รักหวานอมเปรี้ยว - บทที่ 250 แกล้งทำเป็นเข้าใจ
ในขณะเดียวกัน จู่ๆ ท้องฟ้าด้านนอกก็เกิดมีประกายขึ้น สายฟ้าแลบขนาดใหญ่ ดูเหมือนจะผ่าท้องฟ้าให้แบ่งออกเป็นสองส่วน ท้องฟ้ายามมืดมิดถูกส่องสว่างเจิดจ้าอยู่ครู่หนึ่ง
ณ คอนโดพราวฟ้า มายมิ้นท์ถูกเสียงฟ้าผ่าเมื่อสักครู่ทำให้ตกใจตื่น เธอลุกขึ้นนั่งบนเตียง จิตใจว้าวุ่นและตื่นตระหนก แม้แต่เธอเองก็ไม่รู้ว่าเธอตื่นเต้นอะไรอยู่
มายมิ้นท์ยกมือขึ้นเปิดไฟที่หัวเตียง ก่อนจะกุมไปที่ขมับทั้งสองข้าง เธอหยิบแก้วน้ำที่วางไว้ตรงหัวเตียงขึ้นมาดื่มให้ตนเองสงบจิตสงบใจลง
แต่หลังจากที่เธอดื่มน้ำเรียบร้อยแล้ว เธอก็นำแก้วน้ำวางกลับไปที่เดิม ทว่าดวงตาของเธอต้องเบิกกว้างและตกใจจนทำอะไรไม่ถูก
เนื่องจากเธอเห็นผ้าม่านบริเวณปลายเตียงที่ไม่ได้ถูกเปิดออกปรากฏเป็นหัวกะโหลกอันน่าตกใจ
เธอตาฝาดไปใช่ไหม?
มายมิ้นท์หลับตาลงอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อเวลาผ่านไปประมาณสองวินาที เธอก็ลืมตาขึ้นและมองไปยังผ้าม่านอีกครั้ง
ที่นั่นมีแต่ความมืดมิดและแสงสว่างจากไฟที่ส่องเข้ามา มันจะไปมีหัวกะโหลกได้ยังไงล่ะ?
เฮ้อ……มายมิ้นท์ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะตบลงไปที่หน้าอกของตนเอง
เธอตาฝาดไปจริงๆ ด้วย
เธอก็ว่าอยู่ โลกในปัจจุบันนี้มีผีสางเทวดาเสียที่ไหน?
แต่เมื่อครู่ทำให้เธอตกใจได้ไม่น้อย
เมื่อรู้สึกว่าสักครู่ตนเพียงแค่ตาลายไป มายมิ้นท์ก็ส่ายหน้าและอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
เช้าวันต่อมา มายมิ้นท์มาถึงที่บริษัท
เมื่อเธอเดินมาถึงปากประตูห้องทำงาน ซินดี้ก็ได้โค้งตัวเคารพเธอแล้วทักทายว่า “ประธานมายมิ้นท์คะ อรุณสวัสดิ์ค่ะ”
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ มารอฉันอยู่ตรงนี้มีอะไรหรือเปล่า?” มายมิ้นท์หยิบคีย์การ์ดออกมาแล้วสัมผัสไปที่ประตู ก่อนจะเปิดเข้าไปด้านใน
ซินดี้ยืนอยู่ข้างหลังเธอแล้วพูดว่า “เมื่อสักครู่ได้รับแจ้งจากนวบดินทร์กรุ๊ป บอกว่าโครงการร่วมมือพลังงานใหม่จำเป็นต้องให้คุณเดินทางไปประชุมด้วย”
“เดินทางไปประชุมที่นวบดินทร์กรุ๊ปเหรอ?” มายมิ้นท์ลากเก้าอี้ออกมาและชะงักลง
ซินดี้พยักหน้า “ใช่ค่ะ”
มายมิ้นท์ขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างรวดเร็ว ก่อนจะคลายลงและตอบว่า “โอเค เข้าใจแล้วกี่โมง?”
ที่จริงเธอเองก็ไม่อยากจะไปนวบดินทร์กรุ๊ปนักหรอก
แต่ว่าเปปเปอร์เป็นผู้รับผิดชอบหลักของโครงการนี้ การที่เขาเลือกสถานที่ประชุมคนอื่นไม่มีสิทธิ์จะปฏิเสธ นอกเสียจากว่าจะสละสิทธิ์การเข้าร่วมความร่วมมือ แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เธอจะได้มันมา เธอจะยอมทิ้งไปง่ายๆ ได้อย่างไร?
ดังนั้นต่อให้เธอไม่อยากไปก็คงจะต้องจำใจไป
“บ่ายสองโมงค่ะ” ซินดี้ตอบ
มายมิ้นท์ถอดเสื้อคลุมออกแล้วนั่งลง “เข้าใจแล้วค่ะ ยังมีเรื่องอื่นอีกมั้ย?”
“มีค่ะ เมื่อเช้าคุณราเม็งได้มอบบัตรเข้างานมาให้หนึ่งใบ” ซินดี้เปิดแฟ้มที่กอดเอาไว้ออก ก่อนจะหยิบบัตรเข้างานให้เธอใบหนึ่ง
มายมิ้นท์รับไปแล้วมองดูรายละเอียดด้านบนบัตรเป็นการแนะนำแฟชั่นโชว์ เธออดไม่ได้ที่จะยิ้มขึ้น “เขาให้มันจริงๆ ด้วยสินะ”
“ที่จริงแล้วคุณราเม็งอยากจะรอให้คุณเดินทางมาก่อนแล้วมอบให้ด้วยตนเอง แต่ว่าหลังจากได้รับโทรศัพท์สายหนึ่งเขาก็รีบเดินทางจากไป” ซินดี้พูดออกมา
มายมิ้นท์หยิบบัตรเข้างานนั้นใส่เข้าไปไว้ในลิ้นชัก “คงจะมีงานแหละมั้ง เอาล่ะ ไปทำธุระต่อเถอะ”
“ค่ะ” เลขาซินดี้พยักหน้าตอบรับแล้วเดินออกไป
มายมิ้นท์เปิดคอมพิวเตอร์ออกและเริ่มทำงานของเธอ
ในตอนกลางวัน เธอได้รับสายโทรศัพท์จากเจ้าหน้าที่ตำรวจ รายงานถึงความคืบหน้าที่สืบสวนเรื่องโคมไฟที่หล่นลงมาในภัตตาคารเมื่อคืนนี้
คำตอบที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้แก่เธอก็คืออุบัติเหตุ พวกเขาดูกล้องวงจรปิดและพบว่าโคมไฟคริสทัลนั้นไม่เคยมีใครแตะต้องมัน
ส่วนเหตุผลที่ว่าเหตุใดโคมไฟคริสทัลจึงตกลงมาได้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เหตุผลว่าเสาที่ยึดเอาไว้นั้นไม่แข็งแรงพอ
แม้มายมิ้นท์จะรู้สึกว่าการอธิบายนี้มันดูไม่สมเหตุผล แต่นี่คงจะเป็นคำตอบเดียวนอกเหนือจากว่าเสาที่ยึดเอาไว้เป็นสนิม และไม่มีใครไปแตะต้องมัน
สรุปโดยรวมก็คือเรื่องนี้นับว่าต้องจบลงเพียงเท่านี้
หลังจากวางสายลง มายมิ้นท์ก็มองไปทางผ้าที่พันแขนของตนเอาไว้แล้วถอนหายใจออกมา ก่อนจะรับประทานอาหารต่อไป
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว เธอก็เดินไปขับรถเพียงลำพังมุ่งหน้าไปที่นวบดินทร์กรุ๊ป
ณ ห้องทำงานของประธานบริษัทนวบดินทร์กรุ๊ป
เปปเปอร์มองดูเวลาในหน้าจอคอมพิวเตอร์ “ทุกคนมาถึงแล้วหรือยัง?”
ผู้ช่วยเหมันตร์ที่อยู่ด้านข้างเข้าใจดีว่าเขาหมายถึงอะไร จึงพยักหน้าแล้วตอบว่า “เมื่อสักครู่ตอนที่ผมเดินทางมา มีสามบริษัทแล้วที่มาถึง ตอนนี้คาดว่าคงจะมาครบแล้วครับ”
เปปเปอร์พยักหน้าตอบรับ “ไปกันเถอะ”
เขาหยิบไม้ค้ำที่วางอยู่ตรงโต๊ะ ก่อนจะเดินตรงไปที่ประตู
ผู้ช่วยเหมันตร์หอบเอกสารและเดินตามหลังเขาไป
เมื่อเดินทางมาถึงห้องประชุม คนในห้องประชุมเห็นสองคนนี้เดินเข้ามาก็หยุดส่งเสียงดังและลุกขึ้นยืนทักทาย “ประธานเปปเปอร์”
มายมิ้นท์เองก็เช่นกัน
เปปเปอร์มองไปบรรดาผู้คนทั้งหลาย และหยุดอยู่ที่มายมิ้นท์สองวินาที ก่อนจะละสายตากลับมาแล้วพูดว่า “นั่งเถอะ”
มายมิ้นท์และคนอื่นๆ จึงได้นั่งลง
ผู้ช่วยเหมันตร์เริ่มทำการแจกเอกสารในการประชุม ตอนที่มายมิ้นท์ยื่นมือมารับเอกสาร เขาพบว่ามีผ้าก๊อซพันแผลพันอยู่ที่แขน สายตารู้สึกประหลาดใจแต่ก็กลับมาเป็นปกติในไม่ช้า
หลังจากที่เขาเดินกลับไปข้างกายเปปเปอร์ ก็ได้กระซิบบอกว่า “ประธานเปปเปอร์ครับ ดูเหมือนคุณมายมิ้นท์จะได้รับบาดเจ็บ”
“ผมรู้” ดวงตาของเปปเปอร์กะพริบเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับไปเบาๆ
ผู้ช่วยเหมันตร์ได้แต่เลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย
เอาเถอะ ดูเหมือนประโยคเมื่อครู่ที่เขารายงานไปจะเป็นส่วนเกินสินะ
เขาคิดว่าประธานเปปเปอร์ยังไม่รู้เรื่องเสียอีก
จากนั้นการประชุมก็เริ่มดำเนินขึ้น เนื้อหาการประชุมในครั้งนี้เป็นขอบเขตการใช้งานโดยเฉพาะของพลังงานใหม่ อีกทั้งผลดีและผลเสียของมันเป็นต้น
แม้ว่ามายมิ้นท์จะอ่านเอกสารและหนังสือเกี่ยวกับพลังงานไม่นี้มาไม่น้อย อีกทั้งได้มีโอกาสเดินทางไปนั่งฟังบรรยายในมหาวิทยาลัยด้วย แต่สำหรับพลังงานใหม่นี้ก็ยังนับว่าเป็นเรื่องแปลกใหม่ทีเดียว
เนื่องจากเธอไม่เคยศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงจัง ดังนั้นจึงทำได้เพียงฟังสิ่งที่เปปเปอร์พูด แต่ก็รู้สึกสับสนและคลุมเครือ ฟังอย่างไรก็ไม่เข้าใจ
เอาเถอะ เธอคงทำได้เพียงจดเลคเชอร์เอาไว้ และหลังจากกลับไปค่อยไปนั่งอ่านให้เข้าใจอีกที แต่ว่าเปปเปอร์พูดเร็วเหลือเกินเธอจดไม่ทันเลย เพียงไม่นานมือเธอก็เริ่มล้า
มายมิ้นท์ขมวดคิ้วเข้าหากันแล้วอดไม่ได้ที่จะสะบัดข้อมือ
เปปเปอร์ที่อยู่ในตำแหน่งของประธานเหลือบไปเห็น แววตาของเขาก็มืดมนลงเล็กน้อยและพูดให้ช้าลงกว่าเดิม
ในที่สุด มายมิ้นท์ก็จดตามเขาทันสักที เธออดไม่ได้ที่จะเหลือบตาไปมองเขา แม้ในใจจะรู้สึกสงสัยว่าทำไมจู่ๆ เขาถึงพูดช้าลง แต่ก็ไม่ได้เข้าข้างตัวเองถึงขนาดคิดว่าเขาพูดช้าลงเพื่อเธอ
ผ่านไปประมาณสองชั่วโมง เปปเปอร์ก็ได้หยิบกาแฟที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาจิบแล้วพูดว่า “การประชุมในวันนี้จบลงเพียงเท่านี้ มีใครไม่เข้าใจอะไรอีกมั้ย?”
แม้ว่าเขาจะถามทุกคน แต่สายตานั้นกลับจับจ้องไปที่มายมิ้นท์
มายมิ้นท์มองไปที่สมุดบันทึกของตนเองแล้วกัดริมฝีปากเบาๆ
เธออยากจะพูดเหลือเกินว่าสิ่งที่เธอไม่เข้าใจมีมากมาย แต่คนอื่นก็ดูเหมือนไม่มีใครจะกล้าพูดออกมาเลย ถ้าหากว่าเธอลุกขึ้นยืนแล้วบอกว่าตัวเธอไม่เข้าใจ คนอื่นก็คงจะหัวเราะเยาะเธอแน่
แน่นอนว่าการที่พวกเขาหัวเราะเยาะเธอไม่ซีเรียส แต่พวกเขาจะหัวเราะเยาะเทนเดอร์กรุ๊ปที่คอยสนับสนุนเธอ นี่เป็นสิ่งที่เธอไม่อาจรับได้ และไม่อยากจะเห็นมันเป็นแบบนี้ ด้วยเหตุนี้เองหลังจากที่เธอกลับไปแล้วเธอจึงตั้งใจว่าจะไปศึกษาด้วยตนเอง พยายามทำความเข้าใจให้เร็วที่สุด
เมื่อคิดได้ดังนี้ มายมิ้นท์ก็ก้มหน้าลงแล้วไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก
เปปเปอร์เห็นดังนั้นก็เม้มริมฝีปาก แสดงให้เห็นว่าเขาไม่พอใจกับการที่เธอนิ่งเงียบแบบนี้
แสร้งทำเป็นเข้าใจ เพียงเพื่อศักดิ์ศรีหน้าตา
การที่เธออยู่ในวงการธุรกิจนี้มาได้จนถึงปัจจุบัน บรรดาผู้ชายทั้งหลายของเธอคงจะออกแรงทุ่มเทไม่น้อยสินะ?
เมื่อนึกถึงราเม็งและคนอื่นๆ ใบหน้าของเปปเปอร์ก็อดไม่ได้ที่จะดูเคร่งขรึม แผ่รังสีอำมหิตออกมา
เขาวางถ้วยกาแฟลงบนโต๊ะอย่างแรง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงต่ำทุ้มว่า “ในเมื่อทุกคนเข้าใจแล้ว หลังจากกลับไปให้เขียนบทวิเคราะห์เกี่ยวกับการใช้พลังงานใหม่ แล้วส่งมาที่เมล์ของผมในวันพรุ่งนี้ จบการประชุม!”
เขียนบทความวิเคราะห์?
มายมิ้นท์เงยหน้าขึ้นมอง ท่าทางของเธอดูร้อนรน
เธอไม่เข้าใจเนื้อหาเหล่านี้เลยด้วยซ้ำ เธอจะไปเขียนได้ยังไง?
อีกอย่าง มีเวลาไม่ถึงหนึ่งวัน จะไปพอได้ยังไงกัน?
แต่เมื่อหันไปมองดูคนอื่นที่ทำท่าทางดูสบายๆ ก่อนจะหันกลับมามองตนเอง มายมิ้นท์ก็อดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นยืน “ประธานเปปเปอร์คะ”
เปปเปอร์หันมามองเธอ สีหน้าของเขาดูดีขึ้นเล็กน้อย “ว่ามา”
มายมิ้นท์กำมือเอาไว้แล้วตอบว่า “ดิฉันขอวิดีโอจากกล้องวงจรปิดระหว่างประชุมได้หรือไม่?”
กล้องวงจรปิดที่บันทึกไว้ระหว่างการประชุมมีเสียงด้วย เนื่องจากว่าจะต้องบันทึกการประชุมในขั้นตอนต่างๆ
เมื่อสักครู่บางทีเธอก็จดไม่ทัน หากว่าได้วิดีโอจากกล้องวงจรปิด เธอก็สามารถจดบันทึกในช่วงที่ขาดหายไปได้
เธอตัดสินใจแล้วว่าในคืนนี้คงไม่ได้นอนทั้งคืน น่าจะสามารถเขียนบทวิเคราะห์ออกมาได้อยู่หรอกมั้ง?