รักหวานอมเปรี้ยว - บทที่ 161 ส่งคุณกลับไป
“ไม่มีจริงๆเหรอ?” ท่านย่าถามอย่างยิ้มแหยๆ
เสียงเปปเปอร์เย็นชาเข้มงวด “แน่นอน! แต่ก่อนผมเคยบอกว่าผมจะไม่เสียใจภายหลัง แต่ก่อนไม่ อนาคตก็จะไม่เช่นกัน”
“ใช่เหรอ? ฉันรู้แล้ว” ท่านย่าพยักหน้าต่อๆกัน ไม่พูดอีกเลย
แต่ก่อนไม่ อนาคตก็จะไม่เช่นกัน อนาคตจะไม่จริงๆเหรอ?
ท่านย่ายิ้ม
ขอเพียงแต่ว่าในอนาคต เขาจะไม่เสียหน้า
“ใช่แล้ว การพูดคุยของมิ้นท์กับพวกเราในวันนี้ ฉันหวังว่าแกจะไม่พูดออกไป โดยเฉพาะบอกกับส้มเปรี้ยวคนนั้นกับตระกูลภักดีพิศุทธิ์ แกเข้าใจไหม?” ท่านย่ากล่าวเตือนจ้องมองเปปเปอร์อยู่ ความหมายเต็มเปี่ยมไปด้วยว่าถ้าแกพูดออกไปก็จะไม่จบนะ
เปปเปอร์เชิดคาง “ผมรู้แล้ว ผมจะไม่พูดอยู่แล้ว ผมรับปากมายมิ้นท์จะไม่ช่วยตระกูลภักดีพิศุทธิ์มาก่อน ย่อมจะไม่พูดสิ่งเหล่านี้กับตระกูลภักดีพิศุทธิ์แน่นอน”
“งั้นก็ดี งั้นแกก็……” คำพูดยังพูดไม่จบ อยู่ดีๆท่านย่ามองเห็นฮอว์ธอร์นที่อยู่บนหัวเตียง ตบผ้าห่มหนึ่งที “มิ้นท์ลืมเอาฮอว์ธอร์นไป”
นัยน์ตาของเปปเปอร์เปล่งประกาย
แท้ที่จริงตั้งแต่แรกเขาก็รู้ว่ามายมิ้นท์ลืมเอาฮอว์ธอร์นไป แต่กลับไม่ได้เตือน
ฮอว์ธอร์นมีผลต่อการหดตัวของมดลูก เธอกินไม่ได้
“เร็ว แกรีบส่งไปให้มิ้นท์ ในเวลานี้เธอน่าจะเพิ่งออกจากโรงพยาบาล” ท่านย่าเอาฮอว์ธอร์นตะกร้าหนึ่งยัดใส่เข้าไปในอ้อมอกของเปปเปอร์ เร่งเขารีบส่งไปให้มายมิ้นท์
ปากเปปเปอร์แค่ตอบรับ แต่พอออกจากห้องผู้ป่วย ก็ส่งฮอว์ธอร์นไปให้บุคลากรทางการแพทย์ที่เดินผ่าน
ในเวลานี้นอกโรงพยาบาล มายมิ้นท์ยังรอรถอยู่
อยู่ดีๆ ในร้านอาหารเสฉวนที่อยู่ตรงข้ามถนน กลิ่นหอมกรุ่นของหมูสามชั้นตุ๋นน้ำแดงโชยออกมาพักหนึ่ง
คนอื่นได้กลิ่นแล้ว ล้วนส่งเสียงเอะอะว่าอยากจะกิน
มายมิ้นท์ได้กลิ่นแล้ว กลับมีสีหน้าเปลี่ยนอย่างรุนแรง ความรู้สึกคลื่นไส้ดันขึ้นมาโดยตรง
เธอรีบเอามือปิดปากไว้ เดินไปยังข้างแปลงดอกไม้ที่อยู่ข้างๆ ก้มตัวอาเจียนออกมาเลย
แต่ล้วนไม่ได้อาเจียนอะไรออกมา แค่อาเจียนน้ำกรดออกมาหลายคำเท่านั้น
เธอรู้ว่า นี่เป็นปฏิกิริยาการตั้งครรภ์ ที่หลังจากตั้งครรภ์ ได้กลิ่นเลี่ยนเกินไปหรือว่าหอมกรุ่นเกินไปก็จะตึงเครียดอยากจะอาเจียน
“อ้วก!” เพิ่งดีขึ้นสักพัก ความรู้สึกนั้นมาอีกแล้ว
มายมิ้นท์ก้มตัวอีกครั้ง อ้วกออกมาอีก ใบหน้าเล็กๆล้วนซีดแล้ว หน้าผากยังมีเหงื่อไหลอีก เห็นได้ว่าจะทรมานขนาดไหน
เปปเปอร์ออกมาก็ได้เห็นฉากนี้สีหน้าตึงเกร็ง ไปซูเปอร์มาร์เก็ตที่อยู่ข้างๆ ซื้อน้ำอุ่นขวดหนึ่ง จากนั้นเดินไปข้างหลังเธอ “ไม่เป็นไรนะ?”
เขารีบเปิดฝาออก ยื่นน้ำให้เธอ
เดิมทีมายมิ้นท์ไม่อยากจะรับ แต่รู้สึกถึงกลิ่นเปรี้ยวที่อยู่ในปาก ยังคงรับไว้เลย
เธอบ้วนปากก่อนสองที รอหลังจากกลิ่นเปรี้ยวที่อยู่ในปากไม่มีแล้ว จึงเริ่มดื่มน้ำ
ดื่มน้ำไปหลายคำ ในที่สุดเธอก็รู้สึกดีขึ้นเยอะเลย อาการกรดในกระเพาะนั้นค่อยๆสงบลง นี่ทั้งตัวจึงโล่งอกไปที
“ฉันไม่เป็นไร ขอบคุณน้ำของประธานเปปเปอร์ เท่าไหร่ล่ะ ฉันจะโอนให้คุณ” มายมิ้นท์พูดอยู่ก็จะคว้ามือถือ
สีหน้าของเปปเปอร์ดูลึกลับ “น้ำขวดหนึ่งเท่านั้น ไม่จำเป็น”
“จำเป็นอยู่แล้ว อยู่ดีๆฉันรับความหวังดีของคนอื่นไม่ได้” มายมิ้นท์เห็นเขาไม่เอามือถือออกมาเปิดกระเป๋าเงินคว้าเงินสดออกมาโดยตรง
“นี่เป็นค่าน้ำกับค่ารถตอนขามา” มายมิ้นท์เอาจำนวนเงินที่มากที่สุดในนั้นยัดใส่เข้าไปในมือของเปปเปอร์
รอบตัวเปปเปอร์แผ่รังสีความเย็นชาออกมา “มายมิ้นท์ คุณจะตัดความสัมพันธ์ระหว่างเราโดยที่ไม่เหลือเยื่อใยเลยหรอ?”
มายมิ้นท์ประหลาดใจจ้องมองเขาอยู่ “ไม่เหลือเยื่อใยเลยไม่ดีเหรอ? พวกเราพูดให้น่าฟังหน่อยคืออดีตคู่สามีภรรยา พูดให้ไม่น่าฟังหน่อยก็คือคนสองคนที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกันสักนิด ในเมื่อไม่มีความเกี่ยวข้องสักนิด ทำไมไม่แบ่งเส้นให้ชัดเจนหน่อย ใครก็จะไม่ติดค้างใคร มันเป็นอะไรที่ดีมากไม่ใช่เหรอ?”
“……” เปปเปอร์กำมือสองข้างอย่างแน่น อยู่ดีๆก็พูดอะไรไม่ออก
ใช่สิ พวกเขาเป็นคนแปลกหน้าสองคน ที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกันสักนิด
เธอทำเช่นนี้จึงจะถูก แต่ถึงยังไงเขาก็รู้สึกไม่พอใจมาก
“เอาล่ะ ประธานเปปเปอร์ ฉันไปก่อนแล้ว” มายมิ้นท์จะไม่สนใจว่าเขาคิดอะไรอยู่ ปิดฝาให้แน่น เดินผ่านข้างกายเขา ตรงไปยังข้างหน้า อยากจะกลับไปตำแหน่งเมื่อกี้เรียกรถต่อ
แต่เพิ่งเดินไปสองก้าว ความวิงเวียนโจมตีเข้ามาอย่างฉับพลัน ร่างกายโยกไปโยกมา
เปปเปอร์ย่างก้าวเข้าไปหนึ่งที ดึงเธอไว้ จึงไม่ได้ทำให้เธอล้มลงไป “คุณเป็นยังไงล่ะ?”
เขาขมวดคิ้วอยู่ นัยน์ตาตื่นเต้นอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย
มายมิ้นท์เห็นแล้ว อึ้งชะงักไปหนึ่งที คิดว่าตนเองมองผิดแล้ว
จากนั้นเธอกะพริบตาสองทีมองอีก พบเห็นความตื่นเต้นยังอยู่ ในใจแปลกใจอย่างมาก
เขากลับกลายเป็นตื่นเต้นกับเธออยู่เหรอ?
ตกลงเป็นเขาบ้าไปแล้ว หรือว่าโลกนี้ผิดปกติแล้วล่ะ?
“ฉันไม่เป็นไร” มายมิ้นท์ส่ายหัว ดึงแขนออกมา
เปปเปอร์เห็นสีหน้าขาวซีดของเธอ “เมื่อกี้คุณจะล้มสลบไปแล้ว ยังบอกว่าไม่เป็นไรเหรอ?”
“ฉันไม่เป็นไรจริงๆ เพียงแค่ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำเท่านั้น” มายมิ้นท์พูดอย่างเย็นชา
ครั้งก่อนตอนที่ตรวจว่าตั้งครรภ์แล้ว หมอก็พูดมาก่อนว่า เธอมีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำเล็กน้อย ง่ายที่จะเกิดอาการเวียนหัวตาลายมาก
นี่เป็นสิ่งที่หญิงมีครรภ์ส่วนมากล้วนมีอยู่แล้ว ไม่ได้พิเศษกว่าคนอื่นอะไร
“จริงเหรอ?” เปปเปอร์ยังมีความกังวลเล็กน้อย
มายมิ้นท์ อืม เสียงหนึ่ง “จริงสิ”
“ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำต้องระวังอะไรล่ะ?” เปปเปอร์ถามอีก
มายมิ้นท์หัวเราะเยาะ “ประธานเปปเปอร์ ฉันไม่ใช่คุณส้มเปรี้ยวนะ คุณห่วงใยฉันขนาดนี้ เกรงว่าจะไม่ค่อยดีล่ะ?”
เปปเปอร์เม้มริมฝีปากบางๆนิดๆ “ผมเพียงแค่ไม่อยากให้ท่านย่าเสียใจเท่านั้น ถ้าคุณเกิดอะไรขึ้น ท่านย่าจะเป็นห่วงนะ”
ได้ยินคำพูดนี้ มายมิ้นท์เก็บสีหน้าที่อยู่บนใบหน้าขึ้นมา ถอนหายใจหนึ่งที “ก็ได้ แท้ที่จริงก็ไม่ต้องระวังอะไร เสริมน้ำตาลในเลือดบ่อยก็พอแล้ว”
“เสริมยังไงเหรอ?” เปปเปอร์จ้องมองเธออยู่
มายมิ้นท์เอียงหัวแล้วเอียงหัวอีก บนใบหน้าเล็กๆที่ใหญ่เท่าฝ่ามือ แฝงไว้ด้วยความไม่แน่ใจเล็กน้อย “อาจจะกินน้ำตาลล่ะ?”
ริมฝีปากบางๆของเปปเปอร์งอขึ้นนิดๆ “ผมยังคิดว่าคุณรู้ล่ะ”
“ฉันก็ไม่ใช่หมอ ฉันจะรู้ได้ยังไงล่ะ ช่างเถอะ พูดสิ่งเหล่านี้กับคุณทำไม ฉันไปแล้ว” มายมิ้นท์โบกมือ กำลังจะเดินออกไป
ผลสุดท้ายยังไม่ได้ก้าวออกไป ก็ถูกเปปเปอร์อุ้มขึ้นมา
มายมิ้นท์อึ้งชะงักก่อน หลังจากรู้สึกตัว ใบหน้าล้วนแดงขึ้นเลย ทุ่มแรงดิ้นรนเต็มที่ “เปปเปอร์ คุณทำอะไร รีบปล่อยฉันลงไป!”
เปปเปอร์กอดเธอไว้อย่างแน่นเดินไปยังข้างหน้ารถ “ส่งคุณกลับ”
“ใครจะให้คุณส่ง ฉันเรียกรถเอง คุณรีบปล่อยฉันไป” ขาสองข้างของมายมิ้นท์ถีบอยู่กลางอากาศอย่างไม่หยุดยั้ง แขนทั้งสองข้าง ก็ออกแรงผลักหน้าอกของผู้ชายอยู่เช่นกัน
ผู้ชายเกือบจะอุ้มไม่อยู่แล้ว คิ้วขมวดขึ้น “ดิ้นอีกก็จะล้มแล้วนะ คุณก็น่าจะไม่อยากล้มเช่นกันล่ะ คุณรู้ผลลัพธ์ที่จะล้มลงไปไหม?”
เขาก้มหัวจ้องมองเธอ
สบกับตาสองข้างที่ลึกเงียบเหมือนเช่นดั่งหลุมดำคู่นั้นของเปปเปอร์ โดยจิตใต้สำนึกมายมิ้นท์เงียบลงมา เอ่ยปากอย่างงงงัน “คุณหมายความว่าอะไร คุณรู้ใช่หรือไม่……”
“ล้มลงไป หัวคุณอาจจะชนแล้วได้รับบาดเจ็บ พรุ่งนี้ก็คือวันสุดท้ายของการตัดสินตำแหน่งผู้ร่วมลงทุน คุณอยากจะเพราะว่าได้รับบาดเจ็บแล้วพลาดเลยเหรอ?” เปปเปอร์ตัดคำพูดเธอ
มายมิ้นท์เบ้ปากหนึ่งที
อะไรนะ ที่แท้บอกว่าเธอจะได้รับบาดเจ็บเหรอ
เธอยังคิดว่าเขารู้เรื่องที่เธอตั้งครรภ์ล่ะ ทำให้เธอตื่นตกใจหนึ่งที ถึงอย่างไรลาเต้ก็ไม่รู้ ถ้าเขารู้มันก็น่าสงสัยเกินไปแล้ว
“งั้นคุณปล่อยฉันลง ไม่ใช่ก็จะไม่ล้มแล้วเหรอ?” มายมิ้นท์พูดอย่างใบหน้าเย็นชา
เปปเปอร์ไม่ได้ตอบกลับ
เขารู้ว่าเธอจะไม่ขึ้นรถดีๆ จึงใช้วิธีแบบนี้
จะปล่อยเธอลงได้ยังไง หลังจากปล่อยลง เธอย่อมจะไปอีกแน่นอน
ไม่นาน เปปเปอร์อุ้มมายมิ้นท์มาถึงหน้ารถแล้ว
เปปเปอร์วางเธอลง หยิบกุญแจรถออกมาเตรียมตัวจะเปิดล็อก
มายมิ้นท์อาศัยเวลานี้ หมุนตัวจะไปอีก
เปปเปอร์ทำตายี๋ จับแขนของเธอไว้ทันที ดึงไปยังข้างหลัง
“อ่า!” มายมิ้นท์ตื่นตระหนกร้องเสียงหนึ่ง จากนั้นหลังก็ดันอยู่บนประตูรถ
เปปเปอร์เอามือค้ำอยู่ข้างลำคอเธอทั้งสอง สายตาล้ำลึกเย็นชาจ้องมองเธออยู่ “ยังอีกเหรอ?”
มายมิ้นท์โมโหจนหัวเราะเลย เบิกตาโพลงจ้องเขม็งเขาอยู่ “เปปเปอร์ ตกลงคุณอยากจะทำอะไรกันแน่?”
“ส่งคุณกลับ!” เปปเปอร์ค่อยๆเอ่ยปาก
มายมิ้นท์เพียงรู้สึกโมโหมาก “ฉันบอกแล้ว ฉันจะเรียกรถเอง ไม่ให้คุณไปส่ง คุณฟังภาษาคนไม่ออกเหรอ?”
เปปเปอร์หนังตาหย่อน “ผมทำตามคำพูดของท่านย่า ส่งคุณเท่านั้น ขึ้นรถเถอะ”
เขาปล่อยมือ กดกุญแจรถหนึ่งที ปลดล็อกประตูรถเลย