รักหวานอมเปรี้ยว - บทที่ 175 หยิ่งและถือด
อีกอย่างยังดพึ่งมาหาตอนที่มายมิ้นท์พึ่งได้สร้อยคอนั้นมา นอกจากนี้แล้ว ยังมีอีกที่ที่แปลก ก็คือในข่าวยังบอกว่า ตามหาหญิงที่มีสร้อยคอพิเศษ
นั้นก็แปลว่า สิ่งที่ตระกูลภักดีพิศุทธิ์จะตามหานั้นคือหญิงสาวคนหนึ่ง แต่ไม่ใช่สร้อยคอ
“ตรวจสอบดูว่าทำไมตระกูลภักดีพิศุทธิ์ถึงตามหาหญิงสาวที่มีสร้อยคอพิเศษ” เปปเปอร์เอามือเคราะกระจก พูดอย่างเสียงเข้ม
ตระกูลภักดีพิศุทธิ์กำลังตามหามายมิ้นท์แน่นอน
แค่ว่าตระกูลภักดีพิศุทธิ์ไม่รู้เอง
“ครับผม” ผู้ช่วยเหมันตร์พยักหน้าแล้วตอบกลับ
เปปเปอร์ก้มหน้าลง เอามือออกมาแล้วลังเลไปสักพัก สุดท้ายก็โทรสายออกไป
เทนเดอร์กรุ๊ป
มายมิ้นท์กำลังแก้ไขเอกสารชุดหนึ่งที่ยุ่งยากมาก กำลังมีเส้นสนกลในเรื่องราวที่สลับซับซ้อนขึ้นหน่อย โทรศัพท์ก็ดังขึ้น ทำให้แนวคิดของเธอแตกแยกไปหมด
เพราะอย่างนี่ มายมิ้นท์จึงไม่ได้ดูว่าใครโทรมา จับโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วใส่ไว้ข้างหูเลย “ใครค่ะ?”
ฟังน้ำเสียงของเธอออกว่าหงุดหงิดอยู่ เปปเปอร์ก็เงียบลง
ตอนนี้แม้แต่รับโทรศัพท์ของเธอเขาก็ไม่อยากรับเลยเหรอ?
“ไม่พูดฉันวางสายแล้วนะ” มายมิ้นท์เห็นว่าอีกฝั่งของโทรศัพท์ไม่มีเสียงตอบรับ นวดกลางหน้าผากเบาๆ แล้วพูดขึ้นอีกครั้ง
เปปเปอร์เม้มริมฝีปากที่บางเข้าหากัน ในที่สุดก็พูดขึ้นว่า “ผมเองครับ”
มายมิ้นท์ได้ยินเสียงของเขา ตกตะลึงแป๊บ จากนั้นเอาโทรศัพท์มาตรงหน้าแล้วดู เห็นเป็นเบอร์ของเปปเปอร์จริงๆ แล้วก็วางโทรศัพท์ไว้ที่หูต่อ พูดอย่างเฉยชาว่า: “ประธานเปปเปอร์เหรอค่ะ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าค่ะ?”
“ข่าวที่เอสซีกรุ๊ปประกาศ คุณเห็นยัง?” เปปเปอร์ถามเธอ
“ข่าว?” ทำเอามายมิ้นท์งงไปหมด “ข่าวอะไรเหรอ?”
ดูท่าแล้วไม่เห็นแน่นอนเลลย
งั้นตอนนี้ตัวเองถือว่าเป็นคนบอกให้เธอคนแรกหรือเปล่านะ?
ด้วยความปลาบปลื้มใจเล็กน้อย เปปเปอร์ยับยั้งความดีใจแล้วไอเบา ๆ “ตระกูลภักดีพิศุทธิ์กำลังตามหคนที่มีสร้อยคอของลูกสาวเขา ก็คือเธอนี่เอง”
“อะไรนะ?ตระกูลภักดีพิศุทธิ์กำลังตามหาฉันอยู่?” มายมิ้นท์จับปากกาในมือไว้อย่างแน่น
เปปเปอร์พยักหน้า “ใช่แล้ว แต่ว่าพวกเขาไม่รู้ว่าคนที่กำลังตามหาเป็นเธอ เพราะว่าพวกเขาไม่รู้ว่าสร้อยคอลูกสาวอยู่ในมือของเธอ”
“เดียวก่อนนะ ฉันขอดูแป๊บ” มายมิ้นท์โยนปากกาทิ้ง วางโทรศัพท์ไว้บนไหล่ แล้วเคราะแป้นพิมพ์
ไม่ช้า เธอก็เห็นข่าวที่เอสซีกรุ๊ปประกาศออกมา
“แปลกจัง ตระกูลภักดีพิศุทธิ์รู้ได้ไงว่าสร้อยคอยังอยู่อยู่?” มายมิ้นท์ขมวดคิ้วไว้แน่นๆ
เธอก็คิดเช่นเดียวกับเปปเปอร์ เธอไม่คิดว่าตระกูลภักดีพิศุทธิ์จะรู้ว่าสร้อยคอยังอยู่อยู่
แต่ข่าวอันนี้สื่อให้เธอรู้ว่า ตระกูลภักดีพิศุทธิ์รู้ แถมยังกำลังตามหาคนที่มีสร้อยคออยู่ด้วย
“ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่เวลาที่ประกาศ ตรงกับวันที่เธอเอาสร้อยคอได้พอดีเลย ดังนั้นผมเลยคิดว่าพวกเขาอาจรู้โดยบังเอิญว่าสร้อยคอยังอยู่อยู่” เปปเปอร์ไตร่ตรองสักครู่แล้วคาดเดา
มายมิ้นท์พยักหน้า คิดว่าก็คงเป็นแบบนี้แหละ
“แต่ว่าถ้าหากตระกูลภักดีพิศุทธิ์รับรู้โดยบังเอิญว่าสร้อยคอยังอยู่อยู่ งั้นพวกเขาก็คงจะหาแค่สร้อยคอสิ ทำไมต้องหาคนที่มีสร้อยคอด้วยล่ะ และระบุไว้อย่างชัดเจนว่า เป็นผู้หญิง หรือพวกเขาคิดว่าชวนชมยังมีชีวิตอยู่?” มายมิ้นท์พูด
นัยน์ตาของเปปเปอร์หดตัวลง “ที่เธอเดาอาจจะถูกก็ได้ ตระกูลภักดีพิศุทธิ์คิดว่าชวนชมยังมีชีวิตอยู่”
ตระกูลภักดีพิศุทธิ์ไม่รู้ว่าไปรู้ข่าวมาจากที่ไหน รู้ว่าสร้อยคอของชวนชมยังอยู่อยู่ แต่ไม่รู้ว่าสร้อยอยู่ที่มือของมายมิ้นท์ รู้แค่ว่าอยู่ในมือของผู้หญิงคนหนึ่ง
เลยคิดว่าหญิงคนนั้นเป็นชวนชม เลยจัดดกิจกรรมแบบนี้ขึ้น
“เป็นไปไม่ได้หรอกมั้ง” มายมิ้นท์รู้สึกตกตะลึงอย่างยิ่ง ลุกขึ้นมา “ท่านย่าบอกแล้วว่า ชวนชมถูกพ่อฉันจมน้ำตายแล้วสิ เป็นไปได้ไง……”
“จะเป็นไปไม่ได้ได้ไงละ?” เปปเปอร์พูดขัดจังหวะเธอ “สร้อยคอในมือของคุณก็คือหลักฐาน”
สร้อยคอ?
มายมิ้นท์เอามือจับสร้อยที่ใส่อยู่
เพื่อป้องกันไม่ให้หายไป ช่วงเวลานี้ เธอใส่สร้อยคอนี้ไว้ตลอดเลย
“ทำไมถึงบอกว่าสร้อยคอเป็นหลักฐานที่บ่งบอกว่าชวนชมอาจจะยังมีชีวิตอยู่?” มายมิ้นท์เม้มปากถาม
เปปเปอร์วางแขนไว้บนกระจกรถ พิงหัวไว้ที่มือ แล้วตอบว่า: “ถ้าพ่อคุณฆ่าชวนชมไปแล้วจริง ทำไมต้องทำเรื่องที่เกินความจำเป็นแบบนี้ด้วย ถอดสร้อยออกจากคอของชวนชมออก คนก็ตายแล้ว เก็บของสิ่งนี้ไว้ทำไม?”
ตาของมายมิ้นท์เบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย
ใช่แล้ว
ในมือก็จะฆ่าคนแล้ว ทำไมต้องเก็บของอย่างหนึ่งไว้ด้วยล่ะ ไม่มีเหตุผลนี่นา
“อีกอย่าง ก่อนพ่อคุณเสีย ยังบอกให้คุณต้องเอาสร้อยคอนั้นคืนมาให้ได้โดยเฉพาะเลย บอกเบื่องหลังสร้อยคอนั้นมีความลับอย่างหนึ่ง ความลับนั้นคุณย่าบอกคุณไปเมื่อครั้งก่อนแล้ว นั้นไม่ได้หมายความว่าสร้อยคอจะไม่มีประโยชน์อีกต่อไป” เปปเปอร์พูดอีกว่า
มายมิ้นท์กัดริมฝีปาก “ฉันรู้ พ่อเก็บสร้อยคอนั้นไว้ นอกจากอยากให้ฉันรู้ความลับเบื่องหลังนั้นแล้ว ต้องมีอะไรที่จะให้ฉันไปทำแน่นอน ไม่งั้นพ่อจะให้สร้อยคอฉันทำไม ให้คุณย่าบอกความแค้นระหว่าง บอกให้ฉันเลยไม่ดีเหรอ?”
เปปเปอร์ฟังที่เธอพูด แววชื่นชมยินดีฉายแววในดวงตาของเขา
เธอฉลาดกว่าที่เขาคิดไว้เยอะเลย
“บางทีจุดประสงค์ที่แท้ที่พ่อคุณเอาสร้อยคอให้คุณ ก็เป็นเพราะอยากให้คุณตามหาชวนชม” เปปเปอร์คิดแล้วพูดขึ้น
มายมิ้นท์ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจใดๆ อย่างไม่คาดคิด
เพราะว่า เธอเองก็พอคาดเดาได้หน่อยแล้ว
“อาจจะที่พ่อฉันทำจมน้ำตายนั้นไม่ใช่ชวนชมก็ได้ แต่เป็นของเล่นบางอย่าง ทำให้คนเข้าใจผิดว่าเป็นชวนชม ส่วนชวนชมที่แท้จริง ถูกพ่อฉันซ้อนไว้ที่อื่นตั้งนานแล้ว ตอนนี้ก็เติบโตขึ้นมาแล้ว” มายมิ้นท์ลูบสร้อยคอแล้วพูดกระซิบ
เปปเปอร์ถูนิ้วมือ มีความคาดหวังเล็กน้อยด้วยแล้วถามว่า: “จะให้ผมช่วยคุณหาว่าเธออยู่ที่ไหนไหม?”
“ไม่ต้อง” มายมิ้นท์เม้มปาก ปฏิเสธด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “นี่มันคือเรื่องของฉันเอง ไม่ต้องการความช่วยเหลือจากคุณหรอก ฉันจัดการเองได้ อีกอย่างคุณจะช่วยก็ไปช่วยคุณหนูส้มเปรี้ยวซะ นั้นคือพี่สาวของเธอ”
ว่าไปแล้ว ถ้าชวนชมยังมีชีวิตอยู่จริง หากคุณพ่อให้เธอตามหาชวนจริงละก็
เธอยังต้องหาสาเหตุให้ชัดเจนอีกว่า ทำไมคุณพ่อถึงให้เธอตามหาชวนชมด้วย จะคืนให้ตระกูลภักดีพิศุทธิ์หรือยังมีความคิดอื่นอีก
แม้จะรู้ว่ามายมิ้นท์จะปฏิเสธ แต่พอได้ยินจริงๆ ในใจของเปปเปอร์ก็ไม่ค่อยสบายสักเท่าไหร่
เขามองลง “ตระกูลภักดีพิศุทธิ์หาเองได้ ไม่ต้องการความช่วยเหลือจากผมหรอก”
“แล้วคุณยังพูดว่าจะช่วยฉัน?” มายมิ้นท์ก็แอบเบะปากมองบนอยู่ในใจ
“……” เปปเปอร์ไม่มีคำพูดใดๆ อีกต่อไป
มายมิ้นท์ได้ยินเสียงเคาะประตู “พอละประธานเปปเปอร์ ถึงแม้ฉันจะไม่รู้ว่าทำไมคุณถึงบอกฉัน เรื่องที่ตระกูลภักดีพิศุทธิ์กำลังตามหาสร้อยคออยู่ แต่ฉันก็ต้องกล่าวคำว่าขอบคุณกับคุณ พอละประธานเปปเปอร์ ฉันยังมีเรื่องนิดหน่อย วางก่อนละ”
วางโทรศัพท์ลง มายมิ้นท์นั่งลงใหม่ “เข้ามา”
ซินดี้ผลักประตูเข้ามา “ประธานมายมิ้นท์ ประธานเตชิตกลับมาแล้ว”
ได้ยินเช่่นนี้ มายมิ้นท์ก็ยิ้มมุมปาก “กลับมาพอได้ดีเลย รีบแจ้งผู้อาวุโสทุกท่านมาประชุมทันที”
“ค่ะ” ซินดี้รู้ว่าการประชุมครั้งนี้หมายถึงอะไร ดีใจจนรีบพยักหน้า
ในอีกด้านหนึ่ง เตชิตได้รับการแจ้งเตือนประชุม ทำเสียงฮึ “ดูเหมือนว่าเธอรอไม่ไหวที่จะยอมแพ้แล้ว”
“ประธานเตชิต ท่านรู้ได้ไงว่าเธอจะต้องแพ้แน่นอน เพื่อเธอชนะละครับ?” ผู้อาวุโสคนหนึ่งพูดอย่างกังวล
เตชิตมองดูเขาอย่างเย็นชา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความดูหมิ่น “เธอจะชนะ?เธอระดับฉันจะไม่รู้เหรอ อย่างว่าแต่เธอเลย ต่อให้เป็นพลังงานใหม่ที่พวกเราไม่เคยรับมือด้วย พวกฉันเองยังเขียนการวางแผนที่ดีออกมาไม่ได้เลย ฉันไม่เชื่อหรอกว่าเธอจะเขียนออกมาได้ ยังสามารถคว้าตำแหน่งการร่วมมือได้”
“แต่เธอรีบที่จะเปิดการประชุมอย่างนี้ ฉันก็ไม่ค่อยไว้วางใจสักหน่อย……”
“พอเถอะ ไม่มีอะไรที่ไม่ไว้วางใจละ เธอคว้าตำแหน่งที่นั่งในที่ประชุมไม่ได้หรอก ไปเถอะ พวกเราไปห้องประชุมกัน ไปดูว่าตกลงเธออยากพูดอะไร”
พูดจบ เตชิตเดินออกไปจากสำนักงานก่อน
ผู้อาวุโสมองดูร่างที่เย่อหยิ่งของเขา ถอนหายใจ แล้วเดินตามไป
ในห้องประชุมมีคนมาพอสมควรแล้ว
มายมิ้นท์เป็นผู้ที่นั่งไว้ด้านล่างซ้ายแรกของประธาน ดูเวลาแล้วถามว่า: “มีอีกกี่คนที่ยังไม่มา?”