รักหวานอมเปรี้ยว - บทที่ 140 ปีนเขา
“ในเมื่อทุกคนตกลงจะไปปีนเขากันแล้ว ยังช้าอยู่ทำไม รีบกลับห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้า?” ทามทอยกลอกตาแล้วพูดออกมา หลังจากที่เห็นการแต่งตัวคนกลุ่มนี้แล้ว
ลาเต้ก้มมองเสื้อเชิ้ตลายดอกที่ถูกสวมใส่อยู่บนร่างกายของตัวเอง แล้วเบะปาก “ผมแต่งตัวไม่เหมาะกับการปีนเขาจริงๆ”
“ถ้าอย่างนั้นก็รีบไปเปลี่ยนเถอะ” มายมิ้นโบกมือเชิงไล่ให้เขารีบไปเปลี่ยน
เธอไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนชุดแล้ว เพราะเธอสวมชุดออกกำลังกาย ที่เหมาะกับปีนเขาพอดี
“เปปเปอร์ ถ้าอย่างนั้นฉันจะกลับห้องไปเปลี่ยนชุดที่ห้องนะคะ” ส้มเปรี้ยวมองชุดเดรสของตัวเอง แล้วพูดกับเปปเปอร์
เปปเปอร์พยักหน้าเล็กน้อย “ไปเถอะ”
เขาก็ไม่ต้องเปลี่ยนแล้ว แม้จะไม่ใช่ชุดออกกำลังกาย แต่ก็ยังใส่ปีนเขาได้
“รอฉันแปปนึงนะคะ” ส้มเปรี้ยวพูดจบ ก็หันหลังเดินขึ้นไปชั้นบน
คนอื่นๆก็ได้แยกย้ายไปเปลี่ยนชุดในห้องตัวเอง ส่วนทามทอยออกไปเตรียมรถด้านนอก
ห้องอาหารจึงเหลือมายมิ้นท์และเปปเปอร์เพียงสองคน
เวลานี้เป็นจังหวะที่ดีสำหรับมายมิ้นท์ เพราะเธอมีคำถามที่ต้องการถามเขา
“คุณเปปเปอร์” มายมิ้นท์เอ่ยปาก
เปปเปอร์มองไปที่เธอ “มีอะไรเหรอ?”
“เมื่อคืนคุณไปส่งฉันที่ห้องใช่ไหม?” มายมิ้นท์หันมาสบตากับเขาด้วยสายตาที่นิ่งเรียบ
เปปเปอร์พยักหน้า “ผมเอง”
มายมิ้นท์ถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ทำไมไม่ปลุกฉัน?”
“ผมปลุกแล้ว” เปปเปอร์ตอบด้วยน้ำเสียงเรียบ “แต่เธอหลับลึกมาก ปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ยอมตื่น”
มายมิ้นท์หลบสายตา “อย่างนั้นเหรอ”
“ครับ” เปปเปอร์คล้อยตาม
มายมิ้นท์ดูออกว่าเขาจริงจัง และไม่ได้พูดโกหก จนทำให้รู้สึกเขินอาย
ปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ยอมตื่น เธอต้องหลับลึกขนาดไหนกัน
“อะแฮ่ม” มายมิ้นท์แค่นเสียงไอแก้เขิน เก็บความรู้สึกไว้ แล้วพูดต่อว่า “ต้องขอบคุณคุณเปปเปอร์นะคะ แต่ว่า…”
“อะไรเหรอ?” เปปเปอร์ถามก่อนยกกาแฟขึ้นดื่ม
มายมิ้นท์หลุบตาลง ก่อนมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย “คุณเปปเปอร์ไม่ได้ทำอะไรกับตัวฉันใช่ไหม!?”
“ทำอะไร!?” เปปเปอร์ขมวดคิ้วสบตากับเธอ “คุณหมายถึงเรื่องอะไร!?”
“อย่างเช่นคุณได้หยิกฉันไหม แบบว่าหยิกตรงคออะไรแบบนี้?” มายมิ้นท์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วถาม
เธอไม่กล้าถามตรงๆว่าจูบเธอหรือเปล่า จึงได้ใช้คำว่าหยิกแทน
และเธอก็แกล้งยกคอขึ้น เพื่อให้เขาเข้าใจในสิ่งที่เธอตั้งใจจะพูด
เปปเปอร์ลูบแก้วกาแฟอีกครั้ง แล้วตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆว่า “ไม่ได้ทำ”
“ไม่ได้ทำจริงๆเหรอ” มายมิ้นท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย แสดงออกว่าไม่เชื่อ
เปปเปอร์มองมาที่เธอ “ทำไมผมต้องหยิกคุณ?”
“…” มายมิ้นท์ถึงกับพูดไม่ออก
ทำไม!?
เธอจะรู้ได้อย่างไรว่าทำไม !?
เมื่อเห็นว่าสีหน้าของมายมิ้นท์เต็มไปด้วยความสงสัย เปปเปอร์จึงยกกาแฟขึ้นดื่มแล้วพูดว่า “สบายใจเถอะ ผมไม่ได้ทำอะไรคุณ ผมแค่เอาไปส่งคุณในห้องก็แค่นั้น”
สีหน้าของเขาเรียบเฉย ไม่มีอาการหวาดหวั่นเลยแม้แต่น้อย
มายมิ้นท์จ้องมองไปที่เขาสักพัก แล้วยังคงจับพิรุธไม่ได้ จึงต้องจำใจเชื่อคำพูดของเขา
เขาอาจจะไม่ใช่คนที่ทำให้คอของเธอเป็นรอยแดงจริงๆ แต่ถ้าไม่ใช่เขาแล้ว แล้วจะเป็นใครได้ล่ะ?
หรือว่าหลังจากที่เขาเดินออกไปแล้ว ยังมีคนอื่นเข้าไปในห้องนอนของเธอ
คิดดังนี้ มายมิ้นท์กำมือไว้แน่น โกรธจนรู้สึกแน่นหน้าอกท้องไส้ปั่นป่วน
เธอคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเธอจะต้องเจอ…
“ที่รัก ผมเปลี่ยนชุดเสร็จแล้ว” เสียงพูดของลาเต้ดังขึ้นมา ทำให้ความคิดของมายมิ้นท์หยุดไปชั่วขณะ
มายมิ้นท์จ้องมองลาเต้ที่กำลังเดินเข้ามา แล้วถามด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “เมื่อคืนคุณได้ออกจากห้องกลางดึกบ้างไหม”
“ออกจากห้อง?” ลาเต้กะพริบตาอย่างสงสัย “ไม่นะ ผมหลับตลอดทั้งคืนจนเช้า คุณถามผมเรื่องนี้ทำไมเหรอ!?”
มายมิ้นท์เห็นเขาจับต้นชนปลายไม่ถูก ก็มั่นใจได้ว่าเขาไม่ได้พูดโกหก จังโบกมือ “ไม่มีอะไรค่ะ”
แล้วถ้าไม่ใช่ลาเต้ ในกลุ่มนี้มีผู้ชายเพียงสี่คน นอกจากเปปเปอร์และลาเต้แล้ว ก็เหลือแค่ทามทอยและปีโป้
ไม่น่าจะใช่ปีโป้ เพราะเขาอายุเพียงแค่สิบกว่าปีเท่านั้น ถ้าอย่างนั้นก็เหลือแค่ทามทอยแล้ว
ในขณะที่กำลังคิดอยู่ ทามทอยก็ได้ปรากฏตัวขึ้น ในมือเหวี่ยงกุญแจรถไปมา เดินเข้ามาแบบกระโดดโลดเต้น “เติมน้ำมันรถเรียบร้อยแล้ว ผมยังให้พ่อครัวเตรียมของกินไว้ที่รถเยอะแยะเลย เราก็ทานมื้อเที่ยงบนเขา ไม่ต้องกลับมาแล้ว พวกคุณ…”
ยังไม่ทันพูดจบ เขาก็รู้สึกได้ว่าว่ามีสายตาที่เต็มไปด้วยข้อสงสัยคู่หนึ่งจ้องมาทางเขา ทำให้เขาไม่สามารถพูดต่อให้จบได้
“มายมิ้นท์ คุณมองผมด้วยสายตาแบบนั้นทำไม หน้าของผมมีอะไรติดอยู่เหรอ” ทามทอยลูบหน้าตัวเองด้วยความระแวง
มายมิ้นท์มองด้วยสายตาที่ต้องการหาความจริง “เมื่อคืนคุณได้ออกจากห้องกลางดึกหรืเปล่า?”
“ไม่นะ ผมจะออกจากห้องทำไม?” ทามทอยมองด้วยท่าทีสงสัย
มายมิ้นท์ดูออกว่าเขาก็ไม่ได้โกหกเหมือนกัน จึงนิ่งไปพักใหญ่
ถ้าไม่ใช่เปปเปอร์ ไม่ใช่ลาเต้ และก็ไม่ใช่ทามทอย จะเป็นใครได้อีก?
เมื่อคืนในวิลล่าก็มีแค่พวกเขาไม่มีคนนอกอีก หรือว่าเธอเข้าใจผิดไปจริงๆ รอยตรงคอไม่ใช่รอยจูบแต่เป็นรอยจากยุงกัด?
ขณะนี้สีหน้ามายมิ้นท์ยังคงรู้สึกงงงวย หลังจากนั้นก็เดินออกจากห้องอาหารด้วยข้อสงสัย
ลาเต้และทามทอยมองหน้ากันราวกับต้องการไขคำตอบของอีกฝ่าย
“เกิดอะไรขึ้น?” ทามทอยถาม
ลาเต้ส่ายหน้าไม่เข้าใจเหมือนกัน
แต่ทันใดนั้น เขาเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างออก เขาปรือตามองไปทางชายหนุ่มที่กำลังนั่งดื่มกาแฟอยู่บนโต๊ะอาหาร แล้วถามด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยดีว่า “คุณทำอะไรกับคนรักของผมใช่ไหม?”
ทว่าเปปเปอร์รู้สึกแสลงหูกับคำว่าคนรักมาก จึงยืนขึ้นด้วยท่าทีเย็นชา โดยไม่ได้สนใจเขา แล้วเดินออกจากห้องอาหาร
“ดูความหยิ่งยโสของเขาสิ” ลาเต้ชี้ไปทางที่เปปเปอร์ที่เดินจากไป แล้วโกรธจนตัวสั่น
ทามทอยยักไหล่ โดยไม่ได้พูดอะไรต่อ
ไม่นานนัก คนทั้งกลุ่มก็ได้มารวมตัวกันที่นอกวิลล่า
จากตรงนี้จนถึงทางขึ้นเขายังห่างมีระยะห่างกันถึงสองกิโลเมตร หากเดินไปจะช้าเกินไป จึงต้องขับรถไป
ทั้งเจ็ดคนแยกนั่งรถสองคันแล้วขับไปทางตีนเขา
แบ่งเป็นกลุ่มของมายมิ้นท์ทั้งห้าคนหนึ่งคัน เปปเปอร์และส้มเปรี้ยวสองคนอีกหนึ่งคัน
เพราะไม่มีใครอยากนั่งกับพวกเขา แม้แต่ปีโป้ก็ไม่อยากนั่ง
ดังนั้น เป็นที่รู้กันว่า เปปเปอร์กับส้มเปรี้ยวทั้งสองคนเป็นที่น่ารังเกียจของคนอื่นขนาดไหน
มาถึงตีนเขา ทั้งเจ็ดคนได้ลงจากรถ และเริ่มปีนเขากัน
ส้มเปรี้ยวเงยหน้ามองไปที่ยอดเขา ใบหน้าแสดงออกว่าไม่อยากขึ้นไป “สูงมากเลยนะคะเปปเปอร์ พวกเราต้องปีนขึ้นไปบนนั้นเองจริงๆ เหรอ ไม่นั่งเคเบิ้ลคาร์ขึ้นเหรอ?”
เปปเปอร์ยังไม่ทันได้ตอบ ลาเต้สวนขึ้นมาก่อน “อะไรกัน นั่งเคเบิ้ลคาร์ขึ้นเขา?”
“ไม่ได้เหรอ?” ส้มเปรี้ยวมองมาที่เขาด้วยสายตาอ้อนวอน
ลาเต้เบะปาก “ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่ได้ แต่พวกเราได้ตกลงกันแต่แรกแล้วว่า จะไม่นั่งเคเบิลคาร์ขึ้นไป แต่จะนั่งตอนลงจากเขาแทน ไม่อย่างนั้นจะเรียกว่าปีนเขาเหรอ”
“แต่ว่ามันสูงมากจริงๆ” ส้มเปรี้ยวกัดริมฝีปากอย่างไม่เห็นด้วย
“ถ้าอย่างนั้นคุณก็กลับไปซะ อย่าอยู่ให้เสียอารมณ์ปีนเขาของพวกเรา” ลาเต้พูดด้วยความรำคาญ
“นี่คุณ…” ส้มเปรี้ยวโมโหจนหน้าแดงก่ำ หลังจากนั้นก็มองมาทางเปปเปอร์
เปปเปอร์จึงถามว่า “ส้มเปรี้ยว คุณอยากกลับไปก่อนไหม? ถ้าอยากกลับ ผมจะไปส่งคุณ”
“ฉัน…”
“โอ๊ย… คุณส้มเปรี้ยวคงจะทนความลำบากไม่ได้เลยสินะ?” ไม่ทันรอให้ส้มเปรี้ยวตอบ ทามทอยพูดแทรกขึ้นมาก่อน
ในใจของส้มเปรี้ยวเกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้นมาวูบหนึ่ง
มายมิ้นท์สบตากับชาหวาน แล้วยิ้มออกมา
พวกเขารู้ว่าทามทอยกำลังคิดแผนกลั่นแกล้งคนอื่นอีกแล้ว
“คุณลาเต้ หมายความว่าอย่างไรคะ?” ส้มเปรี้ยวกำมือแน่น ฝืนยิ้มแล้วมองมาที่ทามทอย
ทามทอยแสยะยิ้มอย่างมีเลศนัย “ก็ไม่ได้หมายความว่าอะไร ผมแค่จะบอกว่าคุณส้มเปรี้ยวเอาแต่ใจมากเกินไป”
“ทามทอย!” เปปเปอร์เม้มริมฝีปากจ้องมาที่เขาอย่างไม่สบอารมณ์
ทามทอยผายมือทั้งสองข้างออก “เปปเปอร์ ผมไม่ได้พูดผิดซะหน่อย ถ้าคู่หมั้นของคุณไม่อยากปีนเขาเพราะรู้สึกว่าภูเขาสูงเกินไป ก็ไม่ควรมาแต่แรกนะ แต่พอมาแล้วก็คิดจะกลับทันที แบบนี้ไม่เรียกว่าเอาแต่ใจ จะต้องเรียกว่าอะไร!?”
เปปเปอร์ขมวดคิ้วเข้าหากัน
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ชอบกิริยาของทามทอย แต่ก็ไม่ปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งที่ทามทอยพูดล้วนเป็นความจริง