รักหวานอมเปรี้ยว - บทที่ 251 สั่งสอนอาจารย์โทน
มายมิ้นท์กัดริมฝีปากล่างของเธอ ครุ่นคิดอย่างไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ และเปปเปอร์ซึ่งนั่งอยู่ตรงเก้าอี้หลักตรงกลางที่อารมณ์เพิ่งจะเริ่มดีขึ้นมา จู่ๆก็จมดิ่งลงสู่ก้นบึ้งในทันที
เขาคิดว่าที่เธอเรียกเขา เพราะอยากให้เขาอธิบายให้เธอฟังอีกครั้ง
คิดไม่ถึงว่าจะเอากล้องวงจรปิด!
ขอกลับไป จากนั้นไปดูพร้อมกับลาเต้หรือไม่ก็ราเม็งอย่างนั้นเหรอ?
ระงับความรู้สึกปั่นป่วนหงุดหงิดในใจเอาไว้ เปปเปอร์ตอบมายมิ้นท์อย่างเย็นชาคำหนึ่ง “กล้องวงจรปิดเสียแล้ว”
“เสียแล้ว?” มายมิ้นท์อึ้งไป จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองกล้องวงจรปิดที่อยู่บนหัว ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่เชื่อว่ามันเสียแล้ว
แต่เธอก็ไม่สามารถเอ่ยปากขอตรอบสอบได้ เพราะที่นี่ก็ไม่ใช่เทนเดอร์กรุ๊ป
ขณะที่มายมิ้นท์ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปดี จู่ๆเปปเปอร์ก็พูดขึ้นมาอีกว่า: “ไปห้องทำงานผม”
“อะไรนะ?” มายมิ้นท์มองดูเขาอย่างประหลาดใจ “ไปห้องทำงานคุณทำไมกัน?”
“ถ้าหากคุณไม่อยากส่งเล่มวิเคราะห์พรุ่งนี้ คุณไม่ไปก็ได้” เปปเปอร์พูดจบ ก็เดินออกไปพร้อมด้วยไม้ค้ำยัน
มายมิ้นท์ถึงได้เข้าใจ ที่แท้เขาก็รู้ว่าเธอไม่เข้าใจรายละเอียดในห้องประชุม ดังนั้นจึงอยากจะสอนเธอ
แต่ว่าเขาใจดีขนาดนี้เชียว มันทำให้เธอรู้ประหลาดใจเล็กน้อย
มายมิ้นท์มองดูสมุดบันทึกที่อยู่ในมือ ไม่รู้ว่าควรจะไปดีหรือเปล่า
เธอไม่ค่อยอยากอยู่ตามลำพังกับเขาสักเท่าไหร่ แต่ถ้าหากไม่ไป หลายๆจุดก็ยังไม่เข้าใจ……
ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายมายมิ้นท์ก็กัดฟันตามเขาไป
ตอนนี้พวกเขาเป็นทีมที่ทำงานร่วมกันแล้ว เขาคงจะไม่อยากให้เธอคอยถ่วงแข้งถ่วงขา ทำให้ความก้าวหน้าของความร่วมมือล่าช้า ดังนั้นถึงได้ช่วยเธอล่ะมั้ง
เมื่อคิดอย่างนี้แล้ว ความกดดันในใจของมายมิ้นท์ ก็หายไปในทันที
ฟังเสียงฝีเท้าที่ดังมาจากด้านหลัง เปปเปอร์หันหน้าเล็กน้อย เห็นร่างหญิงสาวตามมาแล้วจริงๆ
ริมฝีปากบางของเปปเปอร์ขยับเล็กน้อย ความเร็วในการเดินก็ชะลอลงมา รอจนเธอเดินเข้าใกล้แล้ว ถึงได้กลับเข้าสู่ความเร็วในการเดินตามปกติ
ทั้งสองเดินตามกันเข้าไปในห้องทำงานทีละคน
ทันทีที่ประตูห้องทำงานปิดลง ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกมาจากห้องทำงานเลขาด้านข้าง
หญิงสาวมองดูประตูห้องทำงานของประธาน หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วโทรออกไปยังเบอร์หนึ่ง
ส้มเปรี้ยวกำลังทำผมอยู่ ได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋าดังขึ้นมา หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วมองไปแวบหนึ่ง รับสายแล้วยกขึ้นมาแนบหูฟัง “มีเรื่องอะไร?”
“คุณส้มเปรี้ยว มีสถานการณ์ค่ะ!” เลขาสาวใช้มือกุมโทรศัพท์มือถือเอาไว้ ลดเสียงตอบกลับไป
ส้มเปรี้ยวกวาดความเกียจคร้านที่อยู่บนใบหน้า สีหน้าเปลี่ยนเป็นร้ายกาจขึ้นมา “นังหน้าด้านไร้ยางอายคนไหนมันกล้ามาแย่งผู้ชายของฉัน?”
ตั้งแต่ถูกเปปเปอร์ออกคำสั่งว่าถ้าไม่มีนัดห้ามเขาบริษัทตระกูลนวบดินทร์เด็ดขาด เธอก็ซื้อตัวเลขาข้างตัวของเปปเปอร์เอาไว้คนหนึ่ง ให้เลขาคนนั้นคอยจับตาดูพนักงานหญิงของบริษัทตระกูลนวบดินทร์เอาไว้ ถ้ามีพนักงานหญิงคนไหนที่คิดจะมายั่วยวนเปปเปอร์ ให้รีบรายงานต่อเธอทันที
ช่วงเวลานี้เลขาไม่ได้ติดต่อกับเธอเลย เธอยังนึกว่าพนักงานหญิงของบริษัทตระกูลนวบดินทร์จะสงบเสงี่ยมเงี่ยมเสียอีก คิดไม่ถึงความเป็นจริงจะตบหน้าเธออย่างแรง
“ไม่ใช่คนของบริษัทเราค่ะ” เลขาสาวส่ายหน้า
ส้มเปรี้ยวก็ยังไม่ชอบใจ “ถึงแม้จะไม่ใช่คนของบริษัทตระกูลนวบดินทร์ แต่ก็มาแย่งผู้ชายของฉันอยู่ดี บอกมา มันเป็นใคร?”
กล้ามาแหยมกับเธอ เธอจะทำให้ผู้หญิงคนนั้นได้รับรู้ คำว่าเสียใจภายหลังเขียนอย่างไร!
“ฉันไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร แต่ฉันได้ยินประธานเปปเปอร์เรียกเธอว่าคุณมายมิ้นท์ กิริยาที่ประธานเปปเปอร์แสดงออกต่อเธออ่อนโยนมาก แถมยังตั้งใจหยุดรอเธอ เข้าไปในห้องทำงานพร้อมกับด้วยค่ะ” เลขาสาวตอบ
เลขาคนนี้เป็นน้องใหม่ที่เพิ่งจะเข้าทำงานในบริษัทตระกูลนวบดินทร์ได้ไม่ถึงสองเดือน ตอนนี้ยังไม่ได้บรรจุเป็นพนักงานประจำ ก็ต้องไม่รู้อยู่แล้วว่ามายมิ้นท์กับเปปเปอร์เป็นอดีตสามีภรรยากัน
ส้มเปรี้ยวได้ยินคำว่ามายมิ้นท์ ไหนเลยจะไม่รู้ว่าเป็นใคร ลุกขึ้นจากเก้าอี้นุ่มๆทันที จากนั้นก็ถูกเครื่องม้วนผมที่อยู่ในมืออาจารย์โทนี่ดึงจนผมขาดไปหลายเส้น เจ็บจนร้องซี๊ดออกมา
“คุณกล้าดึงผมฉัน?” ส้มเปรี้ยวจ้องอาจารย์โทนี่ด้วยสีหน้าดุร้ายน่ากลัว
ในใจอาจารย์โทนี่รู้สึกน้อยใจไม่ได้รับความธรรมมาก อยากจะบอกว่าคุณเองต่างหากที่จู่ๆก็ลุกขึ้นมา ผมก็เลยถูกดึงจนขาด จะมาโทษฉันได้อย่างไรเล่า
แต่ว่าลูกค้าอย่างไรเสียก็คือลูกค้า แถมยังเป็นลูกค้าที่มีฐานะด้วย อาจารย์โทนี่ก็ไม่กล้าล่วงเกิน ได้แต่รับเป็นแพะรับบาปเงียบๆ โค้งคำนับขอโทษซ้ำๆ “ขอโทษด้วยครับคุณส้มเปรี้ยว ผมไม่ได้ตั้งใจ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ผม……”
เพี้ยะ!
อาจารย์โทนี่พูดยังไม่ทันจบ ก็ถูกส้มเปรี้ยวตบหน้าอย่างแรงฉากหนึ่ง
เสียงที่ดังชัดเจนนั่น ทำให้เลขาสาวที่อยู่อีกด้านของโทรศัพท์ก็ยังอดตัวสั่นไม่ได้ นับประสาอะไรกับอาจารย์โทนี่ที่ถูกตบ
อาจารย์โทนี่กุมหน้าเอาไว้ มองไปที่ส้มเปรี้ยวด้วยความตกใจและหวาดกลัว “คุณส้มเปรี้ยวคุณตบคนได้อย่างไรกัน?”
“กล้าทำผมฉันขาดเยอะขนาดนี้ ฉันไม่ฆ่าแกให้ตายก็ถือเป็นบุญของแกแล้ว!” ส้มเปรี้ยวตอบกลับไปอย่างเย็นชา
มายมิ้นท์นังแพศยานั่นยั่วยุอารมณ์เธอหลายครั้งหลายหนก็แล้วไปเถอะ
ตอนนี้แม้แต่คนต่ำต้อยตัวเล็กๆก็ยังกล้าล่วงเกินเธอ ไม่รู้ที่ตายชัดๆ!
“คุณ……” ได้ยินคำพูดที่ชั่วร้ายคำนี้ของส้มเปรี้ยว อาจารย์โทนี่โมโหจนตาแดงก่ำ “คุณทำเกินไปแล้วนะ คุณเป็นคนทำตัวเองแท้ๆ……”
“พอแล้ว พอแล้ว” เวลานี้ ผู้จัดการเดินเข้ามา ส่งสายตาให้อาจารย์โทนี่ ส่งสัญญาณให้เขาไม่ต้องพูดต่อแล้ว จากนั้นก็พูดกับส้มเปรี้ยวด้วยรอยยิ้มขอขมา: “คุณส้มเปรี้ยว คนนี้เป็นน้องใหม่ของร้านเรา ยังไม่รู้ความ ผู้ใหญ่ไม่ถือผู้น้อย คุณอย่าเถียงกับคนไม่มีความรู้อย่างเขาเลย หลังจากนี้ผมของคุณ ให้ฉันเป็นคนทำได้ไหมครับ?”
“ไม่ได้!” ส้มเปรี้ยวไม่ยอมปล่อยผ่านไป ชี้ไปที่อาจารย์โทนี่ ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยเจตนามุ่งร้าย “ฉันต้องการให้คุณไล่เขาออก และแจ้งไปในวงการว่าห้ามจ้างเขา คุณเป็นผู้จัดการ ความสามารถแค่นี้คงมีนะ”
ผู้จัดการกับอาจารย์โทนี่สีหน้าแข็งทื่อ
โดยเฉพาะอาจารย์โทนี่ โกรธจนตัวสั่นไปทั้งตัว
ผู้หญิงคนนี้ น่าเคียดแค้นจริงๆ!
“คุณส้มเปรี้ยว ทำเกินไปไหม?” ผู้จัดการขมวดคิ้ว
ส้มเปรี้ยวกอดอกเอาไว้ “ฮึ ฉันไม่ได้รู้สึกว่าที่ฉันทำมันเกินไป เขากล้าล่วงเกินฉัน และนี่ก็คือจุดจบ ถ้าหากคุณไม่ทำตาม ก็อย่าหาว่าฉัน……”
“ฉันรู้แล้วคุณส้มเปรี้ยว ฉันจะทำตามที่คุณต้องการ” ผู้จัดการรีบแสดงเจตนา
อาจารย์โทนี่มองดูเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ผู้จัดการ?”
ผู้จัดการแอบดึงแขนเสื้อของเขา
เขาเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว เบือนหน้าออกไป ไม่พูดอะไรอีก
ส้มเปรี้ยวเห็นผู้จัดการตกลงกับคำขอของตัวเองแล้ว ก็ยิ้มอย่างพอใจ “อย่างนี้ถึงจะถูก”
ผู้จัดการร้านฝืนบีบมุมปากเล็กน้อย “ถ้าอย่างนั้นคุณส้มเปรี้ยวนั่งก่อนสักครู่ ฉันพาเขาไปคิดเงินเดือนที่ห้องการเงิน”
“ไปเถอะ” ส้มเปรี้ยวยกคางด้วยใบหน้าหยิ่งผยอง
ผู้จัดการร้านพาอาจารย์โทนี่ออกไป
ห้องรับรองด้านหลัง ใบหน้าอาจารย์โทนี่ไม่เต็มใจ “ผู้จัดการ คุณจะไล่ผมออกแล้วขึ้นบัญชีดำผมจริงๆเหรอ?”
“ไม่หรอก เมื่อกี้นี้ฉันเห็นหมดแล้ว ไม่ใช่ความผิดของนาย ดังนั้นฉันจะไม่ลงโทษนาย แต่ว่าช่วงนี้นายก็พักผ่อนก่อน รอให้ท่านผู้นั้นลืมเรื่องนี้ไปเกือบหมดแล้ว ฉันค่อยส่งนายไปยังร้านสาขา อย่างไรเสียเราก็ไม่สามารถทำให้ท่านผู้นั้นขุ่นเคืองใจได้ เธอไม่เพียงเป็นลูกสาวตระกูลภักดีพิศุทธิ์ แต่ยังเป็นว่าที่ภรรยาของประธานนวบดินทร์กรุ๊ปในอนาคตอีกด้วย” ผู้จัดการถอนหายใจเฮือกหนึ่ง
อาจารย์โทนี่ยิ้มขมขื่น “ผมทราบแล้วครับ”
ด้านนอก ส้มเปรี้ยวนั่งลงไปใหม่ ยกโทรศัพท์มือถือกลับไปข้างหู “มายมิ้นไปทำอะไรที่บริษัทตระกูลนวบดินทร์?”
เลขาสาวเข้าใจว่ามายมิ้นที่พูดถึงก็คือคุณมายมิ้นท์ รีบร้อนตอบกลับไปว่า: “ดูเหมือนว่าจะมาประชุม แต่ตอนนี้การประชุมจบลงแล้วนะคะ”
ส้มเปรี้ยวกำโทรศัพท์มือถือเอาไว้แน่น
ประชุมเสร็จแล้วยังไม่กลับไป ยังจะเข้าไปในห้องทำงานกับเปปเปอร์อีก
พวกเขาทำอะไรกันในห้องทำงาน?
ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกอิจฉาริษยา ส้มเปรี้ยววางสายของเลขาสาว โทรออกไปหาการันต์ “รันต์ ตั้งกี่วันแล้ว คุณยังคิดไม่ออกอีกหรือว่าจะลงมือกับมายมิ้นท์อย่างไร?”
เธอรอไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว เธอต้องการให้มายมิ้นท์ตายตอนนี้เลย!
ในโรงพยาบาล การันต์นั่งอยู่ในห้องตรวจของตัวเอง ดันแว่นตาแล้วตอบกลับมาว่า: “คิดได้แล้ว ผมกะว่าจะลงมือพรุ่งนี้เลย”
ใบหน้าของส้มเปรี้ยวมีสีหน้าความตื่นเต้นขึ้นมาในทันที “คุณวางแผนจะทำอย่างไร?