รักหวานอมเปรี้ยว - บทที่ 241 ไม่ได้ถูกสะกดจิต
ที่จริงในตอนนั้น เธอก็รู้ว่าเขาไม่ได้รักเธอ เนื่องจากหลังที่ถูกแอบถ่ายในครั้งนั้นแล้วก็ไม่ได้พบหน้ากันอีก ที่จริงควรจะพูดว่าเขาไม่ได้เจอเธออีกต่างหาก แต่เธอกลับแอบมามองเขาอยู่หลายครั้ง
เธอคิดว่าหลังจากแต่งงานแล้ว เธอจะสามารถทำให้เขาหวั่นไหวได้ ทำให้เขาหันมารักเธอได้ แต่เธอคิดผิดอย่างมหันต์ ไม่เพียงแต่เธอจะไม่อาจทำให้เขาหวั่นไหวได้ อีกทั้งยังทำให้เขาเกลียดตัวเธอยิ่งเข้าไปอีก นานวันเข้าเธอเองก็รู้สึกรำคาญใจ และในที่สุดเธอก็เข้าใจว่า เขาไม่ชายหนุ่มที่อ่อนโยนซึ่งเธอเคยรักในตอนนั้นอีกต่อไปแล้ว
ส่วนเหตุผลที่ทำไมถึงไม่หย่าร้าง ทำไมถึงต้องอยู่ข้างกายเขา ทนให้ตระกูลนวบดินทร์เหยียบย่ำมาถึงหกปี บางทีมันอาจจะเกิดจากความไม่เต็มใจและความหมกมุ่นของเธอ
เนื่องจากตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย เธอก็ตกหลุมรักเปปเปอร์ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยกว่าจะแต่งงานกับเขาได้ จะให้เธอปล่อยมือง่ายๆ ได้อย่างไร เธอต้องการจะลองดูอีกสักหน่อย ไม่แน่ว่าในสักวันหนึ่งเขาอาจจะกลับมาเป็นเปปเปอร์คนเดิมทีอ่อนโยน เป็นคนที่เธอคุ้นเคยก็ได้นี่?
จนกระทั่งสามเดือนก่อน เมื่อส้มเปรี้ยวตื่นขึ้น ประกอบกับการขับไล่ของเขา จึงทำให้เธอเข้าใจว่าเขาคงไม่สามารถกลับไปเป็นเปปเปอร์คนเก่าได้อีกแล้ว เปปเปอร์ในตอนนี้เป็นของส้มเปรี้ยว ไม่ใช่เปปเปอร์คนที่เธอรักอีกต่อไป ด้วยเหตุนี้เองเธอจึงตัดสินใจที่จะหย่าร้างกับเขา
“ประธานมายมิ้นท์คะ!” ทันใดนั้นซินดี้ก็เคาะประตูเข้ามา
มายมิ้นท์รีบกดออกจากอัลบั้มรูปแล้วปิดโทรศัพท์มือถือลง ทำใจให้สบายดังเดิมแล้วเอ่ยถามว่า “มีเรื่องอะไรหรือ?”
“ประธานเตชิตแจ้งให้ทุกคนไปประชุมค่ะ” ซินดี้ยืนอยู่ที่ตรงข้ามกับโต๊ะทำงานของเธอ
มายมิ้นท์พยักหน้าตอบว่า “เอาล่ะ ฉันรู้แล้วเดี๋ยวจะรีบไป”
ขณะเดียวกัน ณ บริษัทตระกูลนวบดินทร์
ผู้ช่วยเหมันตร์ได้พาจิตแพทย์เข้ามาในห้องทำงานของเปปเปอร์
“ประธานเปปเปอร์ครับ นี่คือคุณหมอตฤณ เป็นหมอด้านจิตแพทย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศ อีกทั้งมักจะช่วยเจ้าหน้าที่ตำรวจในการไขคดีอาญาอยู่หลายคดี” ผู้ช่วยเหมันตร์กล่าวแนะนำ
เปปเปอร์พยักหน้าเล็กน้อย “เข้าใจแล้ว คุณออกไปก่อนนะ”
“ครับ” ผู้ช่วยเหมันตร์พยักหน้ารับ
หลังจากที่เขาออกไปแล้ว เปปเปอร์ก็ได้มองไปทางคุณหมอตฤณ “เชิญนั่งก่อนครับ”
“ขอบคุณครับประธานเปปเปอร์” คุณหมอตฤณดึงเก้าอี้ออกมานั่งแล้วยิ้มให้ เปปเปอร์สบตากับเขา “ประธานเปปเปอร์มีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าครับ ผมจะช่วยชี้นำให้”
เปปเปอร์เม้มริมฝีปากเล็กน้อยแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมาในทันใด ดูเหมือนว่าเขากำลังรวบรวมคำพูดอยู่
คุณหมอตฤณไม่ได้เร่งรีบ เขามองไปที่แก้วน้ำชา ยกขึ้นแล้วจิบมัน
กลิ่นชาอันหอมกรุ่นทำให้เขารู้สึกพอใจมากแล้วหรี่ตาลงมอง อดไม่ได้ที่จะหวนนึกถึงกลิ่นและรสชาติของชานี้
เป็นจริงที่ว่าการมีเงินนั้นดีเหลือเกิน สามารถดื่มชาเลิศรสนี้ได้ตลอดเวลาที่ต้องการ
“คุณหมอตฤณ” ดูเหมือนตอนนี้เขารู้แล้วว่าควรจะพูดอะไรออกมา เปปเปอร์ถึงได้เอ่ยปากเรียก
คุณหมอตฤณหันมามองเขาแล้ววางถ้วยน้ำชาลง “เชิญท่านประธานเปปเปอร์พูดครับ”
“ผมกำลังสงสัยว่าผมโดนสะกดจิต” เปปเปอร์กำหมัดแน่น น้ำเสียงของเขาดูเยือกเย็นเล็กน้อย
นี่คือบทสรุปที่สองวันมานี้เขาครุ่นคิดออกมา
ดูเหมือนเขาจะถูกใครบางคนสะกดจิตเข้าโดยไม่รู้ตัว แต่อาจจะเป็นเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่เกิดขึ้น จึงทำให้ผลการสะกดจิตนั้นล้มเหลว เขาจึงได้กลับคืนสู่สภาวะปกติ
คุณหมอตฤณ ขยับแว่นตาเล็กน้อย “คุณแน่ใจเหรอครับ? ปกติแล้วหากใครที่ถูกสะกดจิต เขาผู้นั้นจะไม่รู้สึกตัวเอง”
เปปเปอร์ขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย “ก่อนหน้านี้ผมเองก็ไม่รู้สึกตัว จนกระทั่งหลังจากเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ในครั้ง ผมจึงได้รู้สึกว่าตัวเองมีบางอย่างผิดปกติไป และความผิดปกติของผมมีเหตุผลมาจากคนคนหนึ่ง คือคู่หมั้นของผมเอง ผมรู้สึกว่าเพียงแค่คู่หมั้นของผมปรากฏกายอยู่ตรงหน้า ความคิดและสติปัญญาทั้งหมดรวมถึงความรู้สึกก็จะไปตามทางที่เธอจูง”
“ยกตัวอย่างเช่น?” คุณหมอตฤณทำท่าทางตั้งอกตั้งใจขึ้นมา
“อย่างเช่นถ้าเธออยากได้อะไร ผมก็จะให้เธอโดยไม่ลังเล หรือว่าเวลาเธอทำท่าทางน่าสงสารเหมือนถูกรังแก ต่อให้ผมรู้ว่ามันเป็นการแกล้งแสดงออก แต่ผมก็อยากจะออกหน้าแทนเธอ ผมยังคงดูแลปกป้องเธออย่างไม่สนใจเหตุผลใด” เปปเปอร์กำหมัดขึ้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า
ใช่แล้ว ส้มเปรี้ยวเสแสร้งแกล้งทำ
ตอนนี้เมื่อเขานึกถึงดวงตาอันแดงเรื่อเนื่องจากการร้องไห้ของส้มเปรี้ยว เขาก็รู้ดีว่าโดยมากแล้วเธอเพียงแค่แสดง แต่ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยรู้ตัวเลย ดูเหมือนมีมือของใครบางคนเข้ามาปิดบังดวงตาของเขาเอาไว้
“มีอย่างอื่นอีกไหมครับ?” คุณหมอตฤณเอามือลูบไปที่คาง “ขออภัยที่ผมจะพูดออกมาตรงๆ นะประธานเปปเปอร์ ตัวอย่างสองกรณีที่คุณอธิบายออกมาเมื่อสักครู่ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย ผมบอกไม่ได้หรอกว่าคุณถูกสะกดจิตหรือเปล่า”
“แล้วก็ยังมีอีกครับ” เปปเปอร์หลับตาลงช้าๆ
ประโยคต่อไปนี้จึงจะเป็นสิ่งสำคัญ
เขาสูดลมหายใจเข้า เปปเปอร์พยายามเก็บกลั้นความรู้สึกอันซับซ้อนลงไป แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบง่ายว่า “ผมไม่ได้รักเธอ แต่ทุกครั้งที่ผมเห็นเธอ ผมมักจะรู้สึกว่าในหัวใจลึกๆ มีเสียงหนึ่งคอยบอกกับผมเสมอว่าตอนนี้ผมรักเธอมาก และผมควรจะทำทุกอย่างเพื่อเธอ ผมควรจะจัดการกับทุกคนที่เข้ามารังแกเธอไปให้สิ้น แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ……”
“คืออะไรครับ?” คุณหมอตฤณ ถามเขาด้วยท่าทางจริงจัง
เปปเปอร์หลับตาลงแล้วตอบว่า “เสียงนั้นคอยบอกผมอยู่เสมอ ต่อให้ผมรู้ว่าเรื่องที่คู่หมั้นผมทำนั้นมันผิด เป็นการทำร้ายคนอื่น แต่ผมจะโทษเธอไม่ได้ ผมจะต้องคิดว่าเธอไม่ผิด ส่วนคนผิดคือคนอื่น เนื่องจากเธอเป็นคนที่ผมใส่ใจมากที่สุด ตัวเธอที่อยู่ในใจผม ปราศจากความเจ้าเล่ห์แต่อย่างใด ทั้งอ่อนโยนและไร้สิ้นหนทาง เธอไม่อาจวางแผนทำร้ายคนอื่นได้อย่างแน่นอน”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เขาก็หยุดชะงักลงแล้วพูดต่อไปว่า “ต่อให้เธอทำมันจริงๆ ผมก็จะคิดหาเหตุผลขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เพื่อนำมาอธิบายกับตัวเองว่าเธอทำแบบนี้เพราะมีเหตุผลจำเป็น อีกทั้งผมจะต้องลืมเรื่องที่เธอทำเหล่านั้นไปให้เร็วที่สุด ต่อให้หลังจากนั้นจะนึกได้ก็ควรรู้สึกว่าเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย”
เมื่อได้ยินประโยคเหล่านี้ คุณหมอตฤณก็สูดลมหายใจเข้าแล้วพูดว่า “ประธานเปปเปอร์ครับ จากประโยคที่คุณพูดมาเมื่อสักครู่ ผมพอจะตัดสินใจได้ว่าความคิดและความรู้สึกของคุณได้รับผลกระทบจากคู่หมั้นของคุณอย่างแน่นอน เพราะการที่คู่หมั้นของคุณไม่อยู่รอบกาย คุณก็จะรู้ตัวว่าคุณไม่ได้รักเธอ แต่ตอนที่เธออยู่ข้างกายคุณ คุณก็จะรู้สึกว่าตัวเองรักเธอและอยากให้โลกทั้งใบนี้กับเธอ”
“ใช่ครับ คุณหมอตฤณ ผมถูกสะกดจิตหรือเปล่า?” เปปเปอร์มองไปทางเขาด้วยแววตาสงสัย
คุณหมอตฤณนิ่งเงียบไปก่อนจะตอบกลับว่า “เรื่องนี้ผมยังไม่ค่อยแน่ใจนัก แต่สิ่งที่ผมแน่ใจก็คือมีความผิดปกติไปในตัวคุณ”
“ถ้าอย่างนั้นรบกวนคุณหมอตฤณช่วยผมตรวจดูหน่อยว่าผมถูกสะกดจิตหรือเปล่า และถูกสะกดจิตตั้งแต่เมื่อไหร่” เปปเปอร์กัดฟันพูด
คุณหมอตฤณลุกขึ้นยืน “เรื่องนี้ไม่มีปัญหาครับ ประธานเปปเปอร์ช่วยหลับตาลงหน่อย เดี๋ยวผมจะตรวจให้”
“ครับ” เปปเปอร์พยักหน้าแล้วค่อยๆ หลับตาลง
การหลับตาของเขาในครั้งนี้ เมื่อตื่นมาอีกทีก็พบว่าเวลาผ่านไปถึงหนึ่งชั่วโมงแล้ว
เขาหลับไปถึงหนึ่งชั่วโมง!
และสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจมากก็คือ เขาไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่
“คุณหมอตฤณ เป็นยังไงบ้าง?” เมื่อเห็นอีกฝ่ายหนึ่งนั่งอยู่ตรงเก้าอี้ข้างหน้าขมวดคิ้วแน่น ในใจของเปปเปอร์ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
คุณหมอตฤณส่ายหน้าอย่างหนักแน่นแล้วตอบว่า “ประธานเปปเปอร์ ผมเสียใจด้วย จากการตรวจของผมอยู่ถึงสองครั้ง แต่ผลสรุปที่ได้ก็คือคุณไม่ได้ถูกสะกดจิต คุณปกติธรรมดามาก และไม่มีปัญหาเรื่องของอารมณ์ความรู้สึกแต่อย่างใด”
ดวงตาของเปปเปอร์หรี่ลงเล็กน้อย “จะเป็นไปได้ยังไง สิ่งที่ผมพูดเมื่อสักครู่เป็นเรื่องจริง ถ้าผมไม่ได้ถูกสะกดจิตแล้วสิ่งที่ผมเป็นอยู่จะอธิบายได้อย่างไร?”
คุณหมอตฤณถอนหายใจออกมา “ที่จริงแล้วผมก็ปวดหัวเหมือนกัน กรณีของคุณประธานเปปเปอร์ผมไม่เคยเจอมาก่อน ดังนั้นผมจึงสงสัยว่า อาจเป็นไปได้ที่คนสะกดจิตคุณมีความรู้ความสามารถด้านจิตวิทยามากกว่าผมมาก ดังนั้นผมจึงไม่อาจตรวจสอบเจอได้ หรือไม่ก็เป็นแบบที่ผมพูดเมื่อสักครู่ คุณไม่ได้ถูกสะกดจิต และความคิดเห็นส่วนตัวผมค่อนข้างจะเชื่อในการคาดเดาที่สอง”
เนื่องจากตัวเขาเองนับว่าเป็นศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาที่มีชื่อเสียงระดับโลก คนที่มีความสามารถมากกว่าเขามีอยู่เพียงไม่กี่คน แต่ต่อให้เป็นคนเหล่านั้นทำการสะกดจิต ถึงแม้ว่าเขาจะไม่อาจคลายจิตที่ถูกสะกดได้ แต่ก็ไม่น่าถึงขนาดจะมองไม่ออก
ดังนั้น การที่ประธานเปปเปอร์ไม่ได้ถูกสะกดจิต น่าจะเป็นไปได้มากทีเดียว
เมื่อคิดได้ถึงส่วนนี้คุณหมอตฤณก็ได้เอ่ยขึ้นว่า “เอาอย่างนี้ดีหรือไม่ครับ ผมแนะนำให้คุณลองหาจิตแพทย์อีกสักสองสามคน ให้พวกเขาลองวินิจฉัยดูว่าได้ผลลัพธ์เหมือนกับผมไหม?