รักหวานอมเปรี้ยว - บทที่ 230 เปปเปอร์ฟื้นขึ้นมาแล้ว
หรือว่า นอกจากแย่งกระเป๋าของเธอไปแล้ว ผู้ชายคนนี้ยังเคยลงมือฆ่าเธอในตอนที่เธอไม่รู้ตัวอีกด้วย?
การันต์เคยเรียนจิตวิทยามาก่อน และยังได้รับปริญญามาแล้วด้วย จึงสามารถมองการแสดงออกทางสีหน้าและสายตาของมายมิ้นท์ออกได้อย่างทะลุปรุโปร่งและมองออกว่าในใจของเธอกำลังคิดอะไรอยู่ไปโดยปริยาย
เดิมทีเขายังคิดที่จะปกปิดเรื่องนี้เอาไว้ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะฉลาดขนาดนี้ และคาดไม่ถึงว่าเธอจะเดาออกแล้วจริงๆ
“ตอนที่คุณไปทำแท้งที่โรงพยาบาลในครั้งก่อน ส้มเปรี้ยวก็สั่งให้ผมฆ่าคุณบนเตียงผ่าตัด หลังจากนั้นก็แกล้งทำว่าเป็นอุบัติเหตุในการผ่าตัด แต่ต่อมาผมก็ได้เห็นไฝสีแดงที่อยู่บนข้อมือของคุณ ดังนั้นผมจึงไม่ได้ลงมือ” การันต์ไม่กล้ามองเธอเล็กน้อย
“ไอ้สารเลว!” ราเม็งดวงตาแดงก่ำ เขาคว้าคอเสื้อของการันต์ขึ้นมาด้วยมือข้างหนึ่งและต้องการจะชกเขา
การันต์เองก็ไม่ได้ทำการต่อต้านใดใดเช่นกัน เขาปล่อยให้เขาต่อยเข้ามา ขอเพียงแค่สามารถทำให้มายมิ้นท์คลายความโกรธออกไปได้
เขาจะไม่มีทางทำให้เทพธิดาของเขาเกลียดเขาเป็นอันขาด
“ราเม็ง!” มายมิ้นท์คว้าแขนของราเม็งเอาไว้ “ปล่อยเขาไปซะ”
“พี่ มันจะฆ่าพี่นะ!” ราเม็งไม่ยินยอม
มายมิ้นท์พูดเน้นย้ำอีกครั้งว่า “ปล่อยเขาไปซะ”
“……”ราเม็งมองเห็นการไม่อนุญาตให้สอดปากสอดคำภายในดวงตาของเธอ สุดท้ายเขาก็เลยยอมปล่อยการันต์
มายมิ้นท์หันหน้าไปมองการันต์ที่กำลังขมวดคิ้วและกำลังใช้แรงดึงรอยพับของคอปกเสื้ออยู่ แล้วถามว่า “ถ้าตอนนั้นคุณไม่เห็นไฝแดงที่ข้อมือฉัน คุณก็จะทำให้ฉันตายอยู่บนเตียงผ่าตัดใช่ไหม?”
จริงๆแล้วเธอก็รู้เช่นกันว่าคำถามที่ตัวเองถามนี้เกินความจำเป็นอยู่บ้าง
แต่เธอก็ยังอยากที่จะฟังคำตอบจากเขาดู
ริมฝีปากของการันต์ขยับไปมา เขาใช้เวลานานมากจึงจะสามารถหลีกหนีจากการจ้องมองของเธอได้ แล้วตอบกลับมาหนึ่งคำว่า “……ใช่!”
“เหอะ……” มายมิ้นท์ยิ้มอย่างเหยียดหยาม แล้วเดินผ่านเขาและมุ่งหน้าไปที่ลิฟต์
แม้ว่าเธอจะไม่ค่อยชอบการันต์คนนี้สักเท่าไหร่ แต่เธอก็เคยช่วยชีวิตเขา
เมื่อรู้ว่าคนที่ตัวเองเคยช่วยชีวิตในตอนนั้นตอบแทนตัวเองเช่นนี้ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าคนที่ช่วยชีวิตเขาไว้คือเธอ ในใจของเธอก็ยังรู้สึกไม่สบายอยู่ดี
“พี่ครับ รอผมด้วย” ราเม็งชายตามองการันต์ด้วยสายตาที่เคียดแค้น แล้วรีบเดินไปทางมายมิ้นท์
การันต์ไม่ได้ขัดขวางให้มายมิ้นท์จากไป ในฐานะนักศึกษาปริญญาเอกด้านจิตวิทยา เขารู้ว่าภายในหัวใจของเธอได้รับการกระทบกระเทือนแล้วอย่างรุนแรงในขณะนี้
ทั้งหมดเป็นเพราะส้มเปรี้ยวถ้าไม่ใช่เพราะส้มเปรี้ยวมาแทนที่เทพธิดาของเขา เขาก็คงไม่ต้องทำให้เทพธิดาของตัวเองเสียใจแบบนี้
คอยดูเถอะ เขาจะทรมานเธอให้เต็มที่เลย แล้วทำให้เธอกลายมาเป็นหุ่นสตัฟฟ์ตัวหนึ่งที่สมบูรณ์แบบที่สุดในห้องใต้ดินของเขา!
ภายในดวงตาของการันต์ส่องประกายขึ้นมาด้วยแสงอันน่าอกสั่นขวัญหาย
ด้านนอกโรงแรมราเม็งเดินตามมายมิ้นท์ทันในที่สุด
“พี่ครับ พี่ไม่เป็นไรใช่ไหม?” ราเม็งมองมาที่เธอ แล้วถามด้วยความเป็นห่วง
มายมิ้นท์ก้มหน้ามองลงไปที่ไฝสีแดงบนข้อมือของตัวเอง โดยที่ไม่ได้ตอบอะไร
เธอจะไม่เป็นไรได้อย่างไร
เธอเพิ่งจะรู้ว่าตัวเองเกือบจะตายไปแล้วนะ
เมื่อเห็นว่ามายมิ้นท์ไม่พูดไม่จา ราเม็งจึงกอดเธอเอาไว้ในทันที และเอาคางไปวางไว้บนไหล่ของเธอ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ลึกซึ้งว่า “พี่ครับ อย่ากลัวไปเลย พี่ยังมีผมอยู่นะ ผมจะอยู่เคียงข้างพี่และปกป้องพี่ตลอดเวลาเลย”
เมื่อได้ยินดังนั้น ในหัวใจของมายมิ้นท์ก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมา และพยับเมฆแห่งความทุกข์ใจก็ถูกปัดเป่าออกไปเป็นจำนวนมากในทันที
เธอตบหลังเด็กชายตัวโตไปมา แล้วพูดอย่างอ่อนโยนว่า “พอได้แล้ว พี่เชื่อนาย ปล่อยพี่ก่อนเถอะ พี่แทบจะหายใจไม่ออกแล้ว”
“โอ้” ราเม็งปล่อยมือจากเธออย่างเชื่อฟัง แล้วก้มหน้ามองลงไปที่ท้องของเธอด้วยสายตาที่คลุมเครือ แล้วถามว่า “พี่ครับ พี่ตั้งครรภ์ ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ครับ?”
ตอนที่อยู่ในห้องอาหารเขาก็อยากถามคำถามนี้อยู่แล้ว
แต่ในตอนนั้น เธอกำลังตั้งใจฟังการสนทนาระหว่างการันต์ และส้มเปรี้ยวอยู่ เขาไม่อยากรบกวนเธอ ก็เลยอดทนเอาไว้ตลอดเวลามาจนบัดนี้
มายมิ้นท์ลูบไปบนท้อง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบว่า “มันก็แค่ค่ำคืนที่ไร้สาระคืนนึ่งเท่านั้นแหล่ะ”
“แล้วพ่อของเด็กคือ……”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน” มายมิ้นท์นวดหว่างคิ้วไปมาแล้วตอบ
ดวงตาของราเม็งแวววาวขึ้นมาเล็กน้อย “ตอนที่อยู่ในห้องอาหารเมื่อกี้ ส้มเปรี้ยวเคยพูดขึ้นมาสองครั้งว่าเธอต้องการกำจัดเด็กที่อยู่ในท้องของพี่ คงไม่ใช่ว่า เด็กที่อยู่ในท้องของพี่เป็นลูกของเปปเปอร์หรอกนะ?”
มายมิ้นท์ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ส่ายหน้าและอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “มันจะเป็นไปได้ยังไง ใช่ลูกของเปปเปอร์หรือเปล่า ฉันยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ? น่าจะเป็นเพราะว่าส้มเปรี้ยวนึกว่าเด็กที่อยู่ในท้องของฉัน เป็นลูกที่เกิดจากการตั้งครรภ์ก่อนที่ฉันจะหย่ากับเปปเปอร์ และกลัวว่าฉันจะอาศัยลูกในการกลับเข้าไปในตระกูลนวบดินทร์อีกครั้ง ดังนั้นเธอก็เลยคิดจะทำให้ฉันแท้งลูกทุกวิธีทางไงล่ะ”
อันที่จริงไม่มีใครรู้ว่า เธอกับเปปเปอร์มีความสัมพันธ์อะไรกันในระหว่างที่แต่งงานหรือไม่ และเชื่อว่าเปปเปอร์ก็คงไม่สามารถบอกเรื่องเหล่านี้กับส้มเปรี้ยวได้
สำหรับเรื่องที่ส้มเปรี้ยวรู้ว่าเธอท้องได้อย่างไร เธอก็ไม่แปลกใจเลยเช่นกัน บางทีตอนที่ทามทอยบอกกับเปปเปอร์ ส้มเปรี้ยวก็เลยได้ยินเข้า หรือไม่เปปเปอร์ก็บอกกับเธอไปโดยตรง ท้ายที่สุดยังไงซะมันก็คงหนีไม่พ้นสาเหตุเหล่านี้หรอก
“พี่ครับ ถ้าอย่านั้นพี่คิดว่าจะเก็บเด็กคนนี้ไว้ไหมครับ?” ราเม็งกำหมัดแล้วถามอีกครั้ง
มายมิ้นท์ส่ายหน้า “ไม่แน่นอน รอให้ฉันสะสางงานในช่วงนี้จนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ค่อยไปทำที่ต่างประเทศ”
เธอไม่กล้าทำภายในประเทศแล้ว ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงไปทำที่ต่างประเทศ
เธอยังคงไม่เชื่อว่า มือของส้มเปรี้ยว ยังจะสามารถยืดไปจนถึงต่างประเทศได้อีก!
เมื่อราเม็งได้ยินว่ามายมิ้นท์ไม่ได้คิดจะเก็บเด็กคนนี้เอาไว้ เขาก็คลายหมัดออก แล้วยิ้ม
ณ ขณะเดียวกัน ที่โรงพยาบาล
เปปเปอร์กำลังสวมเสื้อผ้าคนป่วยอยู่ และเอนกายอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าที่ซีดเซียว ผู้ช่วยเหมันตร์ยืนอยู่ข้างเตียง และรายงานสถานการณ์ที่ตามมาหลังจากที่เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อคืนนี้
“คุณจะบอกว่า อุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อคืนนี้เกิดจากฝีมือคนหรือ?” เปปเปอร์ไอสองสามครั้ง บนใบหน้าอันหล่อเหลาที่ไม่มีสีของเลือดฝาดนั้นหม่นหมองลงจนน่ากลัว
ผู้ช่วยเหมันตร์แสดงสีหน้าที่เคร่งขรึมและพยักหน้า แล้วพูดว่า “ใช่ครับ จากวงจรปิดของแผนกควบคุมการจราจร นับตั้งแต่เวลานั้นที่คุณออกมาจากงานเลี้ยง รถคนนั้นก็วิ่งตามหลังคุณไป จนกระทั่งเข้าไปในคอนโดพราวฟ้า รถคันนั้นจึงเร่งความเร็วแซงหน้าคุณไปอย่างกะทันหัน หลังจากนั้นก็หันกลับมาชนข้างหน้าคุณ แต่รถคันนั้นไม่ได้สภาพดีเท่ารถของคุณ มันถูกชนจนยับไปหมดทั้งหน้า และคนขับก็เสียชีวิตในที่เกิดเหตุครับ”
“ตายแล้วเหรอ?” เปปเปอร์ทำสีหน้าเคร่งขรึม
ผู้ช่วยเหมันตร์พยักหน้า “ใช่ครับ จากหลักฐานทางนิติเวช แม้ว่าคนขับจะได้รับบาดเจ็บสาหัสมาก แต่สาเหตุการตายที่แท้จริงคือเสียชีวิตอย่างเฉียบพลัน ซึ่งทางแพทย์นิติเวชพบสารกระตุ้นที่มีความเข้มข้นสูงในกระเพาะอาหารของเขา หัวใจของคนขับทนต่อฤทธิ์ของยาไม่ไหว ดังนั้นจึงเสียชีวิตอย่างเฉียบพลันครับ ผมเดาว่าคนขับทานสารกระตุ้นเข้าไปเพื่อเสริมความกล้าให้มากขึ้นน่ะครับ”
“งั้นเหรอ?” เปปเปอร์ยกมุมปากขึ้นมาเยาะเย้ย “ตรวจสอบสาเหตุที่คนขับรถคนนั้นขับรถมาชนฉันได้แล้วหรือยัง?”
“ผมตรวจสอบแล้วครับ คนขับเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีบุญคุณและความแค้นใดใดกับคุณ ดังนั้นผมก็เลยคิดว่าคนขับเป็นเพียงเบี้ยตัวหนึ่งที่ถูกใครบางคนซื้อมาเพื่อให้ไปขับรถชนคุณ ฆาตกรตัวจริงคือคนอื่น แต่น่าเสียดายที่คนขับเสียชีวิตไปแล้ว เราจึงไม่มีทางรู้จากปากของคนขับรถเลยว่าฆาตกรคือใคร” ผู้ช่วยเหมันตร์ถอนหายใจด้วยความเสียใจ
เปปเปอร์ไม่ได้แปลกใจกับผลลัพธ์นี้มากนัก จึงกำชับด้วยสีหน้าที่นิ่งเฉยว่า “งั้นก็ตรวจสอบต่อไป ลากตัวคนที่อยู่เบื้องหลังออกมาให้ได้”
“ครับ!” ผู้ช่วยเหมันตร์พยักหน้า
เปปเปอร์นวดคลึงหว่างคิ้วไปมา แล้วถามว่า “ช่วงที่ผมสลบไป บริษัทไม่มีเรื่องอะไรใช่ไหม?”
ผู้ช่วยเหมันตร์ดันแว่นลงมาแล้วตอบกลับไปว่า “ตลาดหุ้นเกิดปัญหาอยู่บ้างในตอนแรก แต่ผมได้ทำให้มันทรงตัวได้ทันเวลาแล้ว ต่อมาก็มีเรื่องอื้อฉาวของคนอื่นๆจำนวนหนึ่งปรากฏบนอินเทอร์เน็ต และได้รับความสนใจจากชาวเน็ตและเหล่านักลงทุนอย่างแพร่หลาย ดังนั้นตอนนี้ตลาดหุ้นจึงกลับมาฟื้นตัวเพิ่มมากขึ้นแล้วครับ”
“งั้นก็ดี” เปปเปอร์หลับตาลง แล้วใช้กำปั้นทุบไปที่ห้าผากไปมา
เมื่อผู้ช่วยเหมันตร์เห็นดังนั้น ก็รีบถามว่า “ประธานเปปเปอร์ครับ คุณไม่เป็นไรใช่ไหม ไม่สบายหรือเปล่าครับ ผมจะเรียกหมอมานะครับ”
ในขณะที่พูดอยู่นั้น เขาก็กำลังจะกดกริ่ง
เปปเปอร์ก็ลืมตาขึ้นมา แล้วเรียกเขาให้หยุด “ไม่ต้องแล้ว ผมไม่เป็นไร แค่ปวดหัวนิดหน่อยและมีภาพแปลกๆแวบเข้ามาในหัวของผมเท่านั้น ”
“ภาพเหรอครับ?” ผู้ช่วยเหมันตร์ประหลาดใจ
เปปเปอร์เม้มปากไปมา แล้วพูดว่า “น่าจะเป็นผลข้างเคียงที่เกิดจากศีรษะถูกกระแทกน่ะ ไม่มีปัญหาอะไรหรอก”
ผู้ช่วยเหมันตร์เห็นว่าเขาไม่เหมือนกับคนอวดดื้อถือดี ก็เลยเลิกแล้วกันไป
ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูห้องผู้ป่วยก็ดังขึ้น
พอผู้ช่วยเหมันตร์เดินไปเปิดประตู ก็เห็นส้มเปรี้ยวอยู่ข้างนอก และเขาก็กำลังจะกล่าวทักทาย
ทันใดนั้นส้มเปรี้ยวก็ผลักเขาออกไป แล้ววิ่งเข้าไปในห้องผู้ป่วยอย่างรวดเร็ว และไม่ว่าบาดแผลบนร่างกายของ เปปเปอร์จะทนไหวหรือไม่ก็ตาม เธอก็กอดเขาเอาไว้ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นว่า “เปปเปอร์ เยี่ยมมากเลย ในที่สุดคุณก็ฟื้นแล้ว”
เปปเปอร์ถูกเธอพุ่งเข้าหาแบบนี้ บาดแผลบนร่างกายของเขาจึงเปิดออกทันที เขาร้องคร่ำครวญออกมาด้วยความเจ็บปวด มีเหงื่อเย็นๆไหลออกมา และคิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากันลึกลงเรื่อยๆ