รักหวานอมเปรี้ยว - บทที่ 236 เปปเปอร์ออกจากโรงพยาบาล
มายมิ้นท์เห็นรอยยิ้มพ่อบ้าน แค่รู้สึกว่าทั้งร่างอึดอัด และขนพองสยองเกล้า
รวมถึงท่าทางแปลกๆ ของทามทอยเมื่อครู่นี้ด้วย……
ทำไมเธอรู้สึกว่าคนในตระกูลชุติเกษม ค่อนข้างผิดปกติล่ะ?
ตระหนักได้ว่าความคิดตัวเองไม่ค่อยสุภาพนัก มายมิ้นท์รีบกระแอมไอ ปรับอารมณ์จิตใจให้ดี แล้วไม่คิดมากอีก
“คุณมายมิ้นท์ เชิญเดิมชา” พ่อบ้านส่งแก้วชาให้เธอ
มายมิ้นท์ยิ้มขณะรับมัน “ขอบคุณค่ะ”
“ไม่ต้องเกรงใจครับ” พ่อบ้านโบกมือ “งั้นคุณกับคุณชายคุยกันไปนะ มีอะไรรับสั่งก็เรียกฉันได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ คิดเสียว่าที่นี่เป็นบ้านตัวเองได้เลยครับ”
“……ค่ะ” มายมิ้นท์มุมปากกระตุก ฝืนยิ้มพยักหน้าตอบรับ
พ่อบ้านคนนี้ต้อนรับดีเกินไปแล้ว ให้เธอคิดเสียว่าที่นี่เป็นบ้านตัวเองจริงๆ งั้นเหรอ?
แบบนี้ยิ่งทำให้เธอกดดันมากไม่ใช่เหรอ?
“พอได้แล้วครับคุณอา คุณไปได้แล้ว” ทามทอยก็ยกแก้วชาขึ้นมา บ่งบอกให้พ่อบ้านรีบไป
หากยังไม่ไป เขากังวลว่าพ่อบ้านจะพูดกับมายมิ้นท์เรื่องที่เขาชอบมายมิ้นท์ออกมา ถึงตอนนั้นจะเกิดอะไรขึ้น เขาไม่กล้าคิด
“ครับๆๆ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้” พ่อบ้านนึกว่าทามทอยทนไม่ไหวอยากอยู่ตามลำพังกับมายมิ้นท์แล้ว ก็ยิ้มและตอบรับ
ตอนจะไป เขาไม่ลืมที่จะส่งแววตา ‘สู้ๆ เชื่อมั่นในตัวคุณนะ’ ให้กับทามทอย ทำให้ทามทอยทั้งโกรธทั้งขำมาก
“อย่าไปถือสา พ่อบ้านเรามีนิสัยกระตือรือร้นตลอด อายุปูนนี้แล้ว เหมือนเด็กที่แก่เลย” ทามทอยมองมายมิ้นท์ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามแล้วพูดขึ้น
มายมิ้นท์ส่ายหน้า “ไม่หรอก ฉันชอบคุณอาพ่อบ้านมาก เป็นกันเองมากเลยอ่ะ จริงสิ นายให้ฉันเอาตัวอย่าง DNA ของคนในตระกูลภักดีพิศุทธิ์มา ฉันเอามาแล้ว”
เธอวางแก้วชาลง หยิบถุงกันน้ำที่ใส่เส้นผมส้มเปรี้ยวเอาไว้ออกมาจากกระเป๋า
ทามทอยเห็น ก็แทบพ่นน้ำชาออกมา “ทำไมเยอะขนาดนี้?”
“เอ่อ……เผลอดึงเยอะไปหน่อย ยังไงนายก็เอาไปเถอะ” มายมิ้นท์โยนเส้นผมให้เขาทันที
ทามทอยรีบรับมันไว้ “เมื่อกี้คุณบอกว่าดึงเหรอ? เส้นผมพวกนี้คุณคงไม่ได้ดึงจากหัวส้มเปรี้ยวตรงๆ หรอกนะ?”
มายมิ้นท์ยิ้มให้เขา “ก็ประมาณนั้น”
“ส้มเปรี้ยวคงไม่ให้คุณดึงแน่ ไหนเล่ามาสิ คุณทำได้ยังไง ไม่ใช่แค่ดึงมาได้ แต่ดึงมาเยอะมาก!” ทามทอยวางเส้นผมลง เลื่อนเก้าอี้โบราณไปข้างๆ เธอ นั่งลงแล้วมองเธอด้วยใบหน้าสงสัย
มายมิ้นท์เห็นเขาอยากรู้แบบนี้ ก็ลูบหู จากนั้นก็เล่าขั้นตอนทั้งหมดที่ตัวเองไปหาส้มเปรี้ยวที่โรงพยาบาล
ทามทอยได้ยินแล้วก็กุมท้องหัวเราะฮ่าๆ เสียงดัง “สุดยอดเลยอ่ะมายมิ้นท์ คุณทำได้ดีมาก จงใจกระตุ้นให้เธอโกรธ ให้เธอลงมือทำร้ายคุณก่อน จากนั้นคุณก็มีเหตุผลในการทำคืน พอเป็นแบบนี้ ก็ไม่มีใครสงสัยว่าคุณดึงเส้นผมเธอเพราะมีจุดประสงค์อื่น”
“ใช่แล้ว ถ้าฉันดึงผมเธอโดยตรง เธอต้องสืบหาเหตุผลที่ฉันดึงเส้นผมเธอแน่ ก็เลยต้องทำแบบนี้ล่ะ” มายมิ้นท์แบมือตอบกลับ
“ได้ ฉันจะให้คนมาเอาเส้นผมไป” เขาหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงแล้วโทรออก
มายมิ้นท์นั่งเก้าอี้ฟังเงียบๆ
ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา เส้นผมส้มเปรี้ยวก็ถูกเอาไปแล้ว
มายมิ้นท์เตรียมจะไปแล้วเช่นกัน แต่พ่อบ้านและทามทอยให้อยู่ต่อ เพื่อทานอาหารเย็นสักมื้อ
ทานเสร็จแล้ว ทามทอยก็ขับรถไปส่งเธอกลับคอนโดพราวฟ้าด้วยตัวเอง
“พรุ่งนี้ฉันจะให้คุณไปเจอชวนชมตัวปลอม” มายมิ้นท์ลงจากรถไปแล้ว ทามทอยก็เลื่อนกระจกรถลง แขนข้างหนึ่งพาดบนขอบหน้าต่าง มองเธอขณะพูดขึ้น
ดวงตามายมิ้นท์เกิดแสงแวววาว พยักหน้าเห็นด้วย “ได้ ฉันก็อยากเอาสร้อยคอให้เธอพอดี”
“งั้นก็เอาตามนี้นะ พรุ่งนี้เจอกัน” ทามทอยโบกมือ
มายมิ้นท์ตอบอืม “พรุ่งนี้เจอกัน”
หลังจากนั้นไม่นาน ทามทอยก็เลื่อนกระจกรถขึ้น แล้วขับรถออกไป
มายมิ้นท์ยืนริมถนนอยู่ตลอด มองตามรถเขาขับไปไกล จนกระทั่งไม่เห็นรถแล้ว จึงหันตัวเดินเข้าไปในตึกใหญ่อพาร์ทเมนท์
ที่ริมถนน ภายในรถเก๋งธรรมดาคันหนึ่ง เปปเปอร์มองแผ่นหลังมายมิ้นท์ด้วยแววตาลึกซึ้ง การแสดงออกบนใบหน้าพูดไม่ออกว่าดีใจหรือโกรธ
แต่ผู้ช่วยเหมันตร์รู้ ตอนนี้เขาไม่พอใจ อารมณ์ไม่ดีอย่างมาก
เพราะเห็นคุณมายมิ้นท์ลงมาจากรถผู้ชายคนอื่นเหรอ?
“ประธานเปปเปอร์ รถคันเมื่อกี้ เหมือนจะเป็นรถคุณทามทอย” ผู้ช่วยเหมันตร์หันศีรษะไปพูดกับชายที่อยู่เบาะหลัง
เปลือกตาผู้ชายคนนั้นผลุบลง ซ่อนความเดือดดาลในดวงตาเอาไว้ ไม่ตอบอะไร
แน่นอนว่าเขารู้ว่าเป็นรถของทามทอย
เขาแค่กำลังคิดว่า ทำไมดึกดื่นป่านนี้ มายมิ้นท์ถึงได้กลับมากับทามทอย พวกเขาไปไหนกันมา? แล้วทำอะไรกัน?
ความสงสัยมากมายวนเวียนในหัวใจ ทำให้ความดันอากาศรอบตัวเปปเปอร์ต่ำลง
เขากำหมัด สีหน้ามืดมน “ไปกันเถอะ”
“ไม่ไปหาคุณมายมิ้นท์เหรอครับ?” ผู้ช่วยเหมันตร์ถามด้วยความประหลาดใจ
เปปเปอร์หรี่ตา “ทำไมฉันต้องไปหาเธอ?”
ผู้ช่วยเหมันตร์ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว แต่ในใจรู้สึกขัดแย้งแต่พูดไม่ได้
เอาเถอะ หึงแล้ว เห็นคุณมายมิ้นท์กลับมากับชายอื่น ก็เลยโกรธโวยวายต้องการจะไป
ไปก็ไป อย่างไรแล้วคราวหน้าก็จะมาอีก
ขณะที่คิด ผู้ช่วยเหมันตร์ก็ยักไหล่ สตาร์ทรถเงียบๆ
ไม่นานนัก ก็ถึงคฤหาสน์ตระกูลนวบดินทร์
เปปเปอร์ถูกผู้ช่วยเหมันตร์เข็นเข้าไป พอเข้าไปที่ประตูทางเข้าห้องโถง ก็ได้ยินเสียงแปะๆ สองที จากนั้นพลุหลากสีก็ลอยลงมาจากศีรษะ หล่นไปทั่วทั้งตัวเขา
“พี่ ยินดีด้วยที่ออกจากโรงพยาบาล!” ปีโป้ยืนบนบันไดทางเข้าห้องรับแขก ยิ้มระรื่นกล่าวแสดงความยินดี
เปปเปอร์เห็นสองมือเขาแกว่งแท่งพลุไปมาไม่หยุด ก็รู้ว่าพลุเมื่อครู่นี้ เขาเป็นคนจุด
“เปปเปอร์ ยินดีต้อนรับกลับบ้าน” ท่านย่าก็ยิ้มแล้วพูดขึ้น
พิศมัยแน่นอนว่าไม่ยอมน้อยหน้า “ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะ เปปเปอร์”
คิ้วเย็นชาของเปปเปอร์อ่อนโยนลงไม่น้อย ปัดพลุบนตัวออกแล้วตอบกลับ “ขอบคุณครับ”
“พี่ ผมเข็นพี่เอง” ปีโป้ทิ้งแท่งพลุในมือ แล้วเดินไปที่ผู้ช่วยเหมันตร์
ผู้ช่วยเหมันตร์หลีกทางให้อย่างที่ควรจะทำ “ประธานเปปเปอร์ งั้นผมกลับก่อนนะครับ”
“อืม เปปเปอร์พยักหน้า”
ผู้ช่วยเหมันตร์ทักทายท่านย่าอีกครั้ง แล้วหันตัวเดินจากไป
ขณะที่ออกไปจากประตูใหญ่คฤหาสน์ตระกูลนวบดินทร์ เขาก็เงยหน้ามองท้องฟ้ายามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาว น้ำตาเม็ดหนึ่งก็ไหลออกมาจากหางตา
ดีจังเลย ในที่สุดเขาก็เลิกงาน!
มันไม่ง่ายเลยนะ!
ด้านใน ปีโป้เข็นเปปเปอร์ไปที่ห้องรับแขก “พี่ พี่ออกจากโรงพยาบาลตอนบ่ายไม่ใช่เหรอ? ทำไมเพิ่งกลับมาตอนนี้?”
เปปเปอร์ดวงตาหลบหลีกเล็กน้อย “ไม่ค่อยสบาย เลยให้เหมันตร์พาฉันออกไปผ่อนคลายสักหน่อย”
ได้ยินเขาบอกว่าไม่สบาย ท่านย่าก็หันศีรษะกลับมาทันที “ย่าเลยบอกไงว่าอย่าออกจากโรงพยาบาลเร็วแบบนี้ ให้อยู่โรงพยาบาลต่ออีกสองสามวัน แต่หลานไม่ฟัง ไม่สบายตรงไหนล่ะ ย่าจะให้หมอมาดู?”
“ไม่ต้องครับคุณย่า ไม่เป็นอะไรแล้ว” เปปเปอร์นวดขมับแล้วตอบกลับ
ที่จริงแล้วเขาไม่ได้ไม่สบาย จู่ๆ เขาก็แค่อยากออกจากโรงพยาบาล แล้วเจอมายมิ้นท์คนแรก ก็เลยให้เหมันตร์พาเขาไป
แค่ไม่คิดว่า จะเห็นเธอนั่งรถทามทอยกลับมา
ขณะที่พูด ก็มาถึงห้องรับแขกแล้ว
ทันใดนั้นพิศมัยก็พูดขึ้นด้วยใบหน้ามีเงื่อนงำ “จริงสิเปปเปอร์ มีเซอร์ไพรส์นะ”
“เซอร์ไพรส์?” เปปเปอร์เลิกคิ้ว
แต่ท่านย่ากับปีโป้กลอกตาพร้อมกัน ไม่พูดอะไร
“แน่นอน เซอร์ไพรส์อยู่ตรงนั้น” พิศมัยที่ไปที่ทิศทางหนึ่ง
เปปเปอร์เงยหน้าขึ้นไป เห็นใครคนหนึ่งยืนขึ้นมาจากโซฟาโดยหันหลังให้เขาอยู่
คนคนนั้นค่อยๆ หันตัวมา เผยใบหน้าสวย กำลังบีบนิ้วมือ มองเขาอย่างไม่สบายใจ “เปปเปอร์”
เปปเปอร์สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ความอ่อนโยนที่อยู่ระหว่างคิ้วแต่เดิมที ก็กลับกลายเป็นเย็นชาทันที
มือที่เขาวางไว้บนที่วางมือบนรถเข็น ก็กำแน่นขึ้นมา มองพิศมัยด้วยสายตาเย็นชาเล็กน้อย
นี่คือเซอร์ไพรส์ที่เธอบอกเหรอ?