รักหวานอมเปรี้ยว - บทที่ 222 โง่ขลาขนาดน
“เธอบอกว่าเป็นฉันงั้นเหรอ?” มายมิ้นท์ยิ้ม “งั้นเธอก็ลองพูดมาสิ ว่าฉันให้เธอแต่งตัวแบบนี้ได้อย่างไร? หรือว่าฉันวิ่งเข้าไปในบ้านของเธอเพื่อให้เธอสวมชุดนี้ล่ะ?”
“เธอไม่ได้อยู่ในบ้านของฉันหรอก แต่อยู่ในร้านขายเสื้อผ้าต่างหาก!” ส้มเปรี้ยวบีบฝ่ามือแน่นจนสุดชีวิตและพูดขึ้นมา
รัศมีของมุมปากมายมิ้นท์โค้งสูงมากขึ้น “อ้าว? ในร้านขายเสื้อผ้างั้นหรอ? ฉันจำได้ว่าตอนที่อยู่ในร้านขายเสื้อผ้า ฉันก็ไม่ได้ให้เธอใส่แบบนี้นี่นา”
“ก็เธอกับชาหวานคนนั้นนั่นแหล่ะ ที่บอกว่าชุดเหล่านั้นจะดูดีมากถ้าใส่กับขนสัตว์และกระเป๋าหนังจระเข้ ดังนั้นฉันก็เลย……”
“เหอะ!” มายมิ้นท์เอามือปิดท้องในขณะที่หัวเราะออกมา
ลาเต้ ทามทอยและราเม็งก็หัวเราะเช่นกัน
แม้แต่คุณหญิงนิภาก็ส่ายหน้าอย่างยั่วเย้าและเหน็บแนม
มีเพียงเปปเปอร์ เยี่ยมบุญและขนมผิงสามคนเท่านั้นที่ไม่ได้หัวเราะ
เปปเปอร์นวดครึงหว่างคิ้วไปมาด้วยความอ่อนเพลีย
ขนมผิงก้มศีรษะลงต่ำมาก
ส่วนเยี่ยมบุญก็แทบอยากจะหาอุโมงค์ใต้ดินสักอุโมงค์มุดเข้าไป
ทำไมเขาถึงได้มีลูกสาวที่โง่เขาได้ถึงขนาดนี้นะ!
“พวกคุณหัวเราะอะไรกัน!” ส้มเปรี้ยวใช้เล็บกดไปที่ฝ่ามือ ถลึงตาจ้องมองมายมิ้นท์และคนอื่นๆอีกสองสามคนด้วยความโกรธ
ลาเต้นวดใบหน้าที่รู้สึกเมื่อยของเขาด้วยรอยยิ้ม “ไม่มีอะไรหรอกครับ เราก็แค่หัวเราะเพราะไม่เคยเห็นใครโง่ขนาดนี้แบบคุณเลย มายมิ้นท์บอกว่าใส่เข้าด้วยกันแบบนั้นจะดูดี คุณก็เลยใส่ นี่คุณไม่มีสมองหรือเปล่าเนี่ย?”
“ถ้าเธอมีสมอง พวกเราก็คงไม่เห็นเธอแต่งตัวอย่างนี้ตอนนี้น่ะสิครับ” ราเม็งพูดอย่างอ่อนโยน แต่ภายในสายตากลับเย็นชาเป็นอย่างมาก
“พวกคุณ พวกคุณ……” ร่างกายของส้มเปรี้ยวสั่นอย่างรุนแรง
เปปเปอร์กระชับมือที่วางบนไหล่ของเธอขึ้นมาเล็กน้อย แล้วพูดว่า “พอแล้วส้มเปรี้ยว อย่าสร้างปัญหา”
“เปปเปอร์……พวกเขาทุกคนต่างก็ว่าฉันแบบนี้แล้ว คุณไม่ช่วยฉัน แถมยังพดว่าฉันสร้างปัญญาด้วยเหรอ?” ส้มเปรี้ยวเบิกตาโพลงโตจ้องมองเขาด้วยความคับแค้นใจ
เยี่ยมบุญก็ไม่พอใจเขามากเช่นกัน
เปปเปอร์เม้มริมฝีปากบางๆไปมา กำลังจะพูดอะไรบางอย่างขึ้นมา
มายมิ้นท์ดีดเล็บมือไปมา ทันใดนั้นก็เอ่ยปากพูดขึ้นมาว่า “คุณส้มเปรี้ยวฉันเคยคุยกับชาหวาน ที่ร้านเสื้อผ้าว่าชุดเหล่านั้นจะดูดีมากเมื่อใส่คู่กับเสื้อกั๊กขนสัตว์และกระเป๋าหนังจระเข้จริงๆ แต่ฉันไม่ได้แนะนำให้คุณใส่นี่นา ฉันกับคุณเป็นศัตรูกัน ฉันจะไปให้คำแนะนำคุณได้ยังไง ฉันคิดไม่ถึงเลยนะว่าคุณจะไม่เพียงแต่มาแอบฟังพวกเราคุยกันเท่านั้น ยังใส่มันจริงๆ แถมยังใส่มางานเลี้ยงแบบนี้อีกด้วย”
“เธอพูดเรื่องไร้สาระให้มันน้อยๆหน่อย ตอนนั้นเธอคุยกับชาหวานเสียงดังมากขนาดนั้น เห็นได้ชัดว่าตั้งใจจะพูดให้ฉันได้ยิน จะเรียกว่าฉันแอบฟังได้ยังไง พวกเธอวางกับดักฉัน แล้วให้ฉันเดินเข้าไปชัดๆ” ส้มเปรี้ยวตวาดจนตากำลังจะแตกร้าวด้วยความโกรธ
ทามทอยกลอกตามองบน แล้วพูดว่า “มีหลักฐานไหม? สิ่งที่คุณพูดมันไม่มีหลักฐานเลยนะ ตัวเองไม่มีสมองเอง โง่ไปแล้วหรือไง คนอื่นพูดอะไรคุณก็ทำอย่างนั้น ผลสุดท้าย มันก็ย้อนกลับมาเล่นงานคุณเอง”
“แก……”
“พอได้แล้ว!” คุณหญิงนิภาขมวดคิ้ว แล้วพูดขัดจังหวะคำพูดที่ส้มเปรี้ยวอยากจะพูดออกมาด้วยความรำคาญเป็นอย่างมาก “ที่นี่เป็นที่ของฉัน ถ้าอยากจะทำตัวกำเริบเสิบสานก็กลับบ้านของเธอไปซะ เอาล่ะ เชิญคุณส้มเปรี้ยวกับคุณเยี่ยมบุญออกไป งานเลี้ยงของฉัน ไม่ต้อนรับพวกเขา”
“ครับ” บริกรสองสามคนที่ไม่รู้ว่ามาตั้งแต่เมื่อไหร่พยักหน้าลง แล้วทำท่าทางเชิญเยี่ยมบุญและส้มเปรี้ยว
แม้ว่าเยี่ยมบุญจะโกรธ แต่เขาเสียหน้าไปแล้ว และไม่อยากอยากอยู่ที่นี่ด้วย จึงพูดโดยฝืนตีสีหน้ายิ้มออกมาหนึ่งประโยคว่า “งั้นผมก็ไม่รบกวนคุณหญิงนิภาแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับส้มเปรี้ยว ไป”
“พ่อ!” ส้มเปรี้ยวยังไม่เต็มใจอยู่บ้างเล็กน้อย
เยี่ยมบุญคว้าแขนของเธอและดึงเธอออกจากอ้อมแขนของเปปเปอร์ หลังจากที่เขาจ้องมองเปปเปอร์แล้ว ก็บังคับเธอให้ออกไปจากที่นี่
ถ้ายังไม่ไปอีก มีแต่จะทำให้อับอายขายหน้ามากยิ่งขึ้น
“อ้าวเฮ้ย นี่จะไปแล้วเหรอ ยังไม่ทันขอโทษมายมิ้นท์เลยนะ” ลาเต้เบ้ปากแล้วเบ้ปากอีก
มายมิ้นท์หัวเราะเบาๆ “ฉันไม่สนใจคำขอโทษของพวกเขาหรอก อีกอย่าง คืนนี้พวกเขาก็ถือว่าได้อับอายขายหน้าแล้ว เชื่อว่าพรุ่งนี้ก็ยังจะได้เห็นเรื่องตลกของพวกเขาบนอินเทอร์เน็ตด้วยล่ะ”
“ก็จริงนะ” ลาเต้ยิ้มอย่างยินดีปรีดาในความโชคร้ายของคนอื่น
เปปเปอร์กวาดตามองไปที่เขา ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
“เธอเป็นลูกสาวของตระกูลมหาเอกรัตนาใช่ไหม?” ในเวลานั้นเอง ทันใดนั้นคุณหญิงนิภาก็หันไปมองขนมผิง
เงยหน้าขึ้นอย่างเขินอาย “ใช่…ใช่ค่ะ… ณรงค์เป็นพ่อของฉันค่ะ”
“เธอเป็นคนมีน้ำใจคนหนึ่งนะ แต่สมองไม่ค่อยดี ถูกคนหลอกใช้ยังโง่โดยไม่รู้ตัวอีก” คุณหญิงนิภาประเมินค่าอย่างเมินเฉย
ลาเต้และทามทอยหัวเราะเยาะออกมา
ใบหน้าของขนมผิงแดงไปหมดด้วยความเขินอาย
การที่ถูกผู้ใหญ่ที่มีสถานะสูงส่งคนหนึ่งพูดต่อหน้าสาธารณะชนว่าเธอสมองไม่ดีนั้นยังทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจกว่าการฆ่าเธอเสียอีก
“เอาล่ะ เธอเองก็ไปด้วยสิ ฉันจำได้ว่าไม่ได้เชิญตระกูลมหาเอกรัตนามาด้วยนี่ เธอก็คือคนที่พาคุณหนูตระกูลภักดีพิศุทธิ์คนนั้นมาสินะ ในเมื่อคุณหนูตระกูลภักดีพิศุทธิ์จากไปแล้ว งั้นเธอก็ไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่ที่นี่แล้วเหมือนกัน” คุณหญิงนิภาออกคำสั่งให้ขับไล่แขกด้วยการโบกมือไปมา
ขนมผิงพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า และหลังจากที่ตอบตกลง เธอก็ก้มศีรษะเดินไปที่หน้าประตูงานเลี้ยงอย่างรวดเร็ว
ระหว่างทาง เธอรู้สึกได้ถึงสายตาแปลกๆมากมายที่จ้องมาที่เธอ จึงทำให้เธอไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไป
คืนนี้ส้มเปรี้ยวมีชื่อเสียงแล้ว ก็ทำไมจะไม่ใช่เธอล่ะ
เชื่อว่าวันพรุ่งนี้ในวงสังคมจะต้องหัวเราะเยาะเสียงของเธอกันทุกคนแน่ๆ
“ไปกันหมดแล้ว พวกเราก็ไปกันเถอะ” ลาเต้เอามือหนุนท้ายทอยเอาไว้ในขณะที่กำลังพูด
ราเม็งมองดูชุดของมายมิ้นท์ แล้วพูดว่า “บนชุดของพี่ก็เปื้อนไวน์แดงเหมือนกัน ควรจะกลับไปเปลี่ยนได้แล้วนะ”
“ฉันเดินไม่ไหวแล้ว เดี๋ยวยังต้องไปหาใครสักคนเพื่อคุยเรื่องบางเรื่องอีก” ทามทอยถอนหายใจด้วยความเสียใจ
ลาเต้ยิ้มหน้าบานอย่างมีความสุข แล้วพูดว่า “งั้นนายก็ค่อยๆคุยก็แล้วกันนะ ไม่ต้องรีบ จะคุยกันไปจนตราบชั่วฟ้าดินสลายก็ได้”
เขาตบไหล่ของทามทอย และเขาแทบอยากจะให้ทามทอยไม่ต้องมาปรากฏตัวอยู่ข้างๆมายมิ้นท์ตลอดไปจนใจจะขาด
อย่าคิดว่าเขามองไม่ออก ว่าเจ้าหมอนี่มีใจให้มายมิ้นท์
ข้างกายมายมิ้นท์มีเขากับราเม็งก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องมีไอ้สารเลวที่จะมาดึงความสนใจของมายมิ้นท์ไปจากพวกเขาอีกหนึ่งคนหรอก
ทามทอยหัวเราะฮ่าๆ แล้วโยนมือของลาเต้ลงไป หลังจากที่กล่าวทักทายคุณหญิงนิภา มายมิ้นท์ และเปปเปอร์แล้ว ก็หันหลังเดินไปที่ห้องน้ำเพื่อไปหาคนคุยด้วย
“คุณหญิงนิภานี่มันก็ดึกมากแล้ว พวกเราก็ควรจะไปแล้วจริงๆ เรื่องในคืนนี้ฉันต้องขอโทษด้วยนะคะ ที่ทำลายงานเลี้ยงของคุณ ขอโทษค่ะ” ในขณะที่พูดอยู่นั้น มายมิ้นท์ก็โค้งคำนับขอโทษคุณหญิงนิภาอีกครั้ง
คุณหญิงนิภาหัวเราะขึ้นมา แล้วพูดว่า “พูดตามตรงนะ ตอนแรกฉันรู้สึกโกรธมากจริงๆ แต่เมื่อฉันได้เห็นท่าทีที่มีสติไม่ตื่นกลัวของเธอ ฉันชื่นชมเธอมาก ไปเถอะ เดินทางปลอดภัยนะ”
“ค่ะ” หลังจากที่มายมิ้นท์จับมือกับเธอสักครู่หนึ่ง เธอก็พาลาเต้กับราเม็งเดินออกไป
และตอนที่เดินเฉียดไหล่ของเปปเปอร์ไป เธอไม่ได้ชายตามองเขาด้วยซ้ำ ราวกับว่าเขาคนนี้ไม่มีตัวตนอย่างไรอย่างนั้น
หัวใจของเปปเปอร์ว่างเปล่าลงไปชั่วครู่ เขายกมือขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว และคิดที่จะจับเธอเอาไว้ ไม่ปล่อยให้เธอเดินจากไป
แต่ทว่าจนกระทั่งเธอหายไปแล้ว เขาก็ยังคว้าตัวเธอเอาไว้ไม่ได้
สุดท้าย เปปเปอร์ก็ลู่หนังตาลง รวบกำปั้นแล้ววางมือลง
เมื่อฉากนี้ถูกคุณหญิงนิภาเห็นเข้า คุณหญิงนิภาก็ยิ้มอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงถามว่า “ประธานเปปเปอร์ฉันก็เคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับการหย่าร้างของคุณกับคุณราเม็งเหมือนกัน สังคมภายนอกบอกว่าคุณไม่มีความรู้สึกอะไรกับคุณราเม็งคุณก็เลยหย่า แต่เท่าที่ฉันเห็นเมื่อกี้ ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นอย่างนั้นเลยนะคะ”
เปปเปอร์เอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง แล้วตอบด้วยริมฝีปากบางๆว่า “คุณหญิงนิภาพูดเล่นแล้ว ไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นหรอกครับ คนที่ผมรัก มีเพียงส้มเปรี้ยวเท่านั้น”
เขามีความรู้สึกต่อมายมิ้นท์งั้นหรือ?
มันจะเป็นไปได้อย่างไร!
เปปเปอร์เม้มริมฝีปากบางๆ ระงับอารมณ์นั้นที่ผุดขึ้นในใจเอาไว้ แล้วปฏิเสธคำพูดของคุณหญิงนิภา
คุณหญิงนิภาเลิกคิ้ว และยิ้มอย่างมีความหมายลึกซึ้ง แล้วพูดว่า “งั้นเหรอ? ถ้าอย่างนั้นดูเหมือนว่าฉันจะดูผิดซะแล้ว ต้องขอโทษด้วยนะคะ”
“ไม่มีปัญหาหรอกครับ” เปปเปอร์ลู่สายตาลงและตอบรับด้วยน้ำเสียงที่เฉยเมย
เปปเปอร์เม้มริมฝีปากบางๆ ระงับอารมณ์นั้นที่ผุดขึ้นในใจเอาไว้ ปฏิเสธคำพูดของคุณหญิงนิภา
คุณหญิงนิภาเลิกคิ้ว และยิ้มอย่างมีความหมายลึกซึ้ง แล้วพูดว่า “งั้นเหรอ? ถ้าอย่างนั้นดูเหมือนว่าฉันจะดูผิดซะแล้ว ต้องขอโทษด้วยนะคะ”
“ไม่มีปัญหาหรอกครับ” เปปเปอร์ลู่สายตาลงและตอบรับด้วยน้ำเสียงที่เฉยเมย
คุณหญิงนิภาจิบไวน์แดง แล้วพูดว่า “จะว่าไปแล้ว ประธานเปปเปอร์กับคุณส้มเปรี้ยวตกหลุมรักกันได้ยังไงล่ะ คุณส้มเปรี้ยว”เป็นผู้ป่วยที่อยู่ในสภาวะผักมาหกปีแล้ว