ได้รับโทรศัพท์จากเปปเปอร์
ตอนแรกมายมิ้นท์รู้สึกประหลาดใจ จากนั้นเธอก็วางสายลงโดยไม่ตั้งใจจะรับสายเขา
เธอได้พูดไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าเธอไม่ต้องการมีอะไรเกี่ยวข้องกับเขาอีก
ดังนั้นเธอไม่จำเป็นต้องรับสายนี้
“ใครครับ?” ลาเต้ถาม
ดวงตาของมายมิ้นท์กะพริบและส่ายหน้า ขณะที่เธอกำลังจะตอบออกมาว่าเป็นคนที่ไม่รู้จัก โทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง
เปปเปอร์ส่งข้อความมาว่า “คุณยายไม่สบาย ท่านต้องการพบคุณ”
ใบหน้าของมายมิ้นท์เปลี่ยนไปเล็กน้อย ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความกังวล เธอไม่มีเวลามาสนใจเกี่ยวกับความคิดเมื่อครู่ที่ไม่ต้องการเกี่ยวข้องกับเปปเปอร์อีก ดังนั้นเธอจึงโทรกลับไปถามว่า “คุณยายเป็นอะไรคะ?”
เมื่อฟังออกถึงน้ำเสียงอันกระตือรือร้นของเธอ เปปเปอร์จึงตอบด้วยน้ำเสียงที่ลึกล้ำว่า “ท่านล้มเมื่อคืนนี้ ในห้องน้ำ”
“อะไรนะ!?” เสียงของมายมิ้นท์ดังขึ้น หัวใจของเธอแทบพุ่งออกมา เธอจับโทรศัพท์ไว้แน่นด้วยมือทั้งสองข้างแล้วถามว่า “คุณยายล้มได้ยังไง? เป็นอะไรมากไหมคะ?”
แม้แต่หนุ่มสาวเอง หากว่าลื่นล้มก็เจ็บไม่น้อยเหมือนกัน
แล้วนับประสาอะไรกับหญิงชรา
“ไม่ต้องห่วง คุณยายโชคดีที่ไม่เป็นอะไรมาก เพียงแค่ขาหัก ทุกอย่างเรียบร้อยดี” เปปเปอร์ตอบพลางบีบสันจมูกของเขา
มายมิ้นท์ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “งั้นก็ดีค่ะ ตอนนี้คุณยายอยู่ในโรงพยาบาลหรือเปล่า?”
เปปเปอร์พยักหน้าเล็กน้อยตอบว่า “อืม”
“ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะไปเยี่ยมคุณยายตอนบ่ายๆ” มายมิ้นท์พูด
“เดี๋ยวผมไปรับคุณ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ” ใบหน้าของมายมิ้นท์ดูไร้อารมณ์ น้ำเสียงของเธอปฏิเสธออกไปอย่างเย็นชา “คุณแค่ส่งตำแหน่งมาให้ฉันก็พอ”
เมื่อพูดจบเธอก็วางสายไปทันที
เปปเปอร์ก้มมองไปที่หน้าจอโทรศัพท์ซึ่งกลับไปที่เมนูหลักและเม้มริมฝีปากบางของเขา
ก่อนหน้านี้เขาเป็นฝ่ายวางสายเธอก่อน แต่หลังจากหย่าร้างกันแล้ว กลับเป็นเธอที่วางสายเขา
ที่แท้ความรู้สึกที่ถูกปฏิบัติด้วยอย่างเยือกเย็นเป็นแบบนี้นี่เอง
“สายของเปปเปอร์?” ลาเต้เหลือบมองไปที่โทรศัพท์มือถือของมายมิ้นท์ด้วยน้ำเสียงดูปวดใจ
มายมิ้นท์ไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไรจึงพยักหน้าตอบว่า “คุณยายล้มน่ะค่ะ ฉันจะไปเยี่ยมท่านสักหน่อยในตอนบ่าย”
“ท่านเป็นคุณยายของเปปเปอร์ คุณกับเปปเปอร์หย่าร้างกันแล้ว จะไปเยี่ยมท่านทำไม?” ลาเต้ขมวดคิ้วและพูดขึ้น
มายมิ้นท์เก็บมือถือลง “นี่คุณ คุณยายใจดีกับฉันมาก ตอนนี้ท่านล้มลง ฉันไม่ไปไม่ได้หรอกค่ะ เอาละเราไปกันเถอะ อย่าให้ประธานเตชิตรอนาน”
ลาเต้ยักไหล่ของเขา
ทั้งสองเปิดประตูห้องประชุมและเข้าไปข้างในซึ่งมีคนอยู่เต็มแล้ว สายตาหลายสิบคู่ของผู้ถือหุ้นและสมาชิกแผนกอาวุโสของเทนเดอร์กรุ๊ปมองมาที่พวกเขาทั้งสอง
มายมิ้นท์เหลือบมองไปรอบๆ จากนั้นเคลื่อนสายตาไปยังที่นั่งหลักของโต๊ะประชุม
ก่อนหน้าของวันนี้ เธอยังนั่งอยู่ในตำแหน่งนั้นอยู่เลย แต่ขณะนี้กลับมีอีกคนนั่งอยู่
เขาคือเตชิต ประธานเทนเดอร์กรุ๊ปคนปัจจุบัน
“ประธานเตชิต ยินดีต้อนรับกลับมานะคะ”มายมิ้นท์ทักทาย เตชิต ด้วยรอยยิ้ม
เตชิต หันปากกาของเขามา “ผมคิดว่าที่หลานสาวของผมเดินทางมาประชุมช้า เพราะไม่พอใจที่คุณอาชิตกลับมาเสียอีก”
ดวงตาของมายมิ้นท์มืดมนลง รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอยังคงไม่เปลี่ยนแปลง “จะเป็นแบบนั้นได้ยังไงละคะ? ที่ช้าเป็นเพราะมีเรื่องต้องจัดการค่ะ ประธานเตชิตเป็นผู้อาวุโสกว่า อย่าได้โกรธหลานเลย”
เตชิต เหล่ตาของเขาลง แล้วมองไปที่มายมิ้นท์อย่างจริงจัง
หเดิมทีเขาต้องการใช้เหตุผลที่เธอสายเพื่อเป็นข้ออ้างในการไม่ให้เกียรติเขา บอกให้เธอรู้ว่าถึงแม้เธอจะเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ แล้วอย่างไรเล่า? เขาจึงจะเป็นผู้มีอำนาจมากสุดในบริษัทนี้
คาดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กคนนี้จะโจมตีเขากลับโดยใช้เหตุผลเรื่องความอาวุโสเข้ามาอ้าง เพื่อให้เขาต้องวางท่าลง ไม่อย่างนั้นในฐานะผู้ใหญ่ หากยังติดใจเอาความเด็กก็คงไม่ดี เธอมีปฏิกิริยาว่องไวดีนี่ เขาคงจะมองเธอต่ำไป
เตชิตตอบโดยไม่ได้ยิ้มว่า “ไม่หรอก คุณอาชิตของคุณไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยขนาดนั้น ถึงขนาดจะไปโกรธหลานได้”
“ขอบคุณนะคะประธานเตชิต”มายมิ้นท์ตอบด้วยรอยยิ้ม
ลาเต้ยกนิ้วโป้งให้จากใต้โต๊ะและกระซิบว่า “คุณยอดเยี่ยมมากเลยที่รัก”
“อยู่เฉยๆเลยค่ะ”มายมิ้นท์เหล่ตามองเขา
จากมุมมองของ เตชิต สามารถเห็นเคลื่อนไหวของทั้งสองได้ชัดเจน ใบหน้าของเขาดูมืดมน “เอาล่ะ ในเมื่อทุกคนมาถึงแล้ว การประชุมเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ ณ บัดนี้”