รักหวานอมเปรี้ยว - บทที่ 120 เธอต้องการอะไรก็ได
เมื่อได้ยินคำพูดที่เต็มไปด้วยความห่วงใยของเธอ สายตาของเปปเปอร์ก็อ่อนโยนลง เช็ดมุมปากและลุกขึ้นจากพื้น กำลังจะตอบว่าไม่เป็นไร ก็เห็นเธอเดินผ่านข้างกายของเขาไป และเดินไปทางลาเต้
มายมิ้นท์ดึงมือของลาเต้ขึ้นมา มองขึ้นมองลง“มือไม่ได้เป็นอะไรใช่มั้ย?”
ลาเต้ขจัดความโกรธ และหัวเราะแฮะๆ“ไม่เป็นไร สบายดี”
“งั้นก็ดี”มายมิ้นท์ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ดวงตาของเปปเปอร์หมองคล้ำ ความดันอากาศของรอบตัวก็ลดลง สีหน้าของดูไม่ดีมาก
ที่แท้เขาคิดเอาเองฝ่ายเดียว เธอไม่ได้เป็นห่วงเขาด้วยซ้ำ
ก็ใช่ ลาเต้เป็นแฟนของเธอ เธอเป็นห่วงลาเต้ถึงจะปกติที่สุด เพียงแต่ว่าทำไมในใจถึงได้ไม่พอใจขนาดนั้น?
เปปเปอร์กำหมัดทั้งสองแน่นขึ้นมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความเย็นชา
มายมิ้นท์ไม่ได้มองเขา จิ้มที่หน้าผากของลาเต้อย่างโกรธเคือง “นายน่ะ อยู่ดีๆต่อยคนอย่างกะทันหัน ฉันตกใจแทบตาย”
“ใครให้เขาหน้าด้านขนาดนี้”ลาเต้พูดอย่างเย็นชาใส่เปปเปอร์
สีหน้าท่าทางของมายมิ้นท์ก็เย็นชาขึ้นมา มองไปทางเปปเปอร์“ประธานเปปเปอร์ คุณกลับไปเถอะ ฉันยังยืนยันคำเดิม ฉันไม่มีทางล้มเลิกไม่แจ้งตำรวจ”
เปปเปอร์มองต่ำ“เธอต้องการทำอะไร!?”
“อะไรนะ!?”มายมิ้นท์นิ่งอึ้ง
เปปเปอร์มองดูเธอ ริมฝีปากบางเปิดออกเบาๆ“ตราบใดที่เธอรับปากว่าจะไม่แจ้งตำรวจ เธอต้องการอะไรก็ได้”
“แกแม่ง……”ลาเต้ก็จะคลั่งอีก
มายมิ้นท์ห้ามเขาไว้ มองไปที่เปปเปอร์ด้วยรอยยิ้มที่เยาะเย้ย “ต้องการอะไรก็ได้งั้นเหรอ?”
“ถูกต้อง”เปปเปอร์พยักหน้า
มายมิ้นท์หรี่ตา“ได้ คุณเป็นคนพูดเองนะ งั้นฉันต้องการบริษัทตระกูลนวบดินทร์หรือว่าเอสซีกรุ๊ป คุณเลือกมาหนึ่งอย่างนะ ตราบใดที่คุณให้หนึ่งในนั้น ฉันก็จะไม่แจ้งตำรวจ”
ดวงตาของลาเต้เปล่งประกาย “ที่รัก อันนี้ดี”
เปปเปอร์คาดไม่ถึงว่ามายมิ้นท์จะมีความทะเยอทะยานมากขนาดนี้ ทันทีที่เอ่ยปากก็จะต้องการบริษัทตระกูลนวบดินทร์หรือว่าเอสซีกรุ๊ป ขมวดคิ้วแน่นขึ้นมา“มายมิ้นท์ เธอกำลังล้อฉันเล่นเหรอ? ทั้งที่เธอรู้ว่าฉันไม่มีทางให้สิ่งนี้กับเธอ”
มายมิ้นท์พับแขน แล้วพูดอย่างเยาะเย้ยว่า: “ใช่ ฉันก็กำลังล้อคุณเล่น ดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องเปลืองความคิดบอกให้ฉันล้มเลิกที่จะแจ้งตำรวจ เพราะว่านี่มันเป็นไปไม่ได้ ฉันจะต้องทำให้ส้มเปรี้ยวเข้าคุกอย่างแน่นอน!”
หลังจากที่พูดจบ เธอดึงลาเต้เดินทางไปลิฟต์
เดิมที เธอยังรู้สึกซาบซึ้งใจที่เปปเปอร์ปรากฏตัวช่วยเธอได้ทันเวลา ไม่อย่างนั้นเธออาจจะตายแล้ว แต่ตอนนี้สิ่งเหล่านี้ที่เปปเปอร์ทำ ทำให้ความรู้สึกซาบซึ้งใจที่เธอมีต่อเขาหายไปอย่างราบคาบ มีเพียงเต็มไปด้วยความขยะแขยง
เธอคิดว่า ตามใจคนที่ตัวเองรักไม่ผิด แต่ตามใจขนาดนี้จนไม่มีขีดจำกัด ไม่สนใจกฎหมายและศีลธรรม นั่นก็ไม่มีความเป็นคนมากเกินไปแล้ว
เปปเปอร์มองดูแผ่นหลังของมายมิ้นท์ ไม่ได้ห้ามให้เธอจากไป
เพราะว่าเขารู้ว่า ห้ามไปก็ไม่มีประโยชน์ สู้ใช้วิธีอื่น ช่วยส้มเปรี้ยวดีกว่า
ดวงตาของเปปเปอร์เปลี่ยนไปเล็กน้อย และก็หันหลังจากไป
ในอีกด้านหนึ่ง ในลิฟต์
ลาเต้ยังคงพูดไปด่าไป“เปปเปอร์ไม่เข้าท่าจริงๆ คำพูดหน้าด้านขนาดนี้ก็พูดออกมาได้”
“เอาล่ะ ฉันก็ไม่โกรธแล้ว นายยังโกรธอะไรอีก!?”มายมิ้นท์มองดูท่าทางโกรธของเขา และยิ้ม
ลาเต้เบะปาก“ที่รัก เธอไม่โกรธแล้วจริงเหรอ?”
“อือ โกรธแป๊บเดียวก็ดีแล้ว โกรธนานเกินไปไม่คุ้มค่า เนื่องจากว่าเป็นคนไม่สำคัญ”มายมิ้นท์ตอบอย่างราบเรียบ
ลาเต้กะพริบตาอย่างตื่นเต้น “ที่รักพูดถูก พวกเขาก็เป็นคนไม่สำคัญ แต่ว่า……”
“อะไร!?”มายมิ้นท์เดินออกจากลิฟต์
ลาเต้ติดตามเธออย่างใกล้ชิด “ครั้งนี้เปปเปอร์ล้มเลิกการตัดสินใจของเธอ คงจะไม่มีทางยอมแพ้แน่ คงจะทำอะไรอย่างแน่นอน”
ดวงตาของมายมิ้นท์มืดลง “ถ้าหากเป็นแบบนี้จริงๆ แน่นจริงก็เข้ามาสิ ถึงยังไงฉันคนเดียว ไม่มีอะไรให้เสียแล้วก็ย่อมไม่กลัวอะไร เรื่องใหญ่ก็จบเห่ด้วยกัน”
ลาเต้ตกใจ“ที่รัก อย่าเป็นแบบนี้นะ เธอจบแล้วฉันจะทำยังไง?”
มายมิ้นท์กลอกตาขาวแวบหนึ่ง“เอาล่ะ ฉันก็แค่พูดเรื่อยเปื่อยเท่านั้นเอง นายยังคิดว่าจริงเหรอ”
แต่ถ้าหากเปปเปอร์ทำให้เธอโกรธมากจริงๆ
เธอก็ไม่ใช่ว่าจะลากเขาไปจบด้วยกันไม่ได้
ระหว่างที่คุยกัน ถึงห้องทำงานแล้ว
มายมิ้นท์ผลักประตูเข้าไป และหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรแจ้งตำรวจ
ทันทีที่ฝ่ายตำรวจได้ยินว่าเจตนาฆาตกรรม ก็ออกไปจับกุมคนในมันที ต่อจากนั้นส้มเปรี้ยวก็ถูกจับตัวในโรงพยาบาล
ตอนที่ถูกจับ ส้มเปรี้ยวทั้งคนก็มึนงง ในใจก็ทั้งตกตะลึงทั้งตื่นตระหนก
เกิดอะไรขึ้น เปปเปอร์บอกว่า จะพูดเกลี้ยกล่อมให้มายมิ้นท์ไม่แจ้งตำรวจไม่ใช่เหรอ?
ทำไมมายมิ้นท์ยังแจ้งตำรวจ?
ส้มเปรี้ยวถูกนำกลับไปที่ห้องสอบสวนของสถานีตำรวจด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว
ผู้คนที่สถานีตำรวจได้แจ้งให้มายมิ้นท์ทราบในทันที
“รู้แล้วค่ะ ของคุณค่ะ ฉันจะไปยื่นหลักฐานเดี๋ยวนี้ค่ะ”มายมิ้นท์วางโทรศัพท์ลงด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์ และลุกขึ้นมา
“ที่รัก ฉันไปกับเธอนะ”ลาเต้รีบวางกาแฟในมือลงแล้วพูด
มายมิ้นท์ส่ายหน้า“ไม่ต้อง นายอยู่ที่เทนเดอร์กรุ๊ปเถอะ”
“ได้”ลาเต้ตอบอย่างไม่ค่อยเต็มใจ
“ไปก่อนนะ”มายมิ้นท์หยิบกระเป๋าบนโต๊ะแล้วออกไป
ในไม่ช้า เธอก็ขับมาถึงสถานีตำรวจ จอดรถในที่จอดรถใกล้กับสถานีตำรวจ ต่อจากนั้นเปิดประตูลงมา
ขณะที่เธอเพิ่งเดินออกมาได้สองก้าว ทันใดนั้นก็มีรถจักรยานยนต์คำรามดังตามหลังเธอ
มายมิ้นท์หันกลับไปมอง ก็เห็นรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่สีดำหนึ่งคัน กำลังพุ่งมาทางตัวเองด้วยความเร็วที่รวดเร็วมาก
สีหน้าของมายมิ้นท์ซีดเซียว ขาทั้งสองก็กลายเป็นแข็งทื่อไม่สามารถขยับได้
เมื่อเห็นว่ามอเตอร์ไซค์กำลังจะชนตัวเอง เธอจึงคอหดลง และหลับตาลงโดยไม่รู้ตัว
ตอนแรกคิดว่าตัวเองจะถูกชนจนกระเด็นเร็วๆนี้ ต่อจากนั้นกลับรู้เพียงว่าเจ็บที่ไหล่เท่านั้น
ต่อจากนั้น กระเป๋าบนไหล่ของเธอก็ถูกคนบนมอเตอร์ไซค์ลากไป
และมายมิ้นท์ก็เป็นเพราะแรงลาก ร่างกายก็ล้มไปด้านข้าง
โชคดีที่ข้างๆของเธอเป็นรถ แม้ว่าเธอจะไม่ได้ล้มลงบนพื้น แต่ท้องกลับโดนไฟรถชน เจ็บจนร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด และเหงื่อแตก
“ฟืด……”มายมิ้นท์สูดหายใจ และลูบท้อง
แต่ในไม่ช้า เธอก็เอามือออกจากท้อง ต่อจากนั้นเปิดประตูคนขับรถเพื่อขึ้นไป อดทนกับอาการจุกเสียดในท้อง แล้วขับรถไล่ตาม
เธอจำเป็นต้องไล่ตามกระเป๋าคืนมา
ในนั้นนอกเหนือจากข้อมูลประจำตัวของเธอแล้ว ยังมีโทรศัพท์มือถือ ในโทรศัพท์ มีบันทึกดักฟังการสนทนาของเธอกับเปปเปอร์ บันทึกนั้น เป็นหลักฐานที่ส้มเปรี้ยวผลักเธอลงบันได จะสูญหายไม่ได้เด็ดขาด
มายมิ้นท์ขมวดคิ้วแน่น และเหยียบคันเร่งเพื่อให้ไล่ทัน
ผู้ช่วยเหมันตร์ขับรถออกไป เห็นฉากที่รถของเธอหายไปพอดี อดไม่ได้ที่จะสงสัยแล้วพูดว่า: “ประธานเปปเปอร์ เมื่อกี้นี้เหมือนจะเป็นรถของคุณมายมิ้นท์ เธอขับได้เร็วมาก เหมือนกำลังไล่ตามคน”
ไล่ตามคนเหรอ?
เปปเปอร์ที่กำลังจับมุมปากอยู่ก็ลืมตาขึ้นมา“ไล่ใคร?”
“ไม่รู้ครับ ไม่เห็น”ผู้ช่วยเหมันตร์ส่ายหน้า
เปปเปอร์ลังเลตัดสินใจไม่ได้ไม่กี่วินาที และเอ่ยปากพูด“ตามไป!”
“ครับ”ผู้ช่วยเหมันตร์ตอบอือคำหนึ่ง และเริ่มสตาร์ตรถใหม่
มายมิ้นท์ยังคงไล่ตามรถจักรยานยนต์
แต่ว่าอยู่บนถนนที่แออัด รถของมายมิ้นท์นั้นยังคงช้ากว่าความเร็วของมอเตอร์ไซค์
รถจักรยานยนต์พุ่งผ่านช่องว่างในการจราจรอย่างสง่า และมายมิ้นท์ทำได้เพียงติดอยู่ตรงกลางของรถคันอื่นอย่างว่าง่าย และอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ในท้ายที่สุด เธอทำได้เพียงเฝ้าดูมอเตอร์ไซค์ที่จากไป และหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
มายมิ้นท์โกรธจนตาแดง และตบพวงมาลัยหนึ่งที
ปรากฏว่าความโกรธนี้ของเธอ ก็ยิ่งปวดท้องมากขึ้น
มายมิ้นท์ก็ทนต่อไม่ไหวแล้ว จอดรถอยู่ที่ข้างถนน ฟุบลงกับพวงมาลัยด้วยความเจ็บปวด
ในเวลานี้ กระจกรถถูกคนเคาะ
มายมิ้นท์เงยหน้าขึ้นอย่างอดทนต่อความเจ็บปวด เอียงหัวมอง ใบหน้าที่เคร่งขรึมของเปปเปอร์ก็ปรากฏขึ้นที่ข้างนอก
เพียงแต่ว่ารอยฟกช้ำบนใบหน้าของเขา ค่อนข้างจะทำลายความหล่อของเขา
มายมิ้นท์หมุนกระจกลง มองดูเขาอย่างหายใจหอบ“มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
เปปเปอร์เห็นเธอเหงื่อออกเต็มหัว สีหน้าก็ซีดเซียว ขมวดคิ้ว และถามด้วยน้ำเสียงที่แน่นหนาว่า “เธอเป็นอะไร?”