รักหวานอมเปรี้ยว - บทที่ 213 เขาคือชายวัยกลางคน
ได้ยินเสียงแหบพร่าของผู้ชายดังขึ้น มายมิ้นท์ก็เงียบไป
ที่แท้เสียงของ Z-H คนนี้ มันไม่น่าฟังขนาดนี้เลยเหรอ?
อีกอย่างเมื่อฟังแล้ว เหมือนอายุก็มากด้วย มีลักษณะอายุประมาณสี่สิบกว่า
ชายวัยสี่สิบกว่า น้อยมากที่จะมีวินัยในตัวเอง ปกติไม่พุงใหญ่ก็หัวล้าน
พอคิดว่าตัวเองอาจจะมีความสัมพันธ์กับชายวัยสี่สิบกว่าที่หัวล้านพุงใหญ่ มายมิ้นท์ก็ท้องไส้ปั่นป่วน อดไม่ได้ที่จะทำเสียงอาเจียนออกมา
เปปเปอร์ได้ยิน สีหน้าก็เคร่งเครียด “เธอ……เธอเป็นอะไร?”
เขาเกือบใช้เสียงเดิมของตัวเอง ยังดีที่สุดท้าย เขาตอบสนองได้ทันเวลา เปลี่ยนกลับเป็นเสียงที่ตั้งใจปลอมแปลง
เพราะอึดอัดในท้องมากเกินไป มายมิ้นท์ไม่พบเรื่องแปลกๆ นี้ ส่ายหน้าอย่างอ่อนแรง “ฉันไม่เป็นอะไร ขอบคุณคุณก้องค่ะที่เป็นห่วง”
ได้ยินคำว่า ‘คุณก้อง’ เปปเปอร์ก็เข้าใจจุดประสงค์ที่เธอติดต่อเขาทันที
“ที่เธอโทรมาหาฉัน เพราะเรื่องเงินกู้ใช่ไหม?” เปปเปอร์ผลุบตาลงแล้วถาม
มายมิ้นท์หายใจเข้าลึกๆ สีหน้าท่าทางจริงจังขึ้นมา “ใช่ค่ะ ฉันอยากรู้ คุณก้องอยากทำแบบนี้ไปทำไม?”
“ก่อนหน้านี้ฉันบอกไปแล้ว เธอคือแม่ของลูกฉัน ฉันจะรับผิดชอบเธอ” เปปเปอร์เค้นเสียงตอบ
มายมิ้นท์เม้มปาก “แต่ฉันก็บอกแล้ว ว่าฉันไม่ต้องการ”
“เธอไม่ต้องการมันเป็นเรื่องของเธอ แต่จะรับผิดชอบไหมมันเป็นเรื่องของฉัน” เปปเปอร์พูด
มายมิ้นท์ชะงักเพราะคำพูดเขา
ใช่แล้ว เธอไม่ต้องการให้เขารับผิดชอบ แต่เธอก็ไม่มีทางห้ามเขาที่ต้องการรับผิดชอบได้เหมือนกัน
“ก็ได้ คุณอยากรับผิดชอบก็ทำไป แต่รับผิดชอบด้วยการช่วยฉันคืนเงินกู้ มันเป็นเงินจำนวนมากเกินไปหน่อย พันกว่าล้านเลยนะ” มายมิ้นท์พูดอย่างเจ็บปวด
ลองถามดูก็ได้ ใครจะเอาเงินพันกว่าล้านมาช่วยคนอื่นคืนหนี้โดยทันที
เปปเปอร์หัวเราะเบาๆ “ก็แค่พันกว่าล้าน สำหรับฉันมันไม่เยอะเลย”
“ไม่……ไม่เยอะ?” มายมิ้นท์เกือบสำลักน้ำลายตัวเอง
เปปเปอร์ตอบอืม “ใช่ ไม่เยอะ”
มูลค่าตลาดของบริษัทตระกูลนวบดินทร์มีมูลค่าแสนล้านดอลลาร์ และทรัพย์สินส่วนตัวของเขาก็สูงถึงแปดหมื่นล้านดอลลาร์ หนึ่งในนั้นได้มาจากบริษัทตระกูลนวบดินทร์ครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่งเขาได้มาจากอุตสาหกรรมอื่น
ดังนั้น เขารวยมาก
ได้ยินผู้ชายคนนี้พูดอย่างผ่อนคลายว่าเงินพันกว่าล้านมันไม่เยอะ มายมิ้นท์ก็ยอมรับว่าตัวเองค่อนข้างอิจฉา
อย่างที่คิดไว้ เทียบกับคนอื่นทำให้ตัวเองดูด้อยกว่า
ถ้าตอนนี้เทนเดอร์กรุ๊ปสามารถเอาเงินออกมาพันกว่าล้านได้ เธอต้องยิ้มเป็นบ้าไปแล้ว
“ถึงคุณก้องจะบอกว่าไม่เยอะ แต่สำหรับฉันมันเยอะมาก ถึงจะเป็นการรับผิดชอบ มันก็มากเกินไป ดังนั้นคุณก้อง คุณให้คนไปถอนเงินคืนที่ธนาคารเถอะ ถ้าคุณอยากรับผิดชอบจริงๆ ให้บ้านฉันสักหลังหรือไม่ก็รถยนต์สักคันก็พอแล้ว” มายมิ้นท์ขมวดคิ้วพูดขึ้น
สรุปแล้วเงินพันกว่าล้านนี้ เธอไม่สามารถยอมรับได้
เรื่องในคืนนั้น น่าจะเป็นความผิดของทั้งสอง ดังนั้นเงินก้อนนี้ เธอยอมรับมันมาอย่างสบายใจไม่ได้
“ขอโทษนะ เงินเข้าบัญชีไปแล้ว ธนาคารก็ยกเลิกข้อมูลเงินกู้ของพวกคุณไปแล้ว เงินมันก็เลยถอนกลับมาไม่ได้” เปปเปอร์อธิบายข้อเท็จจริงเสียงเรียบ
มายมิ้นท์กัดปาก “ทำไมเป็นแบบนี้……”
“มันตัดสินไปแล้ว เธอไม่ต้องรู้สึกเกรงใจ นี่ฉันออกตัวเอง เธอไม่ได้เอ่ยปากขอ เธอก็ไม่จำเป็นต้องรู้สึกกดดัน เอาล่ะ ฉันกำลังประชุมอยู่ ค่อยคุยกันนะ”
ราวกับกลัวว่ามายมิ้นท์ยังอยากปฏิเสธอีก เปปเปอร์จึงตัดสายโดยตรง
อีกด้านหนึ่ง มายมิ้นท์เห็นหน้าจอที่ย้อนกลับไปที่อินเทอร์เฟสวีแชท ก็ถอนหายใจ
ดูเหมือนจะถอนเงินกลับไปไม่ได้จริงๆ
แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น เธอก็ไม่ยอมรับ
ขณะที่คิด มายมิ้นท์ก้มหน้าพิมพ์ข้อความ: เงินพันกว่าล้านนี้ ถือว่าฉันยืมคุณมา เมื่อบริษัทฉันได้กำไรแล้วจะคืนให้คุณ
เปปเปอร์เดินกลับมาถึงนอกประตูห้องประชุม กำลังจะวางมือบนตัวดัน เตรียมผลักประตู โทรศัพท์ในมืออีกข้างหนึ่งก็สั่นขึ้นมากะทันหัน
เขาเอามือลงจากที่ดันประตู หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู คือข้อความที่มายมิ้นท์ส่งมา
เขากดเปิดข้อความ เห็นเนื้อหาด้านใน คิ้วก็ขมวด
อย่างที่คิดไว้ เขาพูดไปเยอะแค่ไหน เธอก็ยังคงไม่ยอมรับมัน
ช่างเถอะ เธออยากคืนก็คืน เมื่อเทนเดอร์กรุ๊ปเริ่มธุรกิจ จนนำเงินพันกว่าล้านออกมา และไม่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของบริษัท ก็คงอีกหลายปีต่อมา
ถึงตอนนั้น เธอยังหา Z-H เจออยู่ไหม?
มุมปากเปปเปอร์วาดโค้งยิ้มจางๆ จากนั้นก็เก็บโทรศัพท์เข้าไปในกระเป๋า ผลักประตูเดินเข้าไป
ณ เทนเดอร์กรุ๊ป มายมิ้นท์เรียกเลขาซินดี้มา “แจ้งผู้บริหารระดับสูงแต่ละหน่วยงานใหญ่ให้จัดประชุม”
ในเมื่อแน่ใจแล้วว่าใครเป็นผู้คืนเงินกู้ เบื้องหลังก็ไม่มีแผนการสมรู้ร่วมคิด แน่นอนว่าบอกทุกคนได้
นอกจากนี้ เธอเชื่อว่าครั้งนี้จะกดขี่เตชิตได้ อย่างไรแล้วเธอชำระเงินกู้ให้เทนเดอร์กรุ๊ป แต่เตชิตไม่ได้ทำอะไรเลย เมื่อเป็นแบบนี้ ความชื่นชอบของคนในเทนเดอร์กรุ๊ป ก็จะค่อยๆ ย้ายมาหาเธอ
“ค่ะ” ซินดี้พยักหน้า แล้วไปเตรียมการ
มายมิ้นท์ลุกขึ้น ไปที่ห้องประชุม
สองสามวันต่อมา วันประมูลก็มาถึง
ตอนกลางคืน มายมิ้นท์เปลี่ยนเป็นชุดราตรี แต่งหน้า ไปสถานที่จัดงานเลี้ยงกับลาเต้
เมื่อถึงประตูโรงแรม มายมิ้นท์เพิ่งลงจากรถ ทามทอยก็วิ่งมา “มายมิ้นท์ คืนนี้เธอสวยมากจริงๆ”
เขามองสำรวจมายมิ้นท์ขึ้นลง ในดวงตาเต็มไปด้วยความทึ่ง
มายมิ้นท์ทัดเส้นผมที่ดัดเป็นลอนไว้ข้างหู ยิ้มขณะตอบกลับ “ขอบคุณค่ะ จริงสิ ทำไมคุณมาอยู่ตรงนี้ ไม่เข้าไปเหรอ?”
“ตั้งใจรอพวกคุณ” ทามทอยพูด
ลาเต้ลงมาจากที่นั่งคนขับ กลอกตามองเขา พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่ดี “ใครอยากให้นายรอ”
ทามทอยก็ตอบกลับอย่างไม่เกรงใจ “ไม่มีใครอยากให้ฉันรอ ฉันรอเองแหละ แต่ฉันไม่ได้รอนายนะ ฉันรอมายมิ้นท์ นายก็แค่เป็นตัวแถม”
“นาย……”
เห็นทั้งคู่จะทะเลาะกัน มายมิ้นท์ก็รีบยกมือขึ้นห้าม “เอาล่ะๆ อย่าทะเลาะกันเลย คนเข้าออกตั้งเยอะ พวกคุณไม่กลัวขายหน้าเหรอ พอได้แล้ว รีบเข้าไปกันเถอะ”
เมื่อเธอออกหน้า แน่นอนว่าชายทั้งสองก็หยุด
ลาเต้จัดเนกไทสักหน่อย โทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา
เขาหยิบออกมาดู เลิกคิ้วพูดขึ้น “มิ้นท์ เจ้าราเม็งโทรมา ที่นี่รถเยอะมาก เสียงดังไปหน่อย ฉันจะไปรับข้างๆ เธอรอฉันอยู่ตรงนี้นะ”
“อืม ไปเถอะ” มายมิ้นท์พยักหน้า
ลาเต้เหลือบมองทามทอย ก่อนจะไปรับโทรศัพท์ข้างๆ
ทามทอยเบ้ปาก “ฉันไม่ได้ยั่วโมโหเขา เข้าใจยากจริงๆ เลย”
มายมิ้นท์หัวเราะคิกคักพูดขึ้น “ขอโทษนะทามทอย เต้เขา……”
“ไม่เป็นไรๆ ฉันไม่ได้โกรธ” ทามทอยโบกมือปฏิเสธ จากนั้นก็นึกอะไรขึ้นได้ ถามขึ้นอย่างจริงจัง “จริงสิ ฉันได้ยินว่าเทนเดอร์กรุ๊ปคืนหนี้หมดแล้ว มันเกิดอะไรขึ้นเหรอ? เธอเอาเงินเยอะขนาดนี้มาจากไหน? คงไม่ได้ทำข้อตกลงอะไรใช่ไหม?”
มายมิ้นท์ได้ยินคำพูดนี้ ก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออก “จะเป็นไปได้ยังไง ก็คนที่จ่ายคืนน่ะ บอกว่าเป็นการรับผิดชอบให้ฉันกับลูก”
ทามทอยเข้าใจทันที “ที่แท้ก็เขานี่เอง ถ้าเป็นเขาก็สมเหตุสมผลอยู่นะ คนคนนั้นรวยมาก ทรัพย์สินส่วนตัวเขาก็มีมูลค่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์ เงินพันกว่าล้านหยวนสำหรับเขา ขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอก”
“รวยขนาดนี้เชียว?” มายมิ้นท์ทำหน้าประหลาดใจ
ถึงแม้คุณก้องท่านนั้นเคยบอกว่าเขารวยมาก แต่เธอไม่คิดว่า ทรัพย์สินส่วนตัวเขาจะเยอะขนาดนี้ รวมถึงบริษัทที่อยู่เบื้องหลังด้วย
ซี้ด……
มายมิ้นท์ไม่กล้าจินตนาการ
สรุปแล้ว คุณก้องท่านนั้นกับเปปเปอร์รวยเหมือนกัน
“ใช่แล้ว เขาเป็นคนที่รวยสุดในบรรดาพวกเรา เมื่อก่อนฉันไม่เคยบอกเธอเหรอ?” ทามทอยมองเธอ
มายมิ้นท์หัวเราะเยาะ “นายไม่เคยบอกฉันด้วย ว่าท่านนั้นเป็นชายวัยกลางคนอายุสี่สิบกว่า”
“พรวด!” ทามทอยเกือบหลุดขำ “เธอรู้ได้ไงว่าเขาอายุสี่สิบกว่า?”
“ฟังเสียงเอาน่ะสิ สองวันก่อนฉันโทรคุยกับเขา เสียงเขาแหบพร่าผ่านโลกมาอย่างโชกโชน ไม่ต่างอะไรกับคนอายุสี่สิบกว่า ไม่น่าฟัง อีกอย่างเสียงแบบนี้ ฉันเคยได้ยินจากผู้ชายวัยกลางคนที่อ้วนพุงใหญ่หัวล้านพวกนั้นมาก่อน ฉันเลยสงสัยว่าเขาก็คงมีรูปลักษณ์แบบนั้น” ขณะที่มายมิ้นท์พูด ความรังเกียจบนใบหน้าก็ไม่ปิดบังสักนิด