รักหวานอมเปรี้ยว - บทที่ 244 โคมไฟคริสทัลร่วงลงมา
มายมิ้นท์ส่ายหน้า “ไม่รู้เหมือนกัน แต่เขาไม่ได้มีประจำตัวอะไรนะ”
อย่างน้อยในความทรงจำของเธอ เขาก็ไม่เคยมี
เมื่อเห็นสีหน้าของเปปเปอร์ที่นับวันยิ่งซีดลง แล้วหันไปมองดูส้มเปรี้ยวที่เอาแต่ร้องไห้ทำอะไรไม่เป็น มายมิ้นท์ก็ได้แต่ส่ายหน้า เธอพูดไม่ออกจริงๆ
“คุณหนูส้มเปรี้ยว ถ้าคุณไม่อยากให้คู่หมั้นของคุณตายไปแบบนี้ ฉันคิดว่าทางที่ดีคุณควรจะเรียกรถพยาบาลมาก่อน เอาแต่นั่งร้องไห้จะได้ประโยชน์อะไร?”
เมื่อส้มเปรี้ยวได้ยินประโยคนี้ เสียงร้องไห้ของเธอก็หยุดชะงักลง เมื่อได้สติกลับคืนมาก็รู้ตัวว่าเธอเอาแต่นั่งร้องไห้ไม่คิดจะเรียกหมอ ทั้งยังต้องให้คนอื่นมาคอยชี้นำว่าต้องทำอย่างไร สีหน้าของเธอก็ดูไม่น่ามอง
“คุณไม่จำเป็นต้องมาเตือนฉันหรอก ฉันโทรเองได้”
เธอมองไปทางมายมิ้นท์อย่างไม่เป็นมิตร
มายมิ้นท์ยักไหล่แล้วตอบว่า “ฉันคงจะพูดมากไปเอง ถ้าอย่างนั้นก็ตามสบายเถอะค่ะ ราเม็งพวกเรารับประทานอาหารต่อเถอะ”
“ครับพี่” ราเม็งยิ้มแล้วพยักหน้า
ทั้งสองคนกินอาหารต่อจริงๆ โดยไม่สนใจเรื่องรอบข้างอีก
ส่งเสียงหึๆ ออกมาในลำคอ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาตั้งใจจะโทรเรียกรถพยาบาล
แต่ทันใดนั้นมือของเปปเปอร์ก็ยกขึ้นห้ามเธอเอาไว้แล้วพูดว่า “ไม่ต้อง อีกเดี๋ยวผมก็ดีขึ้นแล้วไม่ต้องโทร”
“แต่ว่า เปปเปอร์คะ……”
“อย่าร้องไห้!” ส้มเปรี้ยวยังไม่ทันพูดจบ เปปเปอร์ก็พยายามฝืนอดทนต่อความเจ็บปวดที่มีแล้วเงยหน้าขึ้นมอง เขาใช้มือข้างหนึ่งสัมผัสไปที่ใบหน้าของเธอ นิ้วโป้งปาดน้ำตา น้ำเสียงดูแหบแห้งแต่ก็ปลอบด้วยความอ่อนโยนว่า “ผมไม่เป็นไรไม่ต้องกังวล”
เมื่อพูดจบ เปปเปอร์ก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าความเจ็บปวดในใจเมื่อสักครู่ได้หายลงไปมากทีเดียว
เพียงไม่กี่วินาทีต่อมา ความเจ็บปวดรวดร้าวนั้นก็จางหายไป หากว่าไม่ใช่เป็นเพราะเหงื่อที่ผุดขึ้นบนหน้าผากของเขาเหล่านั้น คงจะคิดว่าทุกอย่างเป็นเรื่องโกหก
เปปเปอร์ก้มหน้าลงพยายามปิดบังความตื่นตระหนกและโมโหเอาไว้
เมื่อสักครู่เขาเพียงแค่ต้องการจะลองดู หากว่าเขาทำตามอย่างที่สมองต้องการ ความเจ็บปวดในใจจะหายไปหรือไม่?
คิดไม่ถึงว่าการที่เขาทดลองเช่นนี้มันจะหายไปจริงๆ
เพราะเขาไม่อยากเอาใจส้มเปรี้ยว ดังนั้นหัวใจของเขาจึงรู้สึกเจ็บปวด แต่เมื่อเขาปลอบใจเธอ หัวใจของเขาก็รู้สึกดีขึ้น ทำไมเหตุการณ์ถึงได้ประหลาดใจเช่นนี้ มันทำให้คนไม่เชื่อเรื่องที่มองไม่เห็นอย่างเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจ
ไม่รู้ว่าหากมีครั้งต่อไป แล้วเขาไม่สนใจที่จะปลอบโยนส้มเปรี้ยว เหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นอีกหรือไม่
ส้มเปรี้ยวไม่รู้ว่าในใจของเปปเปอร์คิดอะไรอยู่ เมื่อเห็นว่าสีหน้าของเขาเริ่มมีเส้นเลือดฟาดปรากฏขึ้นมา เธอก็คลายกังวลลงไม่น้อย “ดีจังเลยนะคะเปปเปอร์ ที่คุณไม่ได้เป็นอะไร”
ริมฝีปากของเปปเปอร์ขยับเล็กน้อยแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ
ส่วนส้มเปรี้ยวก็ไม่ได้สังเกตว่ามีอะไรผิดปกติไป เธอกลับไปนั่งตรงที่ของตนเอง
ผู้จัดการร้านทำการปัดกวาดเศษแก้วที่แตกกระจาย จากนั้นหันไปมองดูเปปเปอร์ “คุณผู้ชายครับ ไม่เป็นอะไรจริงๆ ใช่ไหม ให้ผมเรียกหมอมาให้ไหมครับ?”
ชายหนุ่มคนนี้เมื่อตอนเดินเข้ามาเขาใช้ไม้ค้ำยันด้วย เมื่อสักครู่จู่ๆ ก็เกิดอาการกำเริบแปลกๆ ขึ้นมา แม้ว่าตอนนี้จะดูว่าดีขึ้นมากแล้ว แต่ก็ทำให้กังวลใจไม่น้อย
หากว่าอีกประเดี๋ยวเกิดอาการกำเริบขึ้นมาอีก แล้วตายในร้านเขาก็คงไม่ดี
“ผมไม่เป็นอะไรจริงครับ ไม่ต้องเรียกหมอมาหรอก แก้วที่ทำแตกเมื่อสักครู่เดี๋ยวคิดในบัญชีผมก็แล้วกัน” เปปเปอร์เอามือขึ้นกุมหัวคิ้วแล้วกล่าวออกมา
ผู้จัดการร้านจ้องมองไปที่เขาอยู่ชั่วครู่ ในที่สุดก็เลือกที่จะเชื่อและตอบว่า “ก็ได้ครับ ถ้าอย่างนั้นคงจะไม่รบกวนคุณผู้หญิงกับคุณผู้ชายรับประทานมื้อค่ำแล้ว หากมีอะไรให้รับใช้ก็เรียกได้ตลอดเวลาเลยนะครับ”
“ครับ” เปปเปอร์ตอบและพยักหน้า
จากนั้น ผู้จัดการร้านก็เดินจากไป
จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงหัวเราะของมายมิ้นท์ดังขึ้น
เสียงหัวเราะนั้น ดึงดูดความสนใจของอีกสามคนให้หันไปมอง
“พี่ครับ พี่ขำอะไร?” ราเม็งถามอย่างประหลาดใจ
มายมิ้นท์คลุกสลัดที่อยู่ในจานแล้วตอบว่า “ฉันรู้สึกสิ่งที่แม้แต่คนนอกก็ยังรู้จักให้ความใส่ใจถามถึงสุขภาพร่างกายของประธานเปปเปอร์ว่าดีขึ้นแล้วจริงหรือเปล่า แต่ในฐานะคู่หมั้นประธานเปปเปอร์ คุณหนูส้มเปรี้ยวกลับแตกต่างออกไป ประธานเปปเปอร์บอกว่าไม่เป็นอะไร เธอก็เชื่อเสียอย่างนั้น ไม่ได้แม้แต่จะเอ่ยถามอะไรออกมาอีก คุณหนูส้มเปรี้ยวรักประธานเปปเปอร์จริงเหรอ?”
“คุณมายมิ้นท์คะ คุณหมายความว่ายังไงที่คุณบอกว่าฉันรักเปปเปอร์จริงหรือเปล่า? ฉันจะรักเปปเปอร์หรือเปล่าจำเป็นต้องให้คุณมาพูดเหรอคะ?” ส้มเปรี้ยวกระแทกซ้อมและมีลงบนจาน
มายมิ้นท์ส่ายหน้า โบกมือแล้วตอบว่า “ฉันก็แค่สงสัยไปตามหลักเหตุผลเท่านั้นแหละค่ะ คุณหนูส้มเปรี้ยวจะมีปฏิกิริยาขนาดนี้ทำไมกัน หรือว่าเป็นเพราะฉันพูดแทงใจดำ มันทำให้คุณรู้สึกไม่พอใจ?”
“คุณพูดไร้สาระอะไร แทงใจดำอะไรกัน?” ส้มเปรี้ยวกัดฟันกรอดแล้วหันไปมองทางเปปเปอร์ด้วยท่าทางน้อยอกน้อยใจ “เปปเปอร์คะ คุณต้องเชื่อฉันนะ ไม่ใช่ว่าไม่อยากจะเอาใจใส่คุณ ฉันเพียงแค่……”
“เอาเถอะครับ รับประทานอาหารได้แล้ว” เปปเปอร์เน้นเสียงดังแล้วพูดขึ้นขัดจังหวะเธอ น้ำเสียงและท่าทางของเขาดูไร้ความอดทน
มายมิ้นท์ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เธอหยิบมีดกับส้อมขึ้นมากินอาหารต่อ
ทันใดนั้นเอง แววตาของเปปเปอร์เป็นประกายแล้วพูดว่า “ส้มเปรี้ยว เรื่องนี้ผมคิดมาหลายวันแล้ว ผมรู้สึกว่าพวกเรา……”
ยังไม่ทันพูดจบ ก็มีเสียงดังขึ้นมาขัดจังหวะ
เสียงนั้นดังมาจากโต๊ะด้านข้าง สีหน้าของเปปเปอร์ดูประหลาดใจแล้วหันกลับไปมอง
พบว่าบนโต๊ะอาหารของมายมิ้นท์กับราเม็งมีโคมไฟคริสทัลขนาดใหญ่
ไฟคริสทัลนั้นตกลงมาจากเพดาน ทำให้จานชามที่อยู่บนโต๊ะตกกระจัดกระจาย เศษกระเบื้องกระเด็นกระดอนไปทั่ว
ที่แขนของมายมิ้นท์ถูกเศษกระเบื้องกระเด็นมาบาดจนเลือดออก
ไม่เพียงแค่เธอ ส้มเปรี้ยวเองก็ถูกเศษกระเบื้องลอยมาบาดทำให้เลือดออกเช่นกัน อีกทั้งยังเป็นบริเวณใบหน้า บาดแผลน่าจะประมาณ3 -4 เซนติเมตร
อาจจะเป็นเพราะแรงกระเด็นมาค่อนข้างรวดเร็ว ในตอนแรกทำให้ส้มเปรี้ยวยังไม่รู้สึกถึงความเจ็บ จนกระทั่งบนใบหน้าเธอมีของเหลวไหลลงมา เธอจึงได้เอื้อมมือขึ้นไปสัมผัสและพบว่าเป็นเลือด
วินาทีนี้ ใบหน้าของส้มเปรี้ยวก็ขาวซีด เธอร้องออกมาเสียงหลง
ขณะเดียวกัน ราเม็งก็รู้สึกว่ามายมิ้นท์ผิดปกติไป
เมื่อเขาพิจารณามองดูดีๆ ก็พบว่ามือข้างที่เธอกำเอาไว้แน่นมีเลือดไหลออกมาตามนิ้วและหยดลงไปที่เสื้อผ้า กลายเป็นดวงใหญ่
“พี่ครับ พี่ได้รับบาดเจ็บนะ!” ใบหน้าของราเม็งเปลี่ยนไปทันที น้ำเสียงก็สูงขึ้นเช่นกัน
เปปเปอร์ได้ยินประโยคนี้ดวงตาก็เบิกกว้าง เขาไม่สนใจขาของตนเองที่ไม่สะดวกนัก แต่กลับวิ่งไปอย่างรวดเร็วแล้วดึงแขนของมายมิ้นท์ขึ้นมาพูดว่า “ให้ผมดูหน่อย!”
ที่แขนของมายมิ้นท์ได้รับบาดเจ็บค่อนข้างมาก แผลน่าจะกว้างประมาณ 10 เซนติเมตรเห็นจะได้ อีกทั้งค่อนข้างลึก เลือดไหลออกมาอย่างไม่หยุด มองไปแล้วช่างน่าตกใจ
การกระทำของเปปเปอร์ไม่เพียงแต่ทำให้มายมิ้นท์รู้สึกตกใจ แต่ยังทำให้ส้มเปรี้ยวสีหน้าเปลี่ยนไปด้วย
เธออยู่ใกล้เขามากเมื่อครู่ อีกทั้งเธอยังเป็นคู่หมั้นของเขา แต่เขาไม่ถามเธอสักประโยค กลับวิ่งไปหามายมิ้นท์ด้วยความเป็นห่วง!
ร่างกายของส้มเปรี้ยวสั่นสะท้าน เธอมองไปทางมายมิ้นท์อย่างกับจะกัดกินเข้าไปทั้งร่าง
มายมิ้นท์สัมผัสได้ จึงพยายามใช้แรงกระชากแขนกลับมาจากเปปเปอร์ ก่อนจะพูดด้วยความเยือกเย็นว่า “ประธานเปปเปอร์คะ คุณเป็นห่วงคนผิดหรือเปล่า คุณส้มเปรี้ยวอยู่ทางนู้นต่างหาก!”
“ใช่ครับ พี่พูดได้ถูกต้องแล้ว ประธานเปปเปอร์เชิญคุณออกไปก่อน” ราเม็งหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา เขามองไปทางเปปเปอร์ด้วยใบหน้าอันเยือกเย็น ก่อนจะทำการหยุดเลือดให้มายมิ้นท์
เปปเปอร์ถูกเบียดออกไปจนแทบจะล้มลง
โชคดีที่ข้างหลังเป็นโต๊ะจึงพยุงเขาไว้ ทำให้ยืนได้อย่างมั่นคง
เขามองไปทางราเม็งที่กำลังหยุดเลือดให้มายมิ้นท์ด้วยดวงตาขมขื่น ริมฝีปากของเขาเม้มแน่น ในใจรู้สึกไม่พอใจและหงุดหงิด
“เปปเปอร์คะ……” ในขณะที่เปปเปอร์กำลังรู้สึกหงุดหงิดที่ถูกราเม็งบังคับให้ถอยออกมา น้ำเสียงอันสั่นคลอนของส้มเปรี้ยวก็ดังขึ้น
เขาจึงได้นึกถึงคนคนหนึ่งขึ้นมา
“เปปเปอร์คะ ใบหน้าของฉันได้รับบาดเจ็บ จะเสียโฉมไหมคะ?” ส้มเปรี้ยวจับไปที่ใบหน้าของตนเอง น้ำตาของเธอนองหน้าแล้วมองไปทางเปปเปอร์
เปปเปอร์ขยับริมฝีปากพูดว่า “ไม่หรอก”
แค่รอยแผลเป็นบางๆ ไม่ได้หนักหนาเท่าครึ่งของมายมิ้นท์เลย จะไปทำให้เสียโฉมได้ยังไง?
“จริงเหรอคะ?” ส้มเปรี้ยวดูเหมือนไม่ค่อยเชื่อ
ในใจของเปปเปอร์รู้สึกหงุดหงิดมาก เขาไม่อยากจะตอบเธอแล้ว
ทันใดนั้นที่มีความคิดนี้ขึ้นมา หัวใจของเขาก็รู้สึกเจ็บปวดอีกครั้ง
สีหน้าของเปปเปอร์ดูแย่ขึ้นมาทันใด เขากุมมือแน่นแล้วกัดฟันกรอด น้ำเสียงเยือกเย็นพูดว่า “จริงสิครับ ผมจะหาหมอที่ดีที่สุดมาให้คุณ จะไม่ทำให้ใบหน้าของคุณต้องรับบาดเจ็บเป็นแผลเป็นแน่นอน”