รักหวานอมเปรี้ยว - บทที่ 111 ไม่มีขีดจำกัดเลยสักนิด
มายมิ้นท์ยิ้มแล้วยิ้มอีก “ไม่ใช่เลยเชียวเหรอ?”
เพื่อส้มเปรี้ยว เขาไม่มีขีดจำกัดได้เลยสักนิด
กระทั่งเพียงแค่ส้มเปรี้ยวร้องไห้สองเสียง ไม่แน่ว่าเขาแม้แต่ชีวิตล้วนสามารถไม่เอาก็ได้ล่ะ
เปปเปอร์จ้องมองความเย็นเยือกที่อยู่นัยน์ตาของมายมิ้นท์ รู้สึกเพียงขัดลูกหูลูกตาเหลือเกิน
ที่แท้ เธอก็มองเขาเช่นนี้นี่เอง
เปปเปอร์หน้าบึ้งอยู่ มือหนึ่งสอดอยู่ในกระเป๋ากางเกงลุกขึ้นมา “ทุกท่าน สำหรับข้อสงสัยที่ประธานมายมิ้นท์พูดเมื่อกี้ ผมสามารถบอกกับทุกคนได้อย่างชัดเจนมาก การร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ยุติธรรมเที่ยงธรรม จะไม่มีคดีดำใดๆ ขอให้ทุกท่านโปรดวางใจ”
“ในเมื่อประธานเปปเปอร์ล้วนพูดเช่นนี้แล้ว พวกเราย่อมวางใจอยู่แล้ว” คนทั้งหลายยิ้มพูด
มีเพียงเยี่ยมบุญฝืนใจดึงมุมปากดึงแล้วดึงอีก ไม่ได้ขานรับ ในใจเสียใจภายหลังเหลือเกิน
ผ่านการประลองฝีมือในครั้งนี้ เขาน่าจะรู้ว่ามายมิ้นท์สาวน้อยคนนี้จัดการไม่ง่ายมานานแล้ว
แต่ทุกครั้ง เขายังคงอดไม่ไหวที่จะพุ่งเข้าไปอย่างบุ่มบ่าม จนกระทั่งตอนนี้ย้ายก้อนหินทับเท้าตนเองแล้ว
“ขอบคุณความไว้วางใจของทุกท่านอย่างมาก งั้นการประชุมในวันนี้ก็ขอยุติเพียงแค่นี้ ทุกคนสามารถกลับไปจัดเตรียมแผนการให้ดีๆได้เลย”
พูดจบ เปปเปอร์ลุกขึ้นมา พาผู้ช่วยเหมันตร์ออกจากห้องพิเศษก่อน
พอเขาไป คนอื่นๆก็ลุกขึ้นตามไปด้วย ออกไปอย่างกระจุยกระจาย
เยี่ยมบุญเดินอยู่ท้ายสุด ตอนที่เดินผ่านข้างกายมายมิ้นท์ หยุดอยู่ พูดเสียงอึมครึมหนาวเย็นว่า “สาวน้อย คุณอย่ากระหยิ่มยิ้มย่องล่ะ”
“ไม่อย่างแน่นอน เพราะว่าประธานเยี่ยมบุญยังไม่ได้ล้มลงล่ะ ฉันจะกระหยิ่มยิ้มย่องได้ยังไงล่ะ” มายมิ้นท์หันหน้าอมยิ้มหนึ่งทีพูดอยู่
เยี่ยมบุญใจลอยขึ้นมาอีกครั้ง
เหมือน เหมือนมากจริงๆ
ทำไมลักษณะท่าทีที่สาวน้อยคนนี้ยิ้มออกมา เหมือนมารดาของเขาตอนเยาว์วัยขนาดนั้นล่ะ?
“ประธานเยี่ยมบุญ?” เห็นเยี่ยมบุญใจลอยจ้องมองตนเองอยู่อีก มายมิ้นท์อดไม่ไหวที่จะยักคิ้วหนึ่งที
คนนี้เป็นยังไงเหรอ?
เยี่ยมบุญได้ยินเสียงของมายมิ้นท์ คืนสติกลับมา นัยน์ตาแว็บผ่านความอึดอัดเล็กน้อย หลังจากไอเสียงหนึ่ง พูดเสียงเย็นชาว่า “งั้นก็ต้องดูว่าคุณมีฝีมือขนาดไหนจะทำให้ผมล้มลงหรือไม่ ฮึ!”
เยี่ยมบุญออกไป ในหอประชุมเหลือเพียงแค่มายมิ้นท์คนเดียว
นี่มายมิ้นท์จึงค่อยๆเก็บของของตนเองเตรียมตัวจะกลับไป
ในเวลานี้ มือถือดังขึ้น
มายมิ้นท์วางของที่อยู่ในมือลงเสียเลย หยิบมือถือออกมา “ฮัลโหล่”
“ที่รัก ประชุมเสร็จหรือยัง?” ลาเต้ถามอยู่ในสาย
มายมิ้นท์พยักหน้า “ประชุมเสร็จแล้ว”
“เป็นยังไงล่ะ ช่วงชิงตำแหน่งผู้ร่วมกิจกรรมได้หรือยัง?” น้ำเสียงลาเต้รีบเร่ง
มายมิ้นท์ยิ้มขมส่ายหัวต่อๆกันอยู่ “ที่ไหนจะง่ายขนาดนี้ เข้ามายี่สิบกว่าคน เลือกหุ้นส่วนเพียงห้าแห่งล่ะ ผู้ก่อการร่วมกิจกรรมให้การทดสอบอย่างหนึ่งแก่พวกเรา ให้พวกเราเขียนแผนการชุดหนึ่ง ตามแผนการตัดสินตำแหน่งผู้ร่วมกิจกรรม”
“งั้นนี่ยังค่อนข้างยุติธรรม” ลาเต้พยักหน้าต่อๆกัน
มายมิ้นท์นวดระหว่างคิ้วนวดแล้วนวดอีก “แต่ฉันออกไปก่อนหงุดหงิดมาก เพราะว่าฉันเขียนแผนการไม่เป็น ฉันไม่เคยสัมผัสแหล่งพลังงานจุดนี้มาก่อน มีศัพท์เฉพาะทางมากมายล้วนไม่รู้จะเขียนยังไงล่ะ?”
นอกหอประชุม เปปเปอร์ได้ยินคำพูดนี้ ทันใดนั้นกิริยาท่าทางในการเปิดประตูหยุดลง
ผู้ช่วยเหมันตร์ยืนอยู่ข้างหลังเขา “เปป……”
เขาเพิ่งพูดคำเดียว ก็ถูกเปปเปอร์ยกมือขัดขวางไว้แล้ว
ผู้ช่วยเหมันตร์หุบปากไว้อย่างเงียบๆ ไม่พูดเลย
ลาเต้ยิ้มอยู่พูดว่า “นี่จะมีอะไร เอากลับมาให้คนที่แผนกการวางแผนเขียนสิ พวกเขาก็ไม่ใช่จะทำสิ่งนี้โดยเฉพาะเหรอ?”
“ไม่ได้” มายมิ้นท์ส่ายหัว “อยู่ในกรุปยังไม่รู้ว่ามีคนมากเท่าไหร่เป็นไส้ศึกของเตชิตล่ะ คุณเชื่อหรือไม่ว่าเพียงแค่ฉันให้คนอื่นเขียน เตชิตก็จะทำการทำลาย เขาไม่อยากให้ฉันชนะล่ะ ดังนั้นฉันเพียงได้แต่เขียนด้วยตนเองแล้ว”
“สิ่งที่คุณพูดก็ถูก งั้นถึงเวลานั้นผมเขียนด้วยกันกับคุณ แม้ว่าผมก็ไม่เคยเกี่ยวเนื่องไปถึงจุดนี้มาก่อน แต่สองคนน่าจะดีกว่าคนเดียวล่ะ” ลาเต้จับผมแล้วจับผมอีกพูด
มายมิ้นท์อืมเสียงหนึ่ง “ได้ งั้นฉันวางสายก่อนล่ะ อีกสักครู่ยังต้องไปโรงพยาบาลล่ะ”
“ได้” ลาเต้พยักหน้า
นอกประตู เปปเปอร์หมุนตัวไป “ไปเถอะ”
“ประธานเปปเปอร์ ท่านไม่เข้าไปเอาของแล้วเหรอ?” ผู้ช่วยเหมันตร์ตามถามอยู่ข้างหลังเขา
เปปเปอร์เม้มปากแล้วเม้มปากอีก “ไม่แล้ว อีกสักครู่ให้คนของโรงแรมส่งไปที่บริษัทตระกูลนวบดินทร์ก็ได้แล้ว”
เขาล้วนพูดอย่างนี้แล้ว ผู้ช่วยเหมันตร์ยังจะพูดอะไรได้อีกล่ะ
มาถึงหน้าลิฟต์ ผู้ช่วยเหมันตร์กดปุ่มลง อยู่ดีๆก็ได้ยินเปปเปอร์เอ่ยปากว่า “คุณไปหาสองคนมาเล่นละครสักฉากหนึ่ง”
“ฮ่ะ?” ผู้ช่วยเหมันตร์มึนงงเต็มไปหมด “เล่นละครอะไรเหรอ?”
เปปเปอร์สายตาแวววาวเล็กน้อย เล่าละครที่จะเล่นออกมา
ผู้ช่วยเหมันตร์ฟังจบ ท้ายหน้าผากมีเส้นสีดำเลื่อนลงหลายเส้น “ประธานเปปเปอร์ ในเมื่อท่านอยากจะช่วยคุณมายมิ้นท์ พูดกับคุณมายมิ้นท์โดยตรงก็ได้แล้วล่ะ ทำไม……”
“เธอไม่รับการช่วยเหลือของผม ผมได้เพียงแต่ใช้วิธีนี้” เปปเปอร์จ้องมองประตูลิฟต์ พูดเสียงเข้มอยู่
ตอนนี้มายมิ้นท์เห็นเขาเป็นโรคห่าไปหมด ห่างได้ไกลขนาดไหนก็จะไกลขนาดนั้น
ดังนั้น จะรับการช่วยเหลือของเขาได้ยังไงอีกล่ะ
ผู้ช่วยเหมันตร์ได้ยินคำพูดนี้ของเปปเปอร์ ทันใดนั้นพูดอะไรไม่ออกเลย ผ่านไปสักพักจึงไอสองเสียง “นี่ผมก็จะไปวางแผน”
เปปเปอร์พยักหน้า
อีกฝั่งหนึ่ง มายมิ้นท์หอบของของตนเองไว้เดินออกจากหอประชุมเพิ่งเดินไปไม่กี่ก้าวก็ได้ยินว่ามีคนพูดคุยกันอยู่ ในนั้นยังพูดถึงแหล่งพลังงานคำนี้
คำนี้ดึงดูดความสนใจของมายมิ้นท์ขึ้นมา โดยจิตใต้สำนึกเธอหยุดการย่างก้าว หันหน้ามองไปยังทิศทางของเสียงพูดคุยกัน
เห็นเพียงนักศึกษามหาวิทยาลัยสองคนหนึ่งชายหนึ่งหญิงกำลังยืนอยู่ที่ไม่ไกล ยิ้มพูดคุยกันอยู่
ผู้หญิงถามผู้ชาย “ช่วงนี้วิทยานิพนธ์ที่เกี่ยวข้องกับด้านแหล่งพลังงานนั้นคุณเขียนเสร็จแล้วหรือยัง?”
“ยังไม่ล่ะ ยากเกินไปแล้ว ถ้าหากไม่ใช่ได้ยินพี่ชายผมพูดว่าบริษัทตระกูลนวบดินทร์กรุปค้นคว้าวิจัยเทคโนโลยีแหล่งพลังงานใหม่ออกมา ผมเขียนสิ่งนี้ไม่เป็นเลยสักนิด”
“ช่วยไม่ได้ ไม่เขียนก็จะเข้าแผนกวิจัยของบริษัทตระกูลนวบดินทร์กรุปไม่ได้ล่ะ รีบเขียนเถอะ ฉันล้วนใกล้จะเขียนเสร็จแล้ว ฉันจะแนะนำหนังสือหลายเล่มให้กับคุณ คุณอ่านหนังสือหลายเล่มนี้ให้มาก เขียนออกมาน่าจะง่ายขึ้นหน่อยหนังสือหลายเล่มนี้รวมกับความรู้และศัพท์เฉพาะทางที่เกี่ยวข้องกับแหล่งพลังงานมากมาย”
ต่อจากนี้ ผู้หญิงก็พูดชื่อหนังสือหลายเล่มออกมาต่อๆกัน
หลังจากผู้ชายพูดซ้ำอีกรอบ ก็ออกไปกับผู้หญิงเลย
มายมิ้นท์จ้องมองการอัดเสียงที่อยู่ในมือถือของตนเอง แม้ว่ามีความแปลกประหลาดเล็กน้อย ทำไมจะบังเอิญขนาดนี้ก็มีนักศึกษามหาวิทยาลัยสองคนพูดคุยเรื่องแหล่งพลังงานอยู่ในโรงแรมพอดี แต่เธอก็ไม่ได้คิดมากเช่นกัน ในใจซาบซึ้งในบุญคุณของทั้งสองคนนี้อย่างมาก
เพราะว่าเธออัดเสียงสนทนาของพวกเขาไว้ คิดว่าหลังจากเยี่ยมคุณย่าเสร็จ ก็จะตามเสียงอัดไปหาหนังสือหลายเล่มนั้น
เชื่อว่าเป็นอย่างนี้มา แผนการของเธอก็น่าจะเขียนง่ายขึ้นเยอะเลย
คิดอยู่ มายมิ้นท์ยิ้มอยู่เก็บมือถือขึ้นมา เดินไปยังลิฟต์
ผลสุดท้ายเพิ่งออกจากลิฟต์ เธอเห็นคนที่ไม่อยากเห็นอีกแล้ว
เปปเปอร์หยิบมือถือกำลังหันหลังใส่เธอคุยโทรศัพท์อยู่ คนที่อยู่ในสายพูดว่า “ประธานเปปเปอร์ ละครเมื่อกี้คุณมายมิ้นท์เห็นแล้ว”
มายมิ้นท์ไม่ได้ยินเนื้อหาในสาย เดิมทีอยากจะฉวยโอกาสนี้ เดินผ่านข้างกายของเปปเปอร์โดยตรง ก็ถือว่าไม่ได้พบเห็นเขา
แต่นึกไม่ถึง อยู่ดีๆเปปเปอร์กลับพูดคำว่ารู้แล้ว ก็วางสาย หมุนตัวกลับมาเลย
เขาเห็นมายมิ้นท์ไม่ได้ประหลาดใจเลยสักนิด พยักหน้ากับเธอนิดๆหนึ่งที
เขาล้วนทักทายแล้ว มายมิ้นท์ไม่ทักทายกลับก็ไม่ได้ ถึงยังไงเขาก็ยังเป็นผู้ก่อการร่วมกิจกรรมล่ะ เธอจะเอาตำแหน่งผู้ร่วมกิจกรรมให้ได้ ก็ไม่สามารถมีเรื่องกับเขาจนดูแย่เกินไป
นึกถึงจุดนี้ มายมิ้นท์สูดลมหายใจหนึ่งที บนใบหน้าปรากฏอมยิ้มที่ห่างเหินและทั้งเกรงใจออกมาหนึ่งที “ประธานเปปเปอร์”
“ผมกำลังรอคุณอยู่” เปปเปอร์พูด
มายมิ้นท์อึ้งชะงัก
มิน่าล่ะเขาเห็นเธอก็ไม่ประหลาดใจเลย
ที่แท้กำลังรอเธอโดยเฉพาะล่ะ
“ประธานเปปเปอร์รอฉัน มีเรื่องอะไรเหรอ? น่าจะไม่ใช่เมื่อกี้อยู่ในการประชุมฉันผูกพยาบาทกับประธานเยี่ยมบุญ ดังนั้นประธานเปปเปอร์คิดที่จะเอาชื่อฉันออกจากผู้ถูกคัดเลือกในการร่วมกิจกรรมเหรอ?” มายมิ้นท์จ้องมองเขาอยู่
เปปเปอร์ขมวดคิ้ว “มายมิ้นท์ คุณอย่าพูดจาแหลมคมขนาดนี้ได้หรือไม่ ก็อย่าคิดว่าผมจะไร้คุณธรรมขนาดนี้ด้วยล่ะ?”