รักหวานอมเปรี้ยว - บทที่ 194 กิจกรรมครอบครัว
“ไมโลเป็นเด็กดีนะ เดินไปเองได้มั้ยคะ” ไม่รอให้เปปเปอร์เอ่ยปาก มายมิ้นท์ก้มตัวลงไปพูดกับไมโล
เธอรู้จักเปปเปอร์ดี คนผู้นี้ค่อนข้างรักความสะอาด อีกอย่างไม่ชอบเด็กด้วย
ให้เขาอุ้ม เป็นไปไม่ได้เลย
ไมโลกะพริบตาปริบๆ เอาแขนเล็กๆลงมา “ก็ได้ครับ ผมไปเอง”
“ไมโลเป็นเด็กดีจริงๆ รีบไปกับคุณอาเถอะ” มายมิ้นท์ยิ้มพลางลูบผมของเขา จากนั้นมองไปยังเปปเปอร์ “ประธานเปปเปอร์ ไมโลก็รบกวนคุณด้วยนะคะ”
เปปเปอร์ส่งเสียงอืมหนึ่งครั้ง แล้วเป็นฝ่ายจูงมือของไมโลก่อน เดินไปทางห้องน้ำ
ภายในห้องน้ำ ไมโลเตี้ยเกินไป จึงฉี่ไม่ถึง
เปปเปอร์ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงต้องช้อนใต้รักแร้ของเขา อุ้มร่างเล็กๆของเขาขึ้นมา พูดอย่างหมดคำพูดว่า “ถอดกางเกงเอง เร็วเข้า”
ไมโลเบะปากเล็กๆ ก้มหน้าไปถอดกางเกง
ได้ยินเสียงน้ำไหลดังจ้อกๆ เปปเปอร์ก็ปวดขมับขึ้นมาเลย
เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ตนเองจะมีช่วงเวลาที่ต้องมาปรนนิบัติคนเข้าห้องน้ำ
อีกทั้งยังเป็นงานที่เขาเสนอตัวมาเองด้วย
“คุณอา ผมฉีดเสร็จแล้วครับ” ไมโลหันหน้าไปมองเปปเปอร์ที่อยู่ด้านหลัง
เปปเปอร์ตั้งสติกลับมา เอาเขาวางลงกับพื้น “ใส่กางเกงเอง”
เขาพาเจ้าหนูนี่เข้ามา ยกเจ้าหนูนี่มาเข้าห้องน้ำก็ถือว่าไว้หน้ามาแล้ว
เรื่องกางเกงแบบนี้ เขาไม่ทำแน่
ไมโลเองก็ไม่โวยวาย ดึงกางเกงขึ้นมา ค่อยๆสวมเข้าไป
หลังจากใส่เสร็จแล้ว เขามองไปยังอ่างล้างมือ “คุณอา ไมโลจะล้างมือครับ”
เปปเปอร์กุมขมับ
ทำไมเด็กคนนี้ถึงได้ยุ่งวุ่นวายแบบนี้
ถ้าเป็นลูกของเขาเอง ต้องไม่ยุ่งวุ่นวายแบบนี้แน่
คิดมาถึงตรงนี้ เปปเปอร์ก็อึ้งทันที
ลูกของตนเอง……
ลูกของเขา ก็ไม่ใช่ว่าอยู่ในท้องของมายมิ้นท์หรอกเหรอ
แต่มายมิ้นท์ กลับไม่คิดจะเก็บไว้
“คุณอา ผมจะล้างมือ!” เห็นเปปเปอร์ใจลอยอีก ไมโลอดกระทืบเท้าไม่ได้
คุณอาคนนี้เป็นอะไรกัน ตาบอดก็แย่พอแล้ว หูก็ยังไม่ดีอีกเหรอ
เปปเปอร์มองเห็นสายตารังเกียจของ ดวงตาหรี่ลง
เจ้าหนูนี่ ไม่น่ารักเลยจริงๆ
เปปเปอร์หน้าบึ้ง อุ้มไมโลไปบนอ่างล้างมือ ให้เขาล้างเอง
หลังจากล้างมือแล้ว ก็จูงไมโลหลับไปที่ร้านอาหาร
มายมิ้นท์กำลังรอพวกเขาอยู่
มองเห็นพวกเขากลับมา ลุกขึ้นยืนวางแก้วน้ำในมือลง “ประธานเปปเปอร์ ขอบคุณมากนะคะ”
“ไม่เป็นไร” เปปเปอร์เหล่มองไมโล พูดเรียบๆ
มายมิ้นท์อุ้มไมโลกลับไปนั่งที่ หันไปมองเปปเปอร์ที่ยังไม่ไป สงสัยเล็กน้อย “ประธานเปปเปอร์ คุณคงจะมาทานข้าวที่นี่สินะคะ ตอนนี้ไมโลเข้าห้องน้ำเสร็จแล้ว ก็ไม่รบกวนเวลาคุณแล้ว คุณกลับไปทานข้าวเถอะค่ะ”
ได้ยินเธอเอ่ยไล่ ริมฝีปากเปปเปอร์ก็เม้มเข้าหากัน
เขาคิดไม่ถึงเลยว่า เธอจะเป็นคนที่พอใช้คนหมดประโยชน์ก็ไม่สนใจอีก
ในขณะที่เปปเปอร์กำลังอารมณ์ไม่ดีอยู่นั้นเอง ชายวัยกลางคนที่สวมชุดพนักงานร้านอาหารก็เดินมา ในมือยังถือไมโครโฟนโฟนหนึ่งอัน
“คุณสามีภรรยาทั้งสองท่าน” ชายวัยกลางคนหยุดอยู่ตรงหน้าของมายมิ้นท์และเปปเปอร์ยิ้มพลางพูดกับทั้งสองคน
สามีภรรยา
ทั้งสองคนต่างก็ตกใจ
แต่ไม่นาน เปปเปอร์ก็ตั้งสติขึ้นมาก่อน แต่ไม่เพียงไม่มีการโต้แย้งต่อคำเรียกแบบนี้ ในใจกลับรู้สึกยินดีเล็กน้อย,ริมฝีปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มบางๆ
มายมิ้นท์ไม่ได้สังเกตความเปลี่ยนแปลงของเขาค่อยๆขมวดคิ้วกำลังจะแก้ไขว่า “ขอโทษค่ะ พวกเราไม่ใช่……”
“คุณมีเรื่องอะไรเหรอครับ” เธอยังพูดไม่ทันจบ เปปเปอร์ก็พูดขึ้นมาก่อน ตัดบทเธอเลย
มายมิ้นท์มองเปปเปอร์อย่างแปลกใจ ไม่เข้าใจว่าตกลงเขาจงใจหรือไม่ตั้งใจกันแน่
ชายวัยกลางคนไม่ทันสังเกตเห็นความผิดปกติของทั้งสองคน ยิ้มพลางตอบอย่างมีมารยาทว่า “คืออย่างนี้ครับ ผมเป็นผู้จัดการร้านนี้ พวกเรากำลังจัดกิจกรรมครอบครัวอย่างหนึ่ง ตอนแรกกำหนดว่าจะเชิญห้าครอบครัวขึ้นไปเล่นเกม แต่ครอบครัวที่ห้าจู่ๆก็มีธุระจึงถอนตัวไปก่อน ดังนั้นผมหวังว่าพวกคุณจะไปแทนครอบครัวที่ห้า มาร่วมทำกิจกรรมนี้ครับ”
ที่แท้ก็เป็นแบบนี้
ทันใดนั้นมายมิ้นท์ก็เชิดหน้า เตรียมจะปฏิเสธ
ผู้จัดการก็พูดขึ้นอีกครั้งว่า“ผู้ชนะจะได้รับรางวัลมากมาย อย่างเช่น ของเล่นที่เด็กๆชอบมากที่สุดกันดั้มอะไรเนี่ย……”
“กันดั้มเหรอ” ไมโลได้ยินคำนี้ ดวงตาก็สว่างวาบขึ้นมา
เขาชอบของเล่นกลไกเหล่านี้มากที่สุด
ไม่เช่นนั้นก็คงไม่ถูกคุณอาใช้ทรานส์ฟอร์เมอร์สซื้อตัวมาที่นี่หรอก
เห็นสีหน้าท่าทางของไมโล ในใจมายมิ้นท์ก็เกิดลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่าง
เปปเปอร์ก็เห็นด้วย
แต่เขากลับไม่คิดว่าเป็นเรื่องเลวร้าย ในทางกลับกันรู้สึก
ทำไมถึงคาดหวัง เขาก็บอกไม่ได้
“ใช่ครับ” ผู้จัดการมองเห็นท่าทางสนอกสนใจของไมโล ก็แอบมีความหวัง รีบพยักหน้าเพื่อเกลี้ยกล่อม“หนูน้อย ถ้าชอบ ก็ให้คุณพ่อคุณแม่พาหนูมาเข้าร่วมกิจกรรมนะครับ”
“ครับ” ไมโลพยักหน้าแรงๆ
มุมปากมายมิ้นท์กระตุก
เป็นจริงดังนั้น ลางร้ายเกิดขึ้นแล้วจริง
แววตาเปปเปอร์ฉายแสงไฟสลัว มุมปากที่ยกขึ้นยิ่งกว้างชัดขึ้นเรื่อยๆ
“คุณพ่อคุณแม่พวกเราไปร่วมกิจกรรมนี้ได้มั้ยครับ” ไมโลปีนลงมาจากโซฟา ดึงชายเสื้อมายมิ้นท์กับเปปเปอร์ เงยหน้าเล็กๆขึ้น ทำท่าอ้อนวอนขอร้อง
เสียงที่เขาเรียกคุณพ่อคุณแม่นี้เรียกได้อย่างเป็นธรรมชาติมากอย่างยิ่ง
เป็นธรรมชาติเหมือนกับว่ามายมิ้นท์และเปปเปอร์เป็นพ่อแม่ของเขาจริงๆ
เพื่อของเล่นกันดั้ม ยอมเอ่ยปากเรียกคนอื่นว่าพ่อแม่ เด็กคนนี้ช่าง
มายมิ้นท์ลูบศีรษะไมโลอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “ไมโล หนูอยากได้จริงเหรอ”
“อืมๆ” ไมโลพยักหน้าไม่หยุด
มายมิ้นท์ม้วนผมเล่น “แต่ถึงหนูจะอยากได้ก็เป็นไม่ไม่ได้ ในเมื่อพวกเราไม่ได้เป็น……”
“เข้าร่วมเถอะ” เปปเปอร์ตัดบทเธอขึ้นมา
มายมิ้นท์มองไปที่เขา “คุณพูดอะไร”
ดวงตาเปปเปอร์เป็นประกาย ตอบกลับด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ในเมื่อไมโลอยากได้ งั้นก็เข้าร่วมกิจกรรม”
“ดีครับ ขอบคุณครับคุณพ่อ” ไมโลตบมืออย่างดีใจ
เปปเปอร์พอใจกับคำว่าคุณพ่อนี้อย่างมาก รู้สึกว่าสายตาที่มองเจ้าหนูนี่ถูกชะตาขึ้นมาบ้าง
มายมิ้นท์เลิกคิ้วเรียวสวย “ไม่ได้ พวกเราเข้าร่วมไม่ได้”
พวกเขาไม่ใช่สามีภรรยากันจริงๆ ก็แค่อดีตสามีภรรยา
ถ้าหากข่าวไปถึงหูส้มเปรี้ยว ผู้หญิงบ้าคนนั้น ไม่แน่ว่าอาจจะก่อเรื่องอะไรอีก
ได้ยินมายมิ้นท์ยืนกรานปฏิเสธ เปปเปอร์หลุบเปลือกตาลง กำลังคิดจะพูดอะไรบางอย่าง
ไมโลปล่อยชายเสื้อเขา สองมือจับมือของมายมิ้นท์ แกว่งไปมาอย่างออดอ้อน “คุณแม่ ไมโลอยากเข้าร่วมมาก ขอร้องละครับ เข้าร่วมเถอะนะครับ”
“ไมโล……” มองเห็นเด็กน้อยท่าทางใกล้จะร้องไห้ มายมิ้นท์ก็ใจอ่อน
สุดท้าย เธอก็ไม่สามารถเอาชนะเด็กน้อยได้ พยักหน้าตกลงอย่างจำใจ
“ดังจังเลย ขอบคุณครับแม่” ไมโลกระโดดขึ้นมาด้วยความดีใจ
แม้แต่เปปเปอร์ก็ยังถอนหายใจโล่งอกอยู่ในใจ
ตอนแรกเขาคิดว่าเธอจะไม่ยอมตกลงจริงๆ
คิดไม่ถึงว่าสุดท้าย เธอจะตกลง
มายมิ้นท์มองเด็กน้อยที่ดีอกดีใจ ยกมุมปากขึ้น ฝืนยิ้ม จากนั้นสูดลมหายใจลึกๆ มองไปยังผู้จัดการที่อยู่ข้างๆ “กิจกรรมนี้ไม่ได้เปิดเผยในโลกโซเชียลใช่มั้ยคะ”
“ไม่แน่นอนครับ นี่เป็นแค่กิจกรรมภายในร้านอาหารพวกเรา ผมก็รู้ว่าพ่อแม่บางคนก็ไม่ได้อยากจะเปิดเผยใบหน้าลูกต่อหน้าสาธารณชน ดังนั้นก็ไม่ได้มีความคิดจะบันทึกภาพตั้งแต่แรกแล้วครับ” ผู้จัดการตอบ
มายมิ้นท์เบาใจลง พยักหน้า “งั้นก็ดีค่ะ”
ขอแค่ไม่โพสต์ลงในอินเทอร์เน็ต ส้มเปรี้ยวก็จะไม่เห็น
“งั้นคุณสามีภรรยาก็พาเด็กน้อยไปลงทะเบียนกับผมทางด้านนั้นเถอะครับ” ผู้จัดการชี้ไปข้างหน้าก็เห็นเวทีที่สร้างขึ้นมาชั่วคราว
มายมิ้นท์ส่งเสียงตอบ “ค่ะ”
เธอจูงมือไมโล ตามไปข้างหลังผู้จัดการ
เปปเปอร์เดินไปข้างๆเธอ
เธอกัดริมฝีปาก ถามอย่างสงสัย “ประธานเปปเปอร์ ก่อนหน้านี้คุณตัดบทฉัน ไม่ยอมให้ฉันบอกความสัมพันธ์ที่แท้จริงของพวกเรา คือจงใจเหรอคะ”