รักหวานอมเปรี้ยว - บทที่ 196 จูบทางอ้อม
มายมิ้นท์ลูบท้องตัวเอง ขณะที่ใบหน้าเผยรอยยิ้มอ่อนโยนออกมา
เปปเปอร์ที่เห็นก็นัยน์ตาหม่นหมอง
เธอมองดูราวกับไม่ได้รังเกียจเด็กที่อยู่ในท้องนั่นเป็นพิเศษ
แต่ทำไม…
“แม่ครับ” ความรู้สึกนึกคิดของเปปเปอร์ถูกไมโลขัดจังหวะ
ไมโลแกว่งแขนของมายมิ้นท์ไปมา และฟ้องอีกว่า “พ่อรังแกผม”
มายมิ้นท์ได้สติกลับมา มองไปที่ไมโล “อา…คุณพ่อรังแกลูกอย่างไรจ๊ะ”
อันตรายจริงๆ เกือบจะความลับแตกแล้ว
โชคดีที่เปลี่ยนคำพูดได้ทันเวลา
“พ่อบีบแก้มผม” ไมโลชี้ใบหน้าตัวเอง ทว่าสายตากลับมองไปทางเปปเปอร์อย่างได้ใจ
เปปเปอร์สีหน้าทะมึน
“แม่ดูหน่อย” มายมิ้นท์ไม่ได้สังเกตเห็นถึงการแข่งขันระหว่างคนตัวโตกับคนตัวเล็ก ก้มหน้าพิจารณามองใบหน้าของเด็กน้อยอย่างจริงจัง
เมื่อเห็นรอยแดงบนใบหน้าของเด็กน้อย ก็ขมวดคิ้วทันที “เปปเปอร์ ไมโลยังเด็ก ทำไมคุณถึงได้ลงมืออย่างไม่มีขอบเขตแบบนี้?”
เธอตำหนิเปปเปอร์ พลางกอดไมโลด้วยความสงสาร
ไมโลยิ่งได้ใจ เชิดคางยั่วยุใส่เปปเปอร์
เปปเปอร์โกรธจนริมฝีปากเม้มเป็นเส้นตรง
เด็กผีนี่น่ารังเกียจจริงๆ
ยังมีมายมิ้นท์ ถึงกับถามคำถามเชิงตำหนิเขาเพื่อเด็กผีนี่ เธอคิดว่าตัวเองเป็นแม่ของเด็กผีนี่จริงๆหรือ
“ความสัมพันธ์ในครอบครัวพวกคุณดีจริงๆ” ไม่รอให้เปปเปอร์ตอบกลับ พี่สาวคนเมื่อครู่ก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง
มายมิ้นท์ตะลึง “ความสัมพันธ์ดี?”
นี่ทุกคนมองจากตรงไหนกันว่าพวกเขามีความสัมพันธ์ที่ดี
เปปเปอร์ก็ประหลาดใจมากเช่นกัน
พี่สาวหัวเราะเหอๆ “ปกติภายในครอบครัว ลูกชายกับคุณพ่อมักจะรู้สึกขัดตาซึ่งกันและกันอยู่บ้าง หลังจากนั้นในตอนนี้ ลูกชายก็จะฟ้องคุณแม่ คุณแม่ก็จะตำหนิคุณพ่อ ก็เหมือนกับพวกคุณเมื่อครู่นี้ แม้ว่าจะดูแล้วเหมือนทะเลาะเบาะแว้งกัน แต่ความจริงแล้วความสัมพันธ์ดีมาก”
“เป็น…เป็นแบบนี้เอง” มายมิ้นท์มุมปากกระตุก
อย่างไรเธอก็คิดไม่ถึงว่า การที่เธอไม่อาจทนดูเปปเปอร์รังแกเด็กคนหนึ่งได้
จะกลายเป็นความสัมพันธ์อันดีจากปากของพี่สาวไปเสียอย่างนั้น
เปปเปอร์เหลือบตามองสีหน้าท่าทางหัวเราะไม่ได้ ร้องไห้ไม่ออกของมายมิ้นท์แล้ว อารมณ์ก็ดีขึ้นมาพอสมควร เผยอริมฝีปากบางตอบกลับว่า “ขอบคุณคำชมของพี่สาวครับ”
“ไม่ต้องๆ ฉันก็แค่พูดไปอย่างนั้นเอง ต้องเอ่ยขอบคุณเสียที่ไหนกัน” พี่สาวโบกมือไปมา
ตอนนี้เองที่พิธีกร หรือก็คือผู้จัดการคนเมื่อครู่นี้เดินเข้ามา “คุณพ่อคุณแม่และเจ้าตัวน้อยทุกท่าน เกมส์กำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว เชิญไปนั่งยังตำแหน่งที่นั่งทางด้านนั้นให้เรียบร้อยครับ”
เขาชี้นิ้วไปยังโซฟาห้าตัวที่มีหมายเลข 12345 ที่อยู่ไม่ไกล
มายมิ้นท์ก้มหน้ามองหมายเลข 5 ที่แปะอยู่บริเวณเอว ก็เข้าใจว่าให้พวกเขาไปนั่งตามหมายเลข
ที่เอวของเปปเปอร์ก็มีหมายเลขแปะอยู่เช่นกัน หลังจากเข้าใจจุดนี้แล้ว ก็เอ่ยกับมายมิ้นท์และไมโลว่า “ไปเถอะ”
มายมิ้นท์ตอบอืม ขณะที่กำลังจะจูงมือไมโล
ก็เห็นไมโลถูกเปปเปอร์อุ้มขึ้นมา ให้ไมโลนั่งอยู่บนแขนขวาของเขา
“คุณ…” มายมิ้นท์ตะลึง
เปปเปอร์มองเธอ “ทำไมหรือ”
“คุณไม่ได้เป็นโรครักความสะอาดหรอกหรือ” มายมิ้นท์มองชุดสูทบนร่างเขาที่ถูกรองเท้าของไมโลถูจนมีฝุ่นเล็กน้อย พลางเอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจ
เมื่อได้ยินวาจานี้ ริมฝีปากบางของเปปเปอร์ก็ยกโค้งเล็กน้อย และถามกลับโดยไม่ตอบว่า “คุณจำได้ด้วยหรือว่าผมเป็นโรครักความสะอาด”
เขานึกว่าหลังจากหย่ากันแล้ว เธอจะลืมไปหมดแล้วเสียอีก
มายมิ้นท์เม้มริมฝีปากแดง น้ำเสียงเฉยชาขึ้นมาก “แน่นอน ฉันไม่ได้ความจำเสื่อม จะไปลืมได้อย่างไรกัน”
เพียงแต่ไม่ได้รักแล้วเท่านั้นเอง
แต่ไม่ได้รัก ก็ไม่ได้แสดงว่าจะลืมในสิ่งที่เข้าใจเกี่ยวกับตัวเขาเมื่อก่อนไปด้วย
เปปเปอร์ไม่รู้ความคิดที่อยู่ในใจของมายมิ้นท์ เมื่อได้ยินว่าเธอไม่ได้ลืม หัวใจก็รู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก
หลังจากนั้น เขาก็ยื่นมือไปทางเธอ
มายมิ้นท์มองมือข้างนั้นของเขาอย่างสงสัย “ทำอะไรน่ะ”
“พ่อแม่คู่อื่นล้วนจูงมือกันเดินไป” เปปเปอร์เอ่ยเตือน
มายมิ้นท์มองไปทางพ่อแม่เหล่านั้น เป็นอย่างที่เขาพูดเอาไว้จริงๆ มือล้วนจับจูงกันอยู่
แต่แล้วอย่างไรเล่า
คนอื่นจูงมือกัน ก็ออกกฎให้พวกเขาต้องจูงมือกันด้วยหรือ
“ไม่ต้องหรอก พวกเขาเป็นสามีภรรยากันจริงๆ แต่ว่าพวกเราไม่ใช่ ดังนั้นไม่ต้องจูงมือหรอก อีกอย่างพวกเราก็ไม่จำเป็นต้องเลียนแบบพวกเขา เอาแบบนี้แล้วกัน” มายมิ้นท์ถอนสายตากลับมา เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
เปปเปอร์เม้มปาก กำมือแล้วดึงกลับมา น้ำเสียงก็ทุ้มเข้มเล็กน้อย “ได้”
ฟังออกเลยว่ามีความไม่สบอารมณ์ในน้ำเสียงของเขา มายมิ้นท์เลิกคิ้ว เพียงแค่รู้สึกว่าแปลกมาก
ก็แค่ไม่ได้จูงมือไม่ใช่หรือ เขาจะอารมณ์เสียอะไร?
หรือว่าเขาอยากจูงมือเธอมากกัน?
ล้อเล่นอะไรกัน!
มายมิ้นท์ส่ายหน้าและนั่งลงบนโซฟาหมายเลข 5 อย่างไม่ได้คิดอะไรมาก
ไมโลกับเปปเปอร์แยกกันนั่งอยู่ข้างกายเธอทั้งสองฝั่ง
คราวนี้ไม่ใช่ว่าพวกเขานั่งเองตามใจชอบ แต่มีกฎว่าคุณแม่จำเป็นต้องนั่งตรงกลาง
เมื่อเห็นทั้งห้าครอบครัวนั่งกันเรียบร้อยแล้ว ผู้จัดการก็ให้บริกรนำไพ่โป๊กเกอร์ไปมอบให้กับทั้งห้าครอบครัว
มายมิ้นท์ให้ไมโลทำปากจู๋แล้วแปะไพ่โป๊กเกอร์ลงบนปากเล็กได้รูปของเขา เมื่อเห็นว่าไม่ได้ร่วงลงมา ก็ปล่อยมือออก
“ดี แบบนี้แหละ ไมโลอย่าขยับนะจ๊ะ ไม่อย่างนั้นไพ่จะร่วง” มายมิ้นท์เอ่ยกำชับกับไมโล อย่างอ่อนโยน
ไมโลกระพริบตาปริบๆ แสดงให้เห็นว่าตัวเองจะไม่ขยับสุ่มสี่สุ่มห้าแน่นอน
เปปเปอร์ที่อยู่ข้างๆมองภาพมายมิ้นท์กับไมโลที่เข้ากันได้ แววตาก็ลุ่มลึกลงไปมาก
เธอปฏิบัติกับลูกของคนอื่นอย่างอ่อนโยนขนาดนี้
ถ้าหากว่าเปลี่ยนเป็นลูกของพวกเขาเอง เธอจะอ่อนโยนยิ่งกว่านี้หรือไม่
ในขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ผู้จัดการที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็เอ่ยขึ้นว่า “โอเค ตอนนี้แปะไพ่เรียบร้อยกันแล้วนะครับ ถ้าอย่างนั้นผมจะประกาศให้เริ่มเกมส์อย่างเป็นทางการ ขอให้เหล่าคุณพ่อคุณแม่ทุกท่านเตรียมตัว จับเวลาหนึ่งนาที หลังจากนี้หนึ่งนาที ครอบครัวที่มีคะแนนนำสามลำดับแรกจะได้เลื่อนขั้น เตรียมตัว…เริ่มได้ครับ!”
สิ้นสุดคำพูดของผู้จัดการ ทั้งห้าครอบครัวก็เริ่มขยับ
ไมโลหันหน้าไปเผชิญหน้ากับมายมิ้นท์
มายมิ้นท์ก้มหน้า แนบริมฝีปากไปบนไพ่โป๊กเกอร์
แต่เธอกลับไม่ได้ส่งต่อให้เปปเปอร์ในทันที
ถึงอย่างไร นี่ก็เป็นการจูบทางอ้อม แม้ว่าจะไม่ได้จูบกันจริงๆ แต่ก็ยังรู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่ดี
เปปเปอร์เห็นมายมิ้นท์ไม่ขยับ ก็พอจะเข้าใจได้ว่าเธอลังเลอะไร จึงหลุบตาลง พลางเอ่ยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “ถ้าหากว่าคุณไม่รีบ พวกเราก็จะกลายเป็นอันดับสุดท้ายแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น มายมิ้นท์ก็มีปฏิกิริยาตอบสนองขึ้นมา หันหน้ามาส่งไพ่ให้เขาทันที
แต่เป็นเพราะเธอหันมาเร็วเกินไป ไพ่ที่อยู่บนปากก็เริ่มที่จะคลายตัวบ้างเล็กน้อย
มายมิ้นท์รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าไพ่จะร่วงแล้ว
เธอตื่นตระหนกใจ กำลังจะยกมือกดไพ่ให้แนบสนิทอีกครั้ง
จากนั้นก็คิดไม่ถึงว่า เปปเปอร์ก้มหน้าลงมาใกล้แล้ว
ในตอนที่ปากของเปปเปอร์เพิ่งแตะถูกไพ่นั้น ไพ่ก็ร่วงกะทันหัน
ไม่มีไพ่ขวางอยู่ ริมฝีปากของเปปเปอร์ก็แนบลงบนริมฝีปากของมายมิ้นท์ทั้งอย่างนั้น
ทั้งสองคนตกตะลึง
ไมโลยิ่งเบิกตากว้าง มือปิดปากเอาไว้
ส่วนลูกค้าและผู้จัดการในร้านอาหาร ก็ถูกภาพเบื้องหน้าทำให้ตะลึงค้างไปเช่นกัน
เมื่อรู้สึกตัวขึ้นมา ผู้จัดการก็เอ่ยยิ้มๆว่า “ดูท่าความสัมพันธ์ระหว่างคุณพ่อคุณแม่หมายเลข 5 จะดีมากเลยนะครับ ถึงได้แสดงความรักให้คนอื่นอิจฉาอย่างร้อนอกร้อนใจ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราทุกคนก็ปรบมือให้คุณพ่อคุณแม่หมายเลข 5 กันเถอะครับ!”
พูดแล้ว ผู้จัดการก็เป็นคนนำปรบมือ
เหล่าลูกค้าในร้านอาหาร ก็ยิ้มแย้มและปรบมือเช่นกัน
มายมิ้นท์ได้ยินเสียงปรบมือ ก็สะเทิ้นอายจนหน้าแดงไปทั่วทั้งใบหน้า และผลักเปปเปอร์ออกไป
เธอคิดไม่ถึงเลยว่า ไพ่จะร่วงในช่วงเวลาแบบนี้ ตัวเองกับเปปเปอร์ก็จูบโชว์ต่อหน้าผู้คนมากมายในพื้นที่สาธารณะแบบนี้
น่าอับอายขายขี้หน้าจริงๆ
มายมิ้นท์ปิดหน้า แทบจะทนไม่ไหวอยากจะหารูมุดเข้าไป
แต่เปปเปอร์กลับสงบนิ่งมาก
แม้ว่าเขาจะคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะกลายเป็นแบบนี้ แต่สัมผัสเมื่อครู่นี้ เขาไม่ได้รังเกียจ
“ยังไม่ถึงเวลาที่กำหนดเอาไว้ เล่นต่อเถอะ ไม่อย่างนั้นจะตกรอบแล้ว”
เปปเปอร์หยิบไพ่ที่ร่วงลงบนขาขึ้นมา ก็เห็นรอยประทับริมฝีปากสีแดงหนึ่งบนหน้าไพ่ที่หันมาทางตัวเอง หลังจากแววตาไหววูบ ก็แนบด้านนั้นของไพ่ลงบนริมฝีปาก
ส่วนริมฝีปากของเขา ก็แนบทับบนรอยประทับริมฝีปากสีแดงเมื่อครู่นั้นพอดี
มายมิ้นท์ไม่รู้ เธอได้ยินว่าจะตกรอบแล้ว ก็ไม่สนใจเรื่องความเขินอาย ปล่อยมือออกจากหน้าทันที